เป็นเวลานานถึง 6 ปี ที่เครื่องบินโบอิ้ง 737 เครื่องบินยอดนิยมรุ่นนี้ต้องอยู่ท่ามกลางชื่อเสียงที่มัวหมอง เพราะอุบัติเหตุทางการบินที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ท่าอากาศยานริชมอนด์ รัฐเวอร์จิเนีย เครื่องบินโบอิ้ง 737 กำลังเตรียมร่อนลงจอด ทันใดนั้นเองมันก็ม้วนตัวหลุดออกจากการควบคุม ผู้โดยสารพร้อมลูกเรือรวม 51 คนอาจจะกำลังต้องเสียชีวิต นี่คืออุบัติเหตุแปลกประหลาดครั้งที่ 3 ของเครื่องโบอิ้ง 737 ปัญหาเช่นนี้เคยเกิดขึ้นมาก่อนแล้วกับ 737 คือเหตุการณ์ที่โคโลราโด สปริงส์ ในปี 2534 และที่เมืองพิตส์เบิร์ก ในปี 2537 ปี 2534 เที่ยวบินที่ 585 ของสายการบินยูไนเต็ด ได้ออกเดินทางเป็นระยะทางสั้น ๆ จากเดนเวอร์ไปยังโคโลราโด สปริงส์ ด้วยเครื่องโบอิ้ง 737 มัลคอล์ม เบรนเนอร์ เจ้าหน้าที่สอบสวนเหตุเครื่องบินตก กล่าวว่า การเดินทางเที่ยวแรกของวัน กัปตันอยู่ในอารมณ์ยอดเยี่ยม เขาตั้งตาคอยที่จะได้กลับบ้าน พวกเขามีแผนการหลายอย่างในเย็นวันนั้น และเขากำลังจะได้พักยาวเป็นเวลา 2 สัปดาห์ เนื่องจากเป็นเที่ยวบินที่สั้น เครื่องบันทึกเสียงในห้องนักบินจึงมีความยาวประมาณครึ่ง ชั่วโมง เครื่องบันทึกเสียงในห้องนักบินระบุว่ากัปตันได้ทดสอบเครื่องควบคุมการบินของเขา ทิศทางของเครื่อง เพื่อมั่นใจว่ามันสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างสมบูรณ์แบบ เส้นทางบินได้นำพวกเขาบินไปเหนือเทือกเขาร็อคกี้ ภูมิประเทศที่เต็มไปด้วยเนินเขามักจะก่อให้เกิดหลุมอากาศ ผู้โดยสารทั้ง 25 คนบนเครื่องพอจะรู้ล่วงหน้าแล้วว่ามันจะต้องไม่ราบรื่น ภายในห้องนักบินบรรยากาศผ่อนคลาย กัปตันเคยพบกับสภาพเช่นนี้มาก่อน หลังผ่านไปเพียง 20 นาที โบอิ้ง 737 ก็เริ่มต้นการเข้าสู่ช่วงสุดท้ายของการร่อนลงจอด ไม่มีสิ่งใดที่จะบ่งชี้ว่าจะเกิดเหตุผิดพลาด ลูกเรือรู้ว่ามันจะเป็นการลงจอดที่ไม่ราบรื่นมากนัก ซึ่งเป็นเรื่องปกติกับการลงจอดในแถบเทือกเขา แต่น่าจะจัดการได้สำเร็จ เครื่องบินถูกกระแทกจากกระแสลม นักบินปรับแต่งเครื่องบังคับ แต่มันกระเทือนมากจนอาจเป็นอันตรายทำให้เครื่องไปไม่ถึงทางวิ่ง นักบินต้องตั้งลำใหม่อีกครั้ง แต่พวกเขาไม่ได้รับโอกาสนั้น โดยไม่มีสัญญาณเตือนใด ๆ เครื่องบินเริ่มหมุนคว้าง และเอียงไปทางขวา นักบินพยายามที่จะแก้ไข แต่เครื่องควบคุมไม่ตอบสนอง และไม่ว่าพวกเขาจะทำอย่างไรก็ไม่มีอะไรดีขึ้น เครื่องยังคงหมุนคว้างต่อไป และดิ่งสู่พื้น เครื่อง 737 ตกห่างจากท่าอากาศยาน โคโลราโด สปริงส์ ไปเพียง 2-3 ไมล์เท่านั้น เครื่องตกชนกระแทกกับสวนสาธารณะเล็ก ๆ แห่งหนึ่งซึ่งล้อมรอบด้วยบ้านเรือนและอพาร์ตเมนต์ 3 ด้าน ทุกคนบนเครื่องเสียชีวิตทันที ความลึกลับของเที่ยวบิน 585 ถูกเก็บงำไว้อย่างเงียบ ๆ ปล่อยให้บรรดาญาติ ๆ ของเหยื่อคลำหาเหตุผลกันเอาเองว่า เกิดอะไรขึ้นกับเที่ยวบินมรณะนั้น 8 กันยายน 2537 เที่ยวบิน 427 ของยูเอส แอร์ ก็เป็น 737 เช่นเดียวกัน มีผู้โดยสารอยู่ 127 คน ในขณะที่เครื่องกำลังเข้าใกล้พิตส์เบิร์ก หอบังคับการบินแจ้งให้เครื่องรอคิวเครื่องบินอีกหลายลำที่กำลังรอจะลงจอด
นักบินทั้งสองลดความเร็วของเครื่องลงมาอยู่ที่ 190 นอต ช้าในระดับที่เครื่อง 737 สามารถที่จะบินได้โดยเครื่องไม่หยุดค้าง มันน่าจะเป็นการลงจอดตามปกติอีกครั้งหนึ่ง ขณะที่เที่ยวบิน 427 เข้าต่อแถวรอเช่นเดียวกับเครื่องอีกหลายลำนั้น มันก็เจอกับกระแสลมปั่นป่วนซึ่งเกิดจากเครื่องบินลำหน้า ทำให้เกิดการกระแทกอย่างแรงติดต่อกันสองครั้ง แต่นักบินไม่สามารถควบคุมเครื่องได้ เที่ยวบิน 427 ร่วงลงมาจากท้องฟ้ากระแทกพื้นด้วยความเร็ว 61 นอต ผู้โดยสารพร้อมลูกเรือ 135 คน เสียชีวิตทั้งหมด เจ้าหน้าที่สอบสวนเหตุเครื่องบินตก มัลคอล์ม เบรนเนอร์ ได้เปรียบเทียบกับอุบัติเหตุที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ พวกเขาพบว่าหางเสือของเที่ยวบิน 427 ค้างไปทางขวาจนสุด ลักษณะเช่นนี้จะทำให้เครื่องบินเลี้ยว และหมุนอย่างรุนแรง เพื่อเป็นการแก้ไขนักบินจะผลักหางเสือไปในทิศทางตรงกันข้าม แต่ดูเหมือนว่าจะทำไม่ได้ คณะสอบสวนพุ่งเป้าไปที่ตัวกลไกที่ขับเคลื่อนหางเสือจากข้างหนึ่งไปยังอีกข้างหนึ่ง ที่ตั้งอยู่บนมอเตอร์ ไฮดรอลิก ที่เรียกว่า เซอร์โว วาล์ว หากเซอร์โว วาล์ว ไม่ทำงาน แน่นอนว่าหางเสือจะต้องติด เจ้าหน้าที่สอบสวนได้ทดสอบเซอร์โวแบบเดียวกันในทุกสภาพการณ์เท่าที่จะสามารถคิดออก แต่มันก็ไม่ติดหรือหยุดทำงาน หรือขัดข้องเลย โบอิ้งได้รับการร้องขอให้ยกระดับหรือพัฒนาเครื่องควบคุมหางเสือบนเครื่อง 737 ทั้งหมดให้ดีขึ้น หากว่าเซอร์โวคือตัวปัญหาของการหมุนติ้ว มันก็ไม่สมควรที่จะเกิดขึ้นอีกต่อไป แต่นั่นไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้อง เพราะอีก 2 ปีต่อมา ในวันที่ 9 มิถุนายน 2539 สายการบินอีสต์วินด์ แอร์ไลน์ส เที่ยวบิน 517 บินอยู่เหนือน่านฟ้าริชมอนด์ กำลังเผชิญกับปัญหาแบบเดียวกันอีกครั้ง แม้จะได้มีการพัฒนาเซอร์โวใหม่แล้วก็ตาม หางเสือก็ยังเกิดการล็อกตัว และกัปตันไบรอันไม่สามารถที่จะดึงมันกลับมาได้ 737 อีกลำหนึ่งกำลังหมุนคว้างอย่างบ้าคลั่งโดยไม่สามารถที่จะควบคุมได้ แต่แล้วเครื่องควบคุมก็เกิดปลดล็อกตัวมันเองได้อีกครั้ง นักบินพยายามคงระดับการบินไว้ นับเป็นครั้งที่สองแล้วที่เครื่องบังคับหางเสือได้ล็อก และคลายออกในช่วงหลายวินาที อีกหลายนาทีต่อมาเที่ยวบิน 517 ก็ร่อนลงจอดได้อย่างปลอดภัยในริชมอนด์ เวอร์จิเนีย นับเป็นการเฉียดตายอย่างยิ่ง เจ้าหน้าที่สอบสวนหลายคนเชื่อว่าพวกเขาได้ระบุและแก้ไขปัญหาของเครื่อง 737 แล้ว แต่กลับปรากฏว่าพวกเขาคิดผิด 737 ได้ถูกขึ้นบัญชีอันตรายอีกครั้ง ในที่สุดบางอย่างก็เกิดขึ้น
การทดลองเผยให้เห็นว่า ภายใต้สถานการณ์ที่ผิดปกติสุด ๆ เมื่อของเหลวที่มีความร้อนจากอุปกรณ์ไฮดรอลิกปะทะเข้ากับโลหะเซอร์โวที่มีความเย็น เซอร์โว วาล์ว ซึ่งควบคุมหางเสือจะล็อก แล้วจากนั้นเมื่อสภาวะเปลี่ยนแปลงไปมันก็จะปลดล็อก สิ่งที่พวกเขาพบคือความล้มเหลวของเครื่องยนต์กลไกซึ่งไม่ทิ้งร่องรอยเอาไว้เลย นับตั้งแต่ปี 2539 ที่มีการสอบสวนเรื่องนี้ โบอิ้งได้ดัดแปลงและพัฒนาระบบกลไกการควบคุมเซอร์โว วาล์ว หางเสือให้ดีขึ้นมาโดยตลอด และนับตั้งแต่เหตุเฉียดตายของไบร อัน บิช็อป เหนือน่านฟ้าเวอร์จิเนีย ยังมี 737 ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าอีก 3,500 ลำ และไม่มีลำไหนประสบอุบัติเหตุเพราะปัญหาหางเสืออีกเลย ติดตามการตรวจสอบหาอุบัติเหตุของเครื่องบิน เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของผู้คนทั่วโลกที่ยังคงเดินทางด้วยพาหนะที่ปลอดภัยที่สุดชนิดนี้อยู่ทุกวินาที ในสารคดีชุด AIRCRASH CONFIDENTIAL 2 ออกอากาศทุกวันพุธ เวลา 21.00 น. เริ่ม 1 ส.ค. ทางดิสคัฟเวอรี่ แชนแนล ทรูวิชั่นส์ 20.
www.dailynews.co.th
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น