วันอาทิตย์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ขุมทรัพย์น้ำมันไทย หนุนไทยแสดงสิทธิ์

ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี อนุกรรมาธิการเสริมสร้างธรรมาภิบาลด้านพลังงาน วุฒิสภา เปิดเผยในการเสวนาประชาชนสัญจรครั้งที่ 11 "ขุมทรัพย์น้ำมันไทย อยู่ในกระเป๋าใคร" จัดโดย สถาบันสหศวรรษและเครือข่ายผู้เดือดร้อนจากน้ำมันแพง วันนี้ (28 กรกฎาคม) ที่โรงแรมรัตนโกสินทร์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ว่า รัฐบาลสหรัฐอเมริกาจัดอันดับให้ประเทศไทยติดอันดับ 24 ของโลกใน การผลิตก๊าซจากธรรมชาติ นำประเทศในกลุ่มโอเปค เช่น ไนจีเรีย เวเนซูเอลา ลิเบีย และคูเวต ขณะที่พม่า ติดอันดับ 36 ของโลก และบรูไนอันดับ 38 ของโลก ขณะที่รายงานประจำปีของโอเปค พบว่าประเทศไทยติดอันดับ 5 ของโอเปคที่มีก๊าซธรรมชาติมากที่สุด จะเห็นได้ว่าประเทศไทยมีทรัพยากรด้านปิโตรเลียมเป็นจำนวนมาก ขณะที่ส่วนแบ่งผลประโยชน์ปิโตรเลียมทั้งน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ กลับพบว่าประเทศไทยเก็บน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับเพื่อนบ้านในแถบอาเซียน ซึ่งข้อมูลนี้มาจากกระทรวงพลังงาน โดยในไทยเมื่อขุดเจอเรียกเก็บ 5-10% ส่วนแบ่งกำไร ไม่เก็บ เฉลี่ยแล้วประเทศไทยได้ผลประโยชน์เพียง 29% ด้านพม่า ขุดเจอแหล่งน้ำมันเรียกเก็บ 10% เฉลี่ยเรียกเก็บภาพรวม 80-90% และ กัมพูชา หากขุดเจอเรียกเก็บ 5-15% ส่วนแบ่งกำไร 60% ภาษีจากกำไร 30% ด้านกลุ่มประเทศโอเปค เช่น โบลิเวีย มีส่วนแบ่งผลประโยชน์จากปิโตรเลียมมากถึง 82% "โบลิเวียใช้เวลากว่า 3 ปีในการประท้วง เพื่อแสดงออกถึงสิทธิ์เรื่องก๊าซธรรมชาติและน้ำมันว่าเป็นของประชาชนโดยชอบธรรม เป็นหน้าที่ของประชาชนที่จะต้องเอาคืน เราอย่าไปฝาก ความหวัง หรือฝากอนาคตได้กับนักการเมืองหรือคนอื่น" ม.ล.กรกสิวัฒน์ กล่าวว่า ในประเทศคาซัคสถาน เรียกเก็บอัตราการจัดเก็บรายได้อยู่ที่ 80% ของปริมาณน้ำมันที่ขุดเจาะได้ ไทยก็ควรจะนำมาใช้ เพราะที่ผ่านมากระทรวงพลังงานได้อ้างว่าไม่สามารถเรียก เก็บผลประโยชน์จากปิโตรเลียมได้แพง เพราะคุณภาพและปริมาณน้ำมันของประเทศไทยไม่มีคุณภาพมากเพียงพอ ดังนั้นเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาน่าจะทำแบบคาซัคสถานน่าจะเหมาะที่สุด ทั้งนี้ประเทศไทยเป็นแหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่มีปริมาณค่อนข้างมากและถือเป็นแหล่งน้ำมันที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ขณะนี้มีแหล่งน้ำมันหลายแห่งทั้ง ลานกระบือ จ.กำแพงเพชร มีปริมาณน้ำมันดิบปีละ 2 พันล้านลิตร แหล่งภูมิห้อมและน้ำพอง จ.อุดรธานีและขอนแก่น ปริมาณน้ำมันดิบปีละ 1 พันล้านลิตร แหล่งบงกช ปริมาณน้ำมันดิบปีละ 1 หมื่นล้านลิตร ซึ่งสัมปทานจะครบกำหนด 30 ปีเร็วๆ นี้ ซึ่งกำลังจะกลับมาเป็นของประเทศไทยอย่างเต็มตัว นอกจากนี้ ยังมีแหล่งปลาทอง ปริมาณน้ำมันดิบปีละ 3,700 ล้านลิตร แหล่งเอราวัณ ปริมาณน้ำมันดิบปีละ 3,300 ล้านลิตร แหล่งอาทิตย์ปริมาณน้ำมันดิบปีละ 3,200 ล้านลิตร และ แหล่งสงขลา ปริมาณน้ำมันดิบปีละ 1,250 ล้านลิตร ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าต่างชาติก็ให้ความสนใจแหล่งน้ำมันดิบในประเทศไทยเป็นอย่างมาก เพราะถือเป็นน้ำมันที่ดีที่สุดในโลก เพราะมีมลภาวะต่ำ แต่ไทยกลับส่งออกไปจนหมด จนเกิดน้ำมันดิบในประเทศขาดแคลน ต้องนำเข้ามา สุดท้ายไทยก็ต้องใช้น้ำมันราคาแพง "ที่ผ่านมากระทรวงพลังงานก็ออกมาพูดตลอดว่าแหล่งน้ำมันของบ้านเรามีน้อย ไม่เพียงพอ ต้องนำเข้า ตัวเลขการส่งออกของกระทรวงพลังงานเดือนกุมภาพันธ์ 2555 พบว่าส่งออกน้ำมัน ดิบกว่า 300 ล้านลิตร ส่งไปที่อเมริกา สิงคโปร์ และเกาหลีใต้ และส่งต่อเนื่องไม่เคยขาด แล้วจะมาอ้างว่ามีน้อยได้อย่างไรในเมื่อส่งออกต่อเนื่อง

แต่ผลประโยชน์กลับไม่เคยตกถึงคนในชาติเลยแม้ แต่บาทเดียว ตอนนี้ราคาน้ำมันที่เราใช้อยู่ก็แพงสุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผมจะย้อนไปเมื่อปี 2551 ที่ราคาน้ำมันมีปัญหา ราคาน้ำมันดิบอยู่ที่ลิตรนละ 30 บาท ราคาขายอยู่ที่ลิตรละ 42.50 บาท แต่ปัจจุบันราคาน้ำมันดิบปรับลดลงมาเหลือลิตรละ 20 บาท แต่เหตุใดราคาขายของประเทศไทยยังอยู่ที่ลิตรละ 42.50 บาท ส่วนต่างที่เกิดขึ้นผลประโยชน์ดังกล่าวไปใครได้ไป" ม.ล.กรกสิวัฒน์ กล่าวต่ออีกว่า สำหรับกำไรของธุรกิจพลังงาน ของปตท. ปี 2554 มีกำไรกว่า 125,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2553 ที่มีกำไร 100,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% ไทยออยล์ ปี 2554 มีกำไร 15,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2553 ที่มีกำไร 9,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 67% และบางจาก ปี 2554 มีกำร 5,600 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2553 ที่มีกำไร 2,900 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 93% ทั้งหมดนี้ถือเป็นตัวเลขมหาศาล ทั้งนี้ แหล่งปิโตรเลียมถือเป็นทรัพยากรของคนไทยทั้งประเทศแต่คนไทยกลับไม่ได้รับผลประโยชน์ใดๆ เลยแม้แต่น้อย

breakingnews.nationchannel.com

กอ.รมน.ภาค 4 สน. แจง ผู้ก่อเหตุรุนแรงบิดเบือนศาสนา

รองโฆษก กอ.รมน.ภาค 4 สน. ชี้แจงผู้ก่อเหตุรุนแรงบิดเบือนศาสนา และขอเชิญชวนผู้นำศาสนาประณามการกระทำของขบวนการก่อเหตุรุนแรง ขณะที่ แม่ทัพภาคที่ 4 สั่งไล่ล่าคนร้ายที่ก่อเหตุยิงทหารที่ อ.มายอ จ.ปัตตานี... เมื่อวันที่ 28 ก.ค.  พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ หน.ศปชส.กอ.รมน.ภาค 4 สน./รอง โฆษก กอ.รมน.ภาค สน.กล่าวถึงสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นเมื่อเช้านี้ที่ อ.มายอ จ.ปัตตานี ว่า ตามที่ได้เกิดเหตุการณ์การก่อความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทยอันประกอบด้วย จังหวัดยะลา ปัตตานี นราธิวาส และจังหวัดสงขลา โดยกลุ่มขบวนการที่มีความต้องการแบ่งแยกดินแดนที่ ที่มีการเคลื่อนไหวอยู่ภายนอกประเทศไทย และสั่งการดำเนินการทางลับโดยใช้กำลังปฏิบัติการที่ใช้ชื่อว่า RKK ก่อเหตุทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์ เจ้าหน้าที่รัฐ ทำลายระบบสาธารณูปโภค และระบบเศรษฐกิจ เพื่อต่อรองกับรัฐบาลไทย โดยมีเป้าประสงค์ในการแบ่งแยกการปกครอง และใช้ศาสนาอิสลาม เป็นข้ออ้างในการขับเคลื่อนปลุกระดม และเรียกร้องต่อองค์กรระหว่างประเทศต่างๆ จากการเคลื่อนไหวโดยใช้ข้ออ้างทางศาสนาอิสลาม ของกลุ่มขบวนการก่อเหตุรุนแรง กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ขอแถลงชี้แจงรายละเอียดเพื่อความเข้าใจโดยทั่วกันดังนี้ ประการแรก ฝ่ายผู้ก่อเหตุรุนแรงยังคงยึดแนวทางการต่อสู้กับรัฐบาลไทยด้วยการชักชวน เยาวชนอายุระหว่าง 14 - 29 ปี จากสถานศึกษา เช่น โรงเรียนสอนศาสนาแบบเดิม (ปอเนาะ) และโรงเรียนเอกชนสอนศาสนา รวมถึงเยาวชนที่อยู่นอกสถานศึกษาแต่เคร่งครัดในหลักปฏิบัติศาสนา โดยขบวนการจะปลูกฝัง คำสอน ความเชื่อ นำหลักการศาสนาอิสลามบางข้อมาดัดแปลงสอนเยาวชนให้เชื่อว่าการทำร้ายคนนอก ศาสนา การก่อเหตุทำลายบุคคลผู้นับถือศาสนาอื่นจะได้ขึ้นสวรรค์ได้พบองค์อัลลอฮ์ โดยเฉพาะการสังหารบุคคลที่นับถือศาสนาอื่นในห้วงเดือนรอมฎอน ที่บัญญัติไว้ในหลักปฏิบัติของศาสนาอิสามจะเกิดผลบุญสูงสุดซึ่งเป็นการบิดเบือนหลักของศาสนาอิสลามอย่างร้ายแรง และมุสลิมที่เคร่งครัดปฏิบัติในทั่วโลกไม่ได้ให้การยอมรับ เพราะศาสนาอิสลามแท้จริงแล้วคือ หนทางของสันติ ประการที่ 2 “เดือนรอนฎอน เป็นเดือนแรกที่อัลกุรอานได้ประทานลงมาในฐานะเป็นข้อแนะนำสำหรับมนุษย์ รวมถึงเป็นหลักฐานชัดเจนเกี่ยวกับข้อแนะนำนั้น และเกี่ยวกับสิ่งที่จำแนกระหว่างความจริงกับความเท็จ ดังนั้นผู้ใด ในหมู่พวกเจ้าเข้าอยู่เดือนนั้นแล้ว ก็จงถือศีลอดในเดือนนั้นเถิด” (บาเกาะเราะฮฺ 185) โดยข้อบัญญัติในคัมภีร์อัลกุรอานบทที่ 27 บัญญัติให้ชายหญิงทุกคนถือศีลอดในเดือนรอมฎอน 30 วัน ด้วยอันเป็นวาญิบ หรือ กะเกณฑ์แห่งอัลลอฮ์ ซึ่งผู้ที่เคารพภักดี (อิบาดะฮฺ) ต่ออัลลอฮ์ และศึกษาอัลกุรอานจะฝึกตนให้ละทิ้งความชั่ว มีความเมตตาหยุดกระทำ ความไม่ดี ออกห่างจากสิ่งยั่วยุ และผู้ที่จะชักพามุสลิมสู่การฝ่าฝืน ไม่ว่าจะด้วยมือ คือ ไม่ทำร้ายผู้อื่น ด้วยเท้าไม่เดินไปสู่สถานที่ต้องห้าม ด้วยตาไม่ดูสิ่งต้องห้ามลามก ด้วยหูไม่ฟังในสิ่งที่ไม่ดีให้ร้ายผู้อื่นด้วยปากไม่พูดจาว่าร้ายผู้อื่น ซึ่งมุสลิมทุกคนต้องกระทำความดีตามที่กำหนด

ดังที่มีกำหนดว่า “การถือศีลอดได้ถูกกำหนดแก่พวกเจ้า เหมือนกับที่ได้ถูกกำหนดแก่บรรดาผู้ที่มาก่อนพวกเจ้า” (อัลบาเกาะเราะฮฺ 183) ประการที่ 3 จากเหตุการณ์ระเบิด อ.สุไหงโก-ลก วันที่ 20 ก.ค.55 และการก่อเหตุการณ์ในห้วงเดือนรอมฎอน นายแวดือราแม มะมิงจิ ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี เคยกล่าวไว้ว่าเดือนรอมฎอนเป็นเดือนแห่งความเมตตาเป็นเดือนที่มุสลิมทุกคน แข่งขันกันทำความดี งดเว้นแม้แต่ความคิดที่จะกระทำบาป และถึงแม้ไม่ว่าจะเป็นเวลาใดก็ตาม ผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามที่ดีต้องไม่ฆ่าผู้อื่น และผู้ก่อเหตุย่อมไม่ใช่ผู้ได้ศึกษาในอิสลาม” ซึ่งสอดคล้องกับคำแถลงของนายซาเยค คาสเซม เอลมาสรี ที่ปรึกษา และผู้แทนพิเศษ OIC ครั้งเดินทางมาเยือนจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ผ่านมาได้ประณามการก่อเหตุรุนแรง ทำร้ายผู้บริสุทธิ์ทุกรูปแบบที่เกิดขึ้นต่อประชาชนของกลุ่มขบวนการ และไม่ใช่เรื่องศาสนา และประการสุดท้าย กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ยังคงมุ่งเน้นมาตรการรักษา ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินควบคู่ไปกับการกดดันติดตามจับกุมบุคคลเป้าหมาย รวมทั้งการจัดการกับปัญหาภัยแทรกซ้อนทั้งยาเสพติด และน้ำมันเถื่อน โดยล่าสุดเมื่อ 27 ก.ค. 55 ได้ประกาศยึดทรัพย์ร้านทองภู่สุวรรณ และร้านประเสริฐอาภรณ์ อ.สุไหงโก-ลก จำนวนกว่า 30 ล้านบาท ซึ่งเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาเสพติดและการฟอกเงินในพื้นที่ จ.นราธิวาส และเมื่อ 28 ก.ค.55 หน่วย ฉก.นราธิวาส 30 ได้สนธิกำลัง เข้าไปปิดล้อมพื้นที่เป้าหมาย ซึ่งได้รับแจ้งว่าบุคคลต้องสงสัย จำนวน 5 คน เข้ามาเคลื่อนไหวในพื้นที่ ม.1 ต.เรียง อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ทำให้สามารถควบคุมตัวผู้ต้องหามือประกอบระเบิด ซึ่งมีหมายจับ ป.วิอาญา 1 คน คือ นายลุกมาน เจะปอ และผู้ต้องสงสัย 1 คน อีก 3 คนหลบหนีไปได้ ขณะกำลังประชุมการก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ดังกล่าว

พ.อ.ปราโมทย์ กล่าวถึงกรณีคนร้ายลอบทำร้ายเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจที่ ในพื้นที่ อ.มายอ จ.ปัตตานีว่า ขณะนี้ทางแม่ทัพภาคที่ 4 ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทหารเข้าตรวจสอบและเข้าปิดล้อมตรวจค้นในพื้นที่ หมู่บ้านใกล้เคียงที่เกิดเหตุ โดยเฉพาะบ้านดูว่า ต.ถนน อ.มายอ เพราะก่อนเกิดเหตุกลุ่มคนร้ายได้เข้าไปพบปะและพูดคุยกับชาวบ้านเพื่อทำงานด้านมวลชนไปด้วย นอกจากนี้ก็จะเข้าตรวจค้นในพื้นที่ระยะ 35 กิโลเมตร เพราะเชื่อว่ากลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุน่าจะเป็นบุคคลในพื้นที่ใกล้เคียง ดังนั้น จึงต้องขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนได้ช่วยกันดูแลและหากพบเห็นก็ขอให้กรุณาแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบด้วย.

www.thairath.co.th

แฟนบอลป่วน เจนิฟู้ด-ชลบุรี เอฟซี รถพังยับ

ภายหลังจบเกมการแข่งขัน ฟุตบอลไทยลีก คู่ระหว่าง เจนิฟู้ด สมุทรสงคราม กับ ชลบุรี เอฟซี ซึ่ง แฟนบอลของทั้งสองทีม ที่นั่งอยู่คนละอัฒจันทร์ แต่ว่าใกล้กัน ก็ได้มีปากเสียงกันขึ้น แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะลุกลาม จนเมื่อแฟนบอลชลบุรีได้ทยอยเดินลงจากอัฒจันทร์ เพื่อจะเดินทางไปขึ้นรถ ก็เกิดมีการขว้างปาขวดน้ำและก้อนหินกันขึ้น โดยแฟนบอลสมุทรสงคราม อยู่บนอัฒจันทร์ ขณะที่แฟนบอลชลบุรีอยู่ด้านล่าง ซึ่งการปะทะกันกินเวลาไม่มากนัก เมื่อเจ้าหน้าที่พยายามเข้าไปห้าม แต่ปรากฏว่าแฟนบอลชลบุรี 3 คน ได้รับบาดเจ็บโดนขว้างเข้าที่ศีรษะ ขณะที่แฟนบอลปลาทูคะนอง ได้ถอยล่าออกจากสนามไปอย่างรวดเร็ว จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้แฟนบอลชลบุรี ไม่กล้าที่จะเดินออกจากสนาม ขณะที่ผู้ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเป็นชาย 2 คน และเด็กผู้หญิงอีก 1 คน ได้มาฟ้องกับฝ่ายจัดการของสนาม ถึงเรื่องการรักษาความปลอดภัย พร้อมร้องขอรถพยาบาล ส่วนผู้ที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้กันให้อยู่ในสนามก่อน เพื่อเคลียร์แฟนบอลเจ้าถิ่นด้านนอก โดยนับจากที่เกิดเหตุทาง "เสี่ยเปี๊ยก" สมศักดิ์ ศิริธรรม ประธานที่ปรึกษาทีมปลาทูคะนอง พร้อม สมชาย ตันประเสริฐ ประธานสโมสร ก็ได้ประสานกับทาง นายอรรณพ สิงโตทอง ผจก.ทั่วไปของชลบุรี โดยตลอด เพื่อช่วยป้องกันเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งหลังใช้เวลาไปประมาณครึ่งชั่วโมง

ทางผู้บริหารทีมปลาทูคะนอง พร้อมเจ้าหน้าที่ ได้เดินนำกลุ่มแฟนบอลชลบุรี ออกจากสนามไปส่งยังรถที่จอดนอกสนามบริเวณศาลาจังหวัด แต่เมื่อไปถึง ก็พบว่ารถบัสใหญ่ และรถมินิบัส ที่ทางแฟนชลบุรีเช่ามาเชียร์ในเกมนี้ 10 กว่าคัน ถูกทุบหมดทุกคัน ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขอให้ไปแจ้งความเพื่อลงบันทึกประจำวันไว้ก่อน ทางด้าน "บิ๊กช้าง" สงคราม ตะวัน ผจก.ทีม กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า เกมมันจบไปแล้ว ก็คิดว่ไม่มีอะไร มันแค่น้ำผึ้งหยดเดียวจากแฟนบอลไม่กี่คน ที่ปาขวดเข้าใส่กันก็เลยบานปลาย ขณะที่เจ้าหน้าที่ของเรา ดันยืนอยู่ภายในสนามไม่ได้ไปคุมด้านนอกบริเวณที่แฟนบอลจะต้องเดินออก จึงทำให้เกิดเรื่องขึ้น ซึ่งเรื่องนี้ทางท่านประธานสมศักดิ์ ศิริธรรม ท่านลงมาให้การช่วยเหลือทุกอย่าง ไม่ว่าการนำคนเจ็บส่งโรงพยาบาล และพร้อมชดใช้ค่าเสียหาย รวมถึงรถที่ถูกทุบก็จะชดใช้ค่าเสียหายให้ด้วย

www.siamsport.co.th

ตร. ท่องเที่ยว สร้างความเชื่อมั่นปลอดภัย แก่ นทท

จากปัญหาความไม่ปลอดภัยที่เกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เกิดขึ้นหลายเหตุการณ์ติดๆกันจนกระทบต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของประเทศไทย พล.ต.ต.อดิศร์ งามจิตสุขศรี ผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว ให้สัมภาษณ์"มติชนออนไลน์" ถึงแนวทางสร้างความเชื่อมั่นในความปลอดภัย และอำนวยความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยว รวมถึงปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น อาทิ ปัญหา แท็กซี่ป้ายดำ รถเมล์ท้องถิ่น ปัญหาเจ็ทสกีเรียกเก็บเงินนักท่องเที่ยวเกินอัตรา ปัญหาการหลอกลวงและเอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยว ซึ่งปัญหาดังกล่าวส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวอย่างหนัก และบางกรณีรุนแรงถึงขนาดมีการหลอกลวงนักท่องเที่ยวไปชิงทรัพย์และประทุษร้าย ต่อร่างกาย

พล.ต.ต.อดิศร์ กล่าวว่าสำหรับแนวทางการแก้ปัญหานั้น ในเบื้องต้นจะต้องมีหน่วยงานที่เป็นตัวจัดการ เช่น ถ้าเป็นปัญหารถทัวร์จะเป็นหน้าที่ของกรมการขนส่งทางบกคอยดูแลปัญหาเรื่องนี้ หรือปัญหาด้านเจ็ตสกี ทางกรมการเจ้าท่าจะเป็นผู้รับผิดชอบและเป็นหน่วยงานระดับต้นๆ ที่ต้องเข้ามาดูแล และจัดระเบียบ ปัญหาต่างๆจะมีหน่วยงานรับผิดชอบและจากนี้ไปจะต้องขึ้นบัญชีกับผู้ประกอบการเหล่านี้ให้ถูกต้องก่อนเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดเพื่อให้ง่ายต่อการควบคุมดูแล ตรวจสอบ

นอกจากนี้พล.ต.ต.อดิศร์ ยังได้เสนอว่า ตำรวจท้องที่ ควรขยายหน้างาน และจัดกำลังตำรวจเข้ามาช่วยและสนับสนุนตำรวจท่องเที่ยวในการดูแลนักท่องเที่ยวตามแหล่งท่องเที่ยวและเมืองสำคัญเพื่อลดปัญหาเรื่องตำรวจท่องเที่ยวที่มีจำนวนจำกัดด้วยอย่างไรก็ตามผู้บังคับการยังเน้นย้ำถึงการช่วยกันเป็นหูเป็นตาของประชาชนเนื่องจากประชาชนเปรียบเสมือนตำรวจคนแรกหากประชาชนเข้ามาช่วยกันดูแลจะช่วยจำกัดพื้นที่ให้ผู้ร้ายมีพื้นที่ยืนน้อยลง

นอกจากนี้ในอนาคตได้มีเสนอโครงการที่จะช่วยเหลือนักท่องเที่ยวได้เพิ่มเติมอีกคือการติดตั้งอุปกรณ์รับร้องเรียนแจ้งเหตุโดยผู้ที่จะแจ้งเหตุด่วนเหตุร้ายจะมีเจ้าหน้าที่คอยประสานงานช่วยเหลือที่ปลายทาง อีกทั้งยังมีกล้องที่เห็นหน้าผู้แจ้งเหตุและทางศูนย์รับเรื่องร้องเรียนก็จะเห็นหน้ากัน เรียกว่า (Two-way Communication) สามารถบอกพิกัดเพื่อให้การช่วยเหลือได้ทันที มีการติดตั้งไฟส่องสว่างทุกพื้นที่ ซึ่งทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้เห็นชอบแล้ว จากนี้ก็รองบประมาณและพร้อมจะดำเนินการได้ต่อไป

สุดท้าย พล.ต.ต.อดิศร์ ได้ฝากให้คนไทยทุกคนในฐานะที่เราเป็นเจ้าของบ้าน ก็อยากจะฝากให้เราทุกคนช่วยกันดูแลรักษาแหล่งท่องเที่ยวอันเป็นแหล่งสร้าง รายได้มหาศาลให้แก่ประเทศ



www.matichon.co.th

เสธ.หมึก ไม่หวั่น นักปั่นไทยพร้อมเติมที่

ความเคลื่อนไหวของทีมจักยานไทย ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2012 “ลอนดอนเกมส์” ล่าสุดเมื่อวันที่ 28 ก.ค. ที่ผ่านมา “เสธ.หมึก” พล.ท.เดชา เหมกระศรี เลขาธิการสมาคมจักรยานแห่งประเทศไทยฯ และผู้จัดการทีมสองล้อไทย เปิดเผยว่า ตอนนี้ “น้องบีช” จุฑาธิป มณีพันธุ์ นักปั่นสาวหนึ่งเดียวของไทย พร้อมจะลงสนามแข่งขันในประเภทถนน วันที่ 29 ก.ค.นี้แล้ว ซึ่งความพร้อมตอนนี้ไม่มีปัญหาใดๆ ขณะที่สภาพความฟิตของร่างกายก็เต็มร้อย ส่วนเรื่องจิตใจที่ “น้องบีช” พกความมั่นใจมาเต็มเปี่ยมเพราะได้โทรศัพท์คุยกับคุณแม่ตลอดส่วนตัวแล้วยังมั่นใจว่าน่องเหล็กสาวของไทยจะทำผลงานได้ดี อย่างไรก็ตาม หากสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมก็น่าเป็นห่วงเหมือนกัน

โดยเฉพาะเรื่องของฟ้าฝนที่ประเทศอังกฤษ ที่อาจจะตกมาได้ตลอดเวลา ซึ่งหากมีฝนตกลงมาช่วงแข่งขันก็น่าหนักใจแทนนักกีฬาไทยเหมือนกัน เพราะเราไม่เคยชินกับการปั่นตอนฝนตก ซึ่งแน่นอนฝนจะสร้างปัญหาให้เราขณะที่ความเคลื่อนไหวของทีมว่ายน้ำไทยนั้น “เงือกอุ้ม” ณัชฐานันตร์ จันทร์กระจ่าง เงือกสาวทีมชาติไทย ที่มีโปรแกรมลงแข่งขันวันแรกประเภทฟรีสไตล์ 200 เมตร รอบคัดเลือก ในวันที่ 30 ก.ค. เวลา 16.00 น. ตามเวลาประเทศไทย โดยจะลงแข่งขันในฮีตที่ 1 นั้น ล่าสุดณัชฐานันตร์เปิดเผยว่า ตอนนี้มีความพร้อมเกือบเต็มร้อยแล้ว ซึ่งหลังจากได้ลงฝึกซ้อมและทำความคุ้นเคยกับสระก็ถือว่าไม่มีปัญหา สภาพร่างกายก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก ส่วนเรื่องของจิตใจไม่ต้องเป็นห่วงเพราะว่ามาครั้งนี้ตนขอทุ่มเทสุดชีวิตอย่างแน่นอน สำหรับความหวังในประเภทฟรีสไตล์ 200 เมตร เบื้องต้นตั้งเป้าว่าจะขอทำลายสถิติประเทศไทยให้ได้ ส่วนจะเข้ารอบรองชนะเลิศ หรือ รอบ 16 คนสุดท้ายหรือไม่นั้น ต้องมาลุ้นกันอีกครั้งแต่ก็จะพยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุดด้าน พ.อ.สมนึก แสงนาค ผู้จัดการทีมว่ายน้ำของไทย กล่าวว่า จากการที่ได้ลงฝึกซ้อมมาแล้ว “เงือกอุ้ม” มีความพร้อมมาก ซึ่งตนเชื่อว่าเป้าหมายในการทำลายสถิติประเทศไทยนั้นก็มีโอกาสสูงที่จะทำได้สำเร็จ

www.thairath.co.th

ค้นปริศนา นานถึง 6 ปี โบอิ้ง 737

เป็นเวลานานถึง 6 ปี ที่เครื่องบินโบอิ้ง 737 เครื่องบินยอดนิยมรุ่นนี้ต้องอยู่ท่ามกลางชื่อเสียงที่มัวหมอง เพราะอุบัติเหตุทางการบินที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ท่าอากาศยานริชมอนด์ รัฐเวอร์จิเนีย เครื่องบินโบอิ้ง 737 กำลังเตรียมร่อนลงจอด ทันใดนั้นเองมันก็ม้วนตัวหลุดออกจากการควบคุม ผู้โดยสารพร้อมลูกเรือรวม 51 คนอาจจะกำลังต้องเสียชีวิต นี่คืออุบัติเหตุแปลกประหลาดครั้งที่ 3 ของเครื่องโบอิ้ง 737 ปัญหาเช่นนี้เคยเกิดขึ้นมาก่อนแล้วกับ 737 คือเหตุการณ์ที่โคโลราโด สปริงส์ ในปี 2534 และที่เมืองพิตส์เบิร์ก ในปี 2537 ปี 2534 เที่ยวบินที่ 585 ของสายการบินยูไนเต็ด ได้ออกเดินทางเป็นระยะทางสั้น ๆ จากเดนเวอร์ไปยังโคโลราโด สปริงส์ ด้วยเครื่องโบอิ้ง 737 มัลคอล์ม เบรนเนอร์ เจ้าหน้าที่สอบสวนเหตุเครื่องบินตก กล่าวว่า การเดินทางเที่ยวแรกของวัน กัปตันอยู่ในอารมณ์ยอดเยี่ยม เขาตั้งตาคอยที่จะได้กลับบ้าน พวกเขามีแผนการหลายอย่างในเย็นวันนั้น และเขากำลังจะได้พักยาวเป็นเวลา 2 สัปดาห์ เนื่องจากเป็นเที่ยวบินที่สั้น เครื่องบันทึกเสียงในห้องนักบินจึงมีความยาวประมาณครึ่ง ชั่วโมง เครื่องบันทึกเสียงในห้องนักบินระบุว่ากัปตันได้ทดสอบเครื่องควบคุมการบินของเขา ทิศทางของเครื่อง เพื่อมั่นใจว่ามันสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างสมบูรณ์แบบ เส้นทางบินได้นำพวกเขาบินไปเหนือเทือกเขาร็อคกี้ ภูมิประเทศที่เต็มไปด้วยเนินเขามักจะก่อให้เกิดหลุมอากาศ ผู้โดยสารทั้ง 25 คนบนเครื่องพอจะรู้ล่วงหน้าแล้วว่ามันจะต้องไม่ราบรื่น ภายในห้องนักบินบรรยากาศผ่อนคลาย กัปตันเคยพบกับสภาพเช่นนี้มาก่อน หลังผ่านไปเพียง 20 นาที โบอิ้ง 737 ก็เริ่มต้นการเข้าสู่ช่วงสุดท้ายของการร่อนลงจอด ไม่มีสิ่งใดที่จะบ่งชี้ว่าจะเกิดเหตุผิดพลาด ลูกเรือรู้ว่ามันจะเป็นการลงจอดที่ไม่ราบรื่นมากนัก ซึ่งเป็นเรื่องปกติกับการลงจอดในแถบเทือกเขา แต่น่าจะจัดการได้สำเร็จ เครื่องบินถูกกระแทกจากกระแสลม นักบินปรับแต่งเครื่องบังคับ แต่มันกระเทือนมากจนอาจเป็นอันตรายทำให้เครื่องไปไม่ถึงทางวิ่ง นักบินต้องตั้งลำใหม่อีกครั้ง แต่พวกเขาไม่ได้รับโอกาสนั้น โดยไม่มีสัญญาณเตือนใด ๆ เครื่องบินเริ่มหมุนคว้าง และเอียงไปทางขวา นักบินพยายามที่จะแก้ไข แต่เครื่องควบคุมไม่ตอบสนอง และไม่ว่าพวกเขาจะทำอย่างไรก็ไม่มีอะไรดีขึ้น เครื่องยังคงหมุนคว้างต่อไป และดิ่งสู่พื้น เครื่อง 737 ตกห่างจากท่าอากาศยาน โคโลราโด สปริงส์ ไปเพียง 2-3 ไมล์เท่านั้น เครื่องตกชนกระแทกกับสวนสาธารณะเล็ก ๆ แห่งหนึ่งซึ่งล้อมรอบด้วยบ้านเรือนและอพาร์ตเมนต์ 3 ด้าน ทุกคนบนเครื่องเสียชีวิตทันที ความลึกลับของเที่ยวบิน 585 ถูกเก็บงำไว้อย่างเงียบ ๆ ปล่อยให้บรรดาญาติ ๆ ของเหยื่อคลำหาเหตุผลกันเอาเองว่า เกิดอะไรขึ้นกับเที่ยวบินมรณะนั้น 8 กันยายน 2537 เที่ยวบิน 427 ของยูเอส แอร์ ก็เป็น 737 เช่นเดียวกัน มีผู้โดยสารอยู่ 127 คน ในขณะที่เครื่องกำลังเข้าใกล้พิตส์เบิร์ก หอบังคับการบินแจ้งให้เครื่องรอคิวเครื่องบินอีกหลายลำที่กำลังรอจะลงจอด

นักบินทั้งสองลดความเร็วของเครื่องลงมาอยู่ที่ 190 นอต ช้าในระดับที่เครื่อง 737 สามารถที่จะบินได้โดยเครื่องไม่หยุดค้าง มันน่าจะเป็นการลงจอดตามปกติอีกครั้งหนึ่ง ขณะที่เที่ยวบิน 427 เข้าต่อแถวรอเช่นเดียวกับเครื่องอีกหลายลำนั้น มันก็เจอกับกระแสลมปั่นป่วนซึ่งเกิดจากเครื่องบินลำหน้า ทำให้เกิดการกระแทกอย่างแรงติดต่อกันสองครั้ง แต่นักบินไม่สามารถควบคุมเครื่องได้ เที่ยวบิน 427 ร่วงลงมาจากท้องฟ้ากระแทกพื้นด้วยความเร็ว 61 นอต ผู้โดยสารพร้อมลูกเรือ 135 คน เสียชีวิตทั้งหมด เจ้าหน้าที่สอบสวนเหตุเครื่องบินตก มัลคอล์ม เบรนเนอร์ ได้เปรียบเทียบกับอุบัติเหตุที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ พวกเขาพบว่าหางเสือของเที่ยวบิน 427 ค้างไปทางขวาจนสุด ลักษณะเช่นนี้จะทำให้เครื่องบินเลี้ยว และหมุนอย่างรุนแรง เพื่อเป็นการแก้ไขนักบินจะผลักหางเสือไปในทิศทางตรงกันข้าม แต่ดูเหมือนว่าจะทำไม่ได้ คณะสอบสวนพุ่งเป้าไปที่ตัวกลไกที่ขับเคลื่อนหางเสือจากข้างหนึ่งไปยังอีกข้างหนึ่ง ที่ตั้งอยู่บนมอเตอร์ ไฮดรอลิก ที่เรียกว่า เซอร์โว วาล์ว หากเซอร์โว วาล์ว ไม่ทำงาน แน่นอนว่าหางเสือจะต้องติด เจ้าหน้าที่สอบสวนได้ทดสอบเซอร์โวแบบเดียวกันในทุกสภาพการณ์เท่าที่จะสามารถคิดออก แต่มันก็ไม่ติดหรือหยุดทำงาน หรือขัดข้องเลย โบอิ้งได้รับการร้องขอให้ยกระดับหรือพัฒนาเครื่องควบคุมหางเสือบนเครื่อง 737 ทั้งหมดให้ดีขึ้น หากว่าเซอร์โวคือตัวปัญหาของการหมุนติ้ว มันก็ไม่สมควรที่จะเกิดขึ้นอีกต่อไป แต่นั่นไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้อง เพราะอีก 2 ปีต่อมา ในวันที่ 9 มิถุนายน 2539 สายการบินอีสต์วินด์ แอร์ไลน์ส เที่ยวบิน 517 บินอยู่เหนือน่านฟ้าริชมอนด์ กำลังเผชิญกับปัญหาแบบเดียวกันอีกครั้ง แม้จะได้มีการพัฒนาเซอร์โวใหม่แล้วก็ตาม หางเสือก็ยังเกิดการล็อกตัว และกัปตันไบรอันไม่สามารถที่จะดึงมันกลับมาได้ 737 อีกลำหนึ่งกำลังหมุนคว้างอย่างบ้าคลั่งโดยไม่สามารถที่จะควบคุมได้ แต่แล้วเครื่องควบคุมก็เกิดปลดล็อกตัวมันเองได้อีกครั้ง นักบินพยายามคงระดับการบินไว้ นับเป็นครั้งที่สองแล้วที่เครื่องบังคับหางเสือได้ล็อก และคลายออกในช่วงหลายวินาที อีกหลายนาทีต่อมาเที่ยวบิน 517 ก็ร่อนลงจอดได้อย่างปลอดภัยในริชมอนด์ เวอร์จิเนีย นับเป็นการเฉียดตายอย่างยิ่ง เจ้าหน้าที่สอบสวนหลายคนเชื่อว่าพวกเขาได้ระบุและแก้ไขปัญหาของเครื่อง 737 แล้ว แต่กลับปรากฏว่าพวกเขาคิดผิด 737 ได้ถูกขึ้นบัญชีอันตรายอีกครั้ง ในที่สุดบางอย่างก็เกิดขึ้น

การทดลองเผยให้เห็นว่า ภายใต้สถานการณ์ที่ผิดปกติสุด ๆ เมื่อของเหลวที่มีความร้อนจากอุปกรณ์ไฮดรอลิกปะทะเข้ากับโลหะเซอร์โวที่มีความเย็น เซอร์โว วาล์ว ซึ่งควบคุมหางเสือจะล็อก แล้วจากนั้นเมื่อสภาวะเปลี่ยนแปลงไปมันก็จะปลดล็อก สิ่งที่พวกเขาพบคือความล้มเหลวของเครื่องยนต์กลไกซึ่งไม่ทิ้งร่องรอยเอาไว้เลย นับตั้งแต่ปี 2539 ที่มีการสอบสวนเรื่องนี้ โบอิ้งได้ดัดแปลงและพัฒนาระบบกลไกการควบคุมเซอร์โว วาล์ว หางเสือให้ดีขึ้นมาโดยตลอด และนับตั้งแต่เหตุเฉียดตายของไบร อัน บิช็อป เหนือน่านฟ้าเวอร์จิเนีย ยังมี 737 ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าอีก 3,500 ลำ และไม่มีลำไหนประสบอุบัติเหตุเพราะปัญหาหางเสืออีกเลย ติดตามการตรวจสอบหาอุบัติเหตุของเครื่องบิน เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของผู้คนทั่วโลกที่ยังคงเดินทางด้วยพาหนะที่ปลอดภัยที่สุดชนิดนี้อยู่ทุกวินาที ในสารคดีชุด AIRCRASH CONFIDENTIAL 2 ออกอากาศทุกวันพุธ เวลา 21.00 น. เริ่ม 1 ส.ค. ทางดิสคัฟเวอรี่ แชนแนล ทรูวิชั่นส์ 20.

www.dailynews.co.th

วันเสาร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ห้องสมุดเคลื่อนที่ 25 ปี แอมเวย์ไทย เปิดโอกาศการศึกษา

น้องๆ ในโรงเรียนที่ขาดแคลน 77 จังหวัดของประเทศไทยจะเข้าถึงการอ่าน มีโอกาสศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมได้มากยิ่งขึ้น หากมีแหล่งความรู้ที่เหมาะสมแก่พวกเขา ซึ่งห้องสมุดเป็นอีกคลังความรู้สำคัญส่งเสริมพฤติกรรมรักการอ่านของเด็ก จนเป็นที่มาของการให้ของบริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด ดำเนินโครงการ "ห้องสมุดเคลื่อนที่ 25 ปี แอมเวย์ไทย" สร้างสรรค์ห้องสมุดเคลื่อนที่จากวัสดุไม้ที่ทนทานและสวยงาม รวบรวมหนังสือ 100 เล่ม พร้อมอุปกรณ์การเรียนรู้ติดตั้งพร้อมใช้ ได้แก่ โต๊ะสำหรับนั่งอ่านหนังสือ เก้าอี้ และชุดกระดานไวต์บอร์ดที่สามารถเคลื่อนย้ายไปยังสถานที่ต่างๆ ของโรงเรียนได้สะดวก เพื่อให้เด็กๆ ได้อ่านหนังสือเสริมทักษะ ได้จินตนาการ ตลอดจนครูผู้สอนใช้ประโยชน์จากห้องสมุดเคลื่อนที่ให้มากที่สุด ที่สำคัญต้องเป็นโรงเรียนที่ขาดแคลน เพราะเจ้าของโครงการมีความตั้งใจขยายโอกาสทางการศึกษา และพัฒนาสติปัญญาเด็กไทย

กิจธวัช ฤทธีวารี กรรมการผู้จัดการบริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) เผยถึงการริเริ่มโครงการนี้ว่า ก่อนหน้านี้เคยทำห้องสมุดแอมเวย์เพื่อโรงเรียนที่ห่างไกลเพื่อเปิดโอกาสทางการศึกษา จำนวน 31 ห้องสมุด แล้วยังมีทุนการศึกษาให้เด็กเรียนดี 171 ทุน ต่อเนื่องจนจบปริญญาตรีได้เป็นบัณฑิต สำหรับปีนี้เพื่อสานต่อการให้โอกาสการศึกษา และฉลองครบรอบการดำเนินธุรกิจ 25 ปีในไทย จึงทำโครงการ "ห้องสมุดเคลื่อนที่ 25 ปี แอมเวย์ไทย" เป็นต้นแบบคลังความรู้เคลื่อนที่ โดยรวบรวมหนังสือสารานุกรมเล่มที่ 13-35 จำนวน 23 เล่ม และหนังสือเสริมทักษะที่เป็นหนังสือดีเด่นได้รับรางวัลจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 77 เล่ม รวม 100 เล่ม พร้อมอุปกรณ์การเรียนรู้จำนวน 77 ชุด จะมอบให้แก่โรงเรียนทั่วประเทศ ภายใต้คำปรึกษาจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) "ไอเดียห้องสมุดเคลื่อนที่นี้ได้มาจากแนวคิดห้องสมุด 3 ดี คือ หนังสือดี บรรยากาศดี บรรณารักษ์ดีของกระทรวงศึกษาธิการ จะนำความรู้เคลื่อนที่ไปสู่โรงเรียนที่ขาดแคลน เริ่มต้นที่ 77 ชุด มอบให้โรงเรียนฟรี แล้วแอมเวย์ชวนให้ทุกคนร่วมเป็นเจ้าภาพทำห้องสมุดเคลื่อนที่เพิ่มเติมในราคาชุดละ 40,000 บาท เราจะผลิตและจารึกชื่อไว้บนห้องสมุดให้ด้วย" กิจธวัชเล่าถึงความตั้งใจทำกิจกรรมตอบแทนบุญคุณสังคมไทย สำหรับโรงเรียนที่ต้องการได้รับห้องสมุดเคลื่อนที่ สามารถส่งใบสมัครแสดงความจำนงขอรับห้องสมุดได้ตั้งแต่วันที่ 24 สิงหาคม-30 กันยายน 2555 โดยเข้าไปโหลดใบสมัครที่ www.amwayshopping.com หรือที่แอมเวย์ช็อปทุกแห่ง และในที่สุดบริษัทกับ สพฐ.จะคัดเลือกโรงเรียนที่เหมาะสม และประกาศรายชื่อโรงเรียนที่ได้รับบริจาคในวันที่ 6 พฤศจิกายนนี้

สนิท แย้มเกษร ผู้อำนวยการสำนักพัฒนากิจกรรมนักเรียน สพฐ. กล่าวว่า ปัจจุบัน สพฐ.มีโรงเรียนประถมศึกษาในสังกัดเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา 183 เขต รวม 30,000 โรง มีจำนวนนักเรียน 8 ล้านคน การที่ภาคเอกชนเข้ามาช่วยสังคมด้านการศึกษาเป็นเรื่องที่เกิดประโยชน์ เดิมห้องสมุดเคลื่อนที่จะเป็นกระเป๋าขนาดใหญ่บรรจุหนังสือไว้ โดยมอบให้โรงเรียนที่ใดที่หนึ่ง และให้ครูต่างโรงเรียนมายืมไปใช้ในโรงเรียนของตน เพราะหลายโรงเรียนที่ขาดแคลนไม่มีห้องสมุด "เราจะคัดเลือกโรงเรียนขาดแคลน โรงเรียนในถิ่นทุรกันดาร ที่มีความสามารถในการนำห้องสมุดเคลื่อนที่ไปใช้ มีแผนจัดกิจกรรมจากห้องสมุดนี้ รวมถึงสามารถดูแลรักษาได้อีกด้วย ห้องสมุดนี้จะช่วยเด็กๆ ที่ด้อยโอกาสให้ได้เข้าถึงความรู้สะดวกขึ้น เพื่อให้เด็กๆ เติบโตพร้อมนิสัยรักการอ่าน" ผอ.สำนักพัฒนากิจกรรมนักเรียนกล่าว ตามประสานคนอยากแบ่งปัน บริษัทแอมเวย์ไทยที่ทำโครงการห้องสมุดเคลื่อนที่ ตั้งใจว่าอยากมอบห้องสมุดให้น้องๆ ตามจังหวัดต่างๆ มากกว่านี้ เพราะโรงเรียนหลายแห่งขาดแคลนคลังความรู้ โดยชวนทุกคนมาร่วมทำบุญง่ายๆ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เลือกดีเจที่อยากร่วมทำบุญ ได้แก่ ดีเจอ้อย-นภาพร ไตรวิทย์วารีกุล ดีเจเจ๊แหม่ม-วินัย สุขแสวง ดีเจนุ้ย-ธนวัฒน์ ประสิทธิสมพร ดีเจต้นหอม-ศกุนตลา เทียนไพโรจน์ และดีเจบุ๊คโกะ บูรณาชีวาวิไล ด้วยการทำบุญออนไลน์ผ่าน www.facebook.com/amwaythailand ระหว่างวันที่ 24 กรกฎาคม-24 กันยายน เพียงแค่คลิกไลค์ (Like) แบ่งปัน 10,000 น้ำใจ จะเป็นห้องสมุดเคลื่อนที่ 1 ชุดไปไว้ในโรงเรียนที่ขาดแคลนกัน "อยากร่วมแบ่งปันความรู้มอบห้องสมุดให้เด็ก ได้อ่านหนังสือ ได้ต่อยอดพัฒนาสมอง เพียงแค่กดไลค์ดีเจที่ชื่นชอบ ก็ได้หยิบยื่นโอกาสให้น้องๆ ที่ขาดโอกาสในโรงเรียนห่างไกล" ดีเจบุ๊คโกะ ฝากชวนกด Like ให้มากๆ.

www.thaipost.net

บทความที่ได้รับความนิยม