วันศุกร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ความยุติธรรม- สิทธิ คลี่ปมปัญหาใต้

กว่า 60 ปีผ่านไป...ปมปัญหาไฟใต้ที่ลุกลามบานปลายดูเหมือนว่ายังคงไม่เปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะการเรียกร้องความยุติธรรม...สิทธิ...ความชอบธรรมในฐานะมนุษย์คนหนึ่งในโลกประชาธิปไตย

เพชรดาว

แพทย์หญิงเพชรดาว โต๊ะมีนา ผอ.ศูนย์สุขภาพจิตเขต 15 (ปัตตานี) กระทรวงสาธารณสุข สรุปประเด็นสำคัญนี้เอาไว้บนเวทีเสวนา “สันติธานี” วิถีวัฒนธรรมสู่ทางออกชายแดนใต้?งานศึกษาวิจัยของนักศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรชั้นสูง  การเสริมสร้างสังคมสันติสุข รุ่นที่ 2 (4ส2) สำนักสันติวิธีและธรรมาภิบาล สถาบันพระปกเกล้าซึ่งต้องเน้นย้ำว่า  แม้จะพูดผ่านมานานนับเดือนแล้ว  แต่เนื้อหาสาระยังเป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับการแก้ปัญหาความรุนแรงให้ทุเลาเบาบางลงไปได้“สันติธานี” หรือ “Santithani” ความหมายโดยรวม คือ เมืองที่ประชาชนมีความปลอดภัย ตั้งมั่นบนหลักแห่งความถูกต้อง จริงใจ ปราศจากอคติและเปิดใจยอมรับในความแตกต่างหลากหลาย ด้วยความเมตตาและ รอยยิ้มแก่กันเป็น...เมืองที่ประชาชนสามารถเรียนรู้ คิดด้วยภูมิปัญญาแห่งตน เพื่อพัฒนามาตุภูมิอันเป็นที่รัก ถักทอด้วยสายใยแห่งมิตรภาพแห่งความเชื่อมั่น ในกันและกัน ช่วยเหลือเกื้อกูลกันโดยไม่แบ่งแยกเพชรดาว บอกว่า พลังประชาชนในอดีตที่ออกมาเรียกร้อง บอกให้เรารู้ว่า  แม้พลังนั้นจะพ่ายแพ้ต่ออำนาจกฎหมายของประเทศ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเสื่อมศรัทธาต่อความเป็นมุสลิมบ้านเกิดแต่อย่างใดคุณพ่อเด่นเล่าให้ฟังว่า “วันศุกร์ที่ 13 สิงหาคม 2497 วันนั้น...มีตำรวจสันติบาลเชิญไปที่สงขลาให้เอาล่ามไปด้วย พี่ชายคนโต อาหมัด โต๊ะมีนา ก็ไปทำหน้าที่ล่าม ไปกันแต่เช้ามืด นั่งรถแท็กซี่กันไป...หลังจากนั้นมีคนเห็นคุณปู่หะยี สุหลงฯ กับคณะอีกครั้งที่จังหวัดสงขลา แล้วก็ไม่มีใครพบท่านอีกเลย”การหายไปของคุณปู่ พร้อมกับการกล่าวหาว่าเป็นกบฏแบ่งแยก ดินแดน ทั้งๆที่ศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชไต่สวนแล้วว่ามีความผิด ฐานหมิ่นประมาทรัฐบาลไทยเท่านั้น“ถ้ามองอีกด้านหนึ่งจะเห็นได้ว่า การเรียกร้องทั้ง 7 ข้อในกรณีที่เกิดขึ้นนี้...เป็นเพียงการร้องขอสิทธิในการที่จะมีส่วนร่วมที่จะกำหนดนโยบายที่เกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตของคนในท้องถิ่น ซึ่งเป็นหลักการที่สำคัญของประชาธิปไตยอยู่แล้ว ไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวแต่อย่างใดเลย”กว่า 60 ปีที่ผ่านมากับเสียงเรียกร้องจากพี่น้องชาวมลายูมุสลิม ผ่านไปยังรัฐบาลทุกยุคทุกสมัย ยังคงเรียกร้องต่อไปท่ามกลางความสูญเสียตั้งแต่อดีต...ผ่านมาถึงวันนี้ มีผู้คนเจ็บตายไปแล้วมากมายแต่...สิ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลงก็คือ ความต้องการของคนในพื้นที่ ที่ยังมีความต้องการ มีความเป็นตัวของตัวเอง...มีความอิสระในเชิงอัตลักษณ์และความเป็นธรรมความเปลี่ยนแปลงอีกอย่างในวันนี้คือ ความเป็นประชาธิปไตยที่มีมากขึ้น แต่ต้องถามกลับไปว่า วิธีการแก้ไขปัญหา คลี่คลายความคับแค้น ยังใช้วิธีการเดิมๆแก้ปัญหาแบบเดิมๆกันอยู่หรือไม่?“สันติธานีโดยวิถีวัฒนธรรม นำการเมือง การปกครอง...เป็นวิธีหนึ่งที่จะสร้างบรรยากาศที่สอดคล้องกับความต้องการของคนในพื้นที่”

พงษ์ศักดิ์

พงษ์ศักดิ์  ยิ่งชนม์เจริญ นายกเทศมนตรีนครยะลา เสริมว่า  ความไม่เข้าใจส่งผลต่อการทำงานปฏิบัติหน้าที่...ทำให้เกิดความคับข้องใจ กระทั่งนำไปสู่ความไม่สบายใจ จนเกิดสิ่งต่างๆที่ตามมาอย่างไรก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นนั้น อาจมองได้ 2 ภาพ...ภาพแรก การต่อสู้เรียกร้องพี่น้องมุสลิมในแนวทางสันติ ดังในอดีตที่ผ่านมา ภาพที่สอง...เป็นแนวทางการต่อสู้ที่เกิดขึ้นจากความคับข้องใจด้วยกำลังอาวุธเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด พงษ์ศักดิ์พูดในฐานะที่เป็นคนส่วนน้อยที่เกิดโตในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะเป็นคนไทยเชื้อสายจีน รับรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและยังดำรงชีวิตอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติสุขภาพในวัยเยาว์ที่ยังชัดเจนมาจนถึงวันนี้ หลายคนที่เคยไปยะลาคงจะนึกภาพออกว่าเป็นพื้นที่ที่มีพี่น้องมุสลิมอาศัยอยู่กว่า 95 เปอร์เซ็นต์ ครอบครัวเรารายล้อมด้วยครอบครัวพี่น้องมุสลิม  เราใช้บ่อน้ำร่วมกัน ช่วงที่พ่อแม่ออกไปทำธุรกิจ ไม่มีเวลาดูแล สิ่งที่ได้รับเรียกว่าเป็นความผูกพัน ความอบอุ่นอยู่ตลอดเวลาก็คือ “เมาะ” ที่คอยดูแลเสมือนเป็นแม่นม“สิ่งเหล่านี้นั้นได้เกิดขึ้นมาอย่างยาวนาน หลอมรวมกันมาอย่างเหนียวแน่น ในวันสำคัญ ไม่ว่าเทศกาลตรุษจีน พวกเราก็นำสิ่งของที่เรียกว่าแต๊ะเอียมอบให้กับลูกหลานพี่น้องมุสลิม ในทางกลับกัน ในช่วงวันรายอ ถือว่าเป็นวันสุดท้ายของการละศีลอด  พวกเราก็ได้รับสิ่งต่างๆอย่างมากมายจากพี่น้องมุสลิมที่อยู่ในพื้นที่”เหล่านี้เป็นตัวอย่างความสัมพันธ์ที่อยู่ในระดับครอบครัว ซึ่งคิดว่ามีความสำคัญต่อเนื่องไปถึงความสัมพันธ์ในสถานที่ทำงาน คนพุทธ คนมุสลิม ชาวไทยเชื้อสายจีน...อยู่กันด้วยความห่วงหาอาทร ใครก็ตามที่บาดเจ็บจากการทำงานก็ได้รับการดูแลอย่างดียิ่ง ไม่เคยทอดทิ้งกันในแง่สังคมก็เช่นเดียวกัน เราเห็นภาพในการก่อสร้างมัสยิด เห็นพี่น้องชาวไทยพุทธรวบรวมเม็ดเงินเป็นขบวนแห่ไปมอบให้มัสยิดต่างๆ เพื่อเป็นการสมทบทุนในการก่อสร้าง ในทำนองกลับกันประเพณีของชาวไทยพุทธ ก็มีแม่ครัวที่เป็นพี่น้องมุสลิมเข้าไปหุงหาอาหารในสิ่งที่ไม่ขัดต่อหลักศาสนาอิสลาม“สิ่งเหล่านี้เริ่มต้นที่ระดับครอบครัว ระดับชุมชน ขยายไปสู่ระดับสังคม...แต่หลังจากวันที่ 4 มกราคม 2547 เป็นต้นมา  เหตุการณ์ต่างๆได้แปรเปลี่ยนไป...”ภาพความรุนแรงในอดีตจะเห็นเฉพาะการทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร แต่วันนี้ผู้บริสุทธิ์ แม้แต่เด็ก สตรี คนชรา...ก็ต่างตกเป็นเหยื่อ หนำซ้ำบางครั้งผู้นำศาสนาก็ถูกทำร้ายอย่างทารุณเช่นเดียวกัน...พระภิกษุสงฆ์ก็ถูกทำร้าย เป็นสิ่งที่คนที่อยู่ในพื้นที่ต่างไม่สบายใจ แต่ทุกครั้ง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็จะคิดเหมือนกันทุกครั้ง คล้อยหลัง 2-3 เดือนเหตุการณ์ก็คงจะสงบไป  แต่ความคิดนั้นเรารอคอยกันมานาน 8 ปี...ความสูญเสียเกิดขึ้นมากมายภาพที่เกิดขึ้นไม่ว่าวิถีชีวิต ทรัพย์สินต่างๆที่เสียหาย เป็นสิ่งที่เราไม่เคยลืมเลือน อย่างไรก็ตาม พงษ์ศักดิ์ ยิ่งชนม์เจริญ นายกเทศมนตรีนครยะลา ก็ยังมีความหวังและเชื่อว่า สายใยแห่งความผูกพันในอดีตที่พวกเรามีให้แก่กัน ยังคงยึดมั่น...ยังคงถือเป็นภาพรวมร่วมกันเพราะฉะนั้น แนวทางสันติวิธีหรือแนวทางสันติธานี ที่ได้นำวิถีวัฒนธรรมเข้ามาเป็นหลักในการคลี่คลายเงื่อนปัญหา คงจะเป็นวิธีที่ดีที่จะทำให้พื้นที่แห่งนี้กลับไปสู่สันติสุขเหมือนที่พวกเราเคยอยู่ร่วมกันในอดีต“สันติธานี” กับบทสรุปและความคาดหวัง จะเห็นว่า แท้จริงแล้ว...สิ่งที่ประชาชนเรียกร้อง คือ...ความต้องการพื้นฐานของมนุษย์ ที่ไม่ว่าจะเป็นใคร อยู่ในพื้นที่ส่วนใดของโลก ก็ควรจะได้รับการตอบสนองเส้นทางสันติธานี แน่นอนว่า...ย่อมมีปัญหาอุปสรรค  เพราะเป็น รูปแบบที่ใช้กับคนท้องถิ่น ซึ่งมีอัตลักษณ์ วิถีวัฒนธรรมที่แตกต่าง ทั้งยังเป็นการนำไปใช้แก้ปัญหาที่มีความสลับซับซ้อนการดำเนินการใดๆต้องพิจารณาดำเนินการด้วยความรอบคอบ...เพราะอาจไปกระทบกับวิถีวัฒนธรรมของคนอีกกลุ่มหนึ่งได้ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเล็กหรือกลุ่มใหญ่ก็ตาม“คงไม่มียาวิเศษชนิดหนึ่งชนิดใด ที่จะสามารถสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นในจังหวัดชายแดนภาคใต้ในชั่วข้ามคืน ปัญหาที่มีความรุนแรงและมีหลายมิติทับซ้อนเช่นนี้ จำเป็นต้องอาศัยแนวทาง... มาตรการที่ครอบคลุมทุกมิติ  พร้อมๆไปกับความร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วนในประเทศไทย”.

www.thairath.co.th

อย่าใช้ความรู้สึกตัดสินถูกผิด ควรศึกษาข้อกฎหมาย

ผิดถูกอย่าใช้ความรู้สึก พึงศึกษาข้อกฎหมาย...หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เพื่อท่านผู้อ่าน ฉบับนี้ประจำวันศุกร์ที่ 20 กรกฎาคม  2555เหลี่ยมกฎหมาย เหลี่ยมการเมือง ว่ากันไป แต่สำคัญเหนืออื่นใด ผลการวินิจฉัยชี้ขาดของศาลรัฐธรรมนูญ ต่อกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทำให้ บรรยากาศประเทศไทยผ่อนคลาย ตัวเร่ง ภาวะสงครามกลางเมืองชะลอลง ถือว่าเป็นผลดีสำหรับประเทศไทยโดย รวม

ชื่นมื่น พล.อ.มงคล อัมพรพิสิฏฐ์ เป็นประธานในงานเลี้ยงฉลองวิวาห์ระหว่าง สุธิดา บุตรี สุพันธุ์ มงคลสุธี กับ คริสโทฟ บุตร ฮันส์?ปีเตอร์ ไมเออร์ โดยมี กิตติรัตน์ ณ ระนอง, คุณหญิงทัศนีย์ อัมพรพิสิฏฐ์ และ แสงทิพย์ ยิ้มละมัย มาร่วมอวยพรด้วย ที่โรงแรมพลาซ่า แอทธินี วันก่อน.

โลหิตมีค่า แผน วรรณเมธี เลขาธิการสภากาชาดไทย เปิดการอบรมเยาวชนเรื่อง "ทำดี...จัดเต็ม...เยาวชนไทยให้โลหิต" เพื่อสร้างแกนนำบริจาคโลหิตในสถานศึกษา โดยมี พญ.สร้อยสอางค์ พิกุลสด และ นุรนารถ วิวรรธน์หิรัญ มาร่วมงานด้วย ที่ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ วันก่อน.

ระหว่างนี้ไปถึง เปิดสมัยประชุมรัฐสภา วันที่ 1 สิงหาคม จะยังไม่มีการเผชิญหน้าของ ขั้วการเมือง ฝ่ายรัฐบาลจะปฏิบัติอย่างไร ว่าด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต้องรอ ความชัดเจนเป็นทางการ และรอเวทีสภาเปิดแม้ อดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร จะชี้ชัดบนเวทีอภิปรายเรื่องความปรองดองที่ อินโดนีเซีย ตอกย้ำปัญหาขัดแย้งรุนแรงในประเทศไทยต้องแก้ไขด้วย การนิรโทษกรรม ทุกฝ่ายต้องให้อภัยกันนั้น “กระสุนทอง” ก็ยังมั่นใจ ทำเนียบดูไบ ไม่สุ่มเสี่ยงที่จะเสียอำนาจ ทำเนียบไทยคู่ฟ้าเมื่อ นายใหญ่ ไม่เสี่ยงที่จะต้องสูญเสีย อำนาจแฝง ด้วยจุดอ่อนที่จะถูกโค่นโดย เหลี่ยมกฎหมาย ที่เคยได้รับบทเรียนมาแล้ว ความร้อนแรงทางการเมือง ที่มีคนต้องการลากเข้าไปให้ถึง คิลลิ่งโซน จึงยากที่จะเกิดขึ้นติดตามการเมืองอย่างรู้เท่าทันระยะต่อไปนี้   จึงถึงเวลา  ได้คำตอบ ที่จะแยกแยะ สันดานธาตุแท้ ใครบ้าง กลุ่มก๊วนไหนบ้าง มีเป้าหมายอะไรอย่างไร ระหว่างต้องการ อิงอำนาจแสวงผลประโยชน์ เงินทองทรัพย์สิน กับต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยแบบสุดโต่งครับ...การเมืองไทย ไส้ในแท้ๆ  ต่อไปนี้ ถ้าจะเกิดเหตุร้ายใดๆ โดยฝ่าย ทำเนียบดูไบ เป็นตัวเร่ง นั่นหมายถึง ทำเนียบดูไบ เห็นแก่ตัวยอมเสียสละน้องสาว แต่ถ้าตราบใดที่ยังหา นอมินี  ดีกว่า น้องสาว ไม่ได้ การเมืองไทยจะ ไม่แตกหัก

บุกตลาด ประจักษ์ ตั้งคารวคุณ บอสใหญ่ทีโอเอ และ มาซาทากะ อูเอทาเกะ ซีอีโอ ชูโกกุ มารีน เพ้นท์ ร่วมกันเปิด "ทีโอเอ?ชูโกกุ เพ้นท์" คลังสินค้าประเภทสีอุตสาหกรรม โดยมี พิศิษฐ์ บุญจรรยา และ ณัฎฐวุฒิ ตั้งคารวคุณ มาร่วมงานด้วย ที่นิคมอุตสาหกรรมเวลโกร์ บางนา วันก่อน.

เชิญครับ บุณยสิทธิ์ โชควัฒนา และ ทัตสึรุ ซูรูฮะ เปิด "ซูรูฮะ ดรักสโตร์" ร้านจำหน่ายยาเวชภัณฑ์ เครื่องสำอางและสินค้าไลฟ์สไตล์ครบวงจรจากญี่ปุ่น โดยมี นพ.มงคล ณ สงขลา, ธรรมรัตน์ โชควัฒนา และ มิซุโนบุ อาเบะ มาร่วมงานด้วย ที่ศูนย์การค้าเกตเวย์ เอกมัย วันก่อน.

เหลี่ยมการเมืองนี้ “กระสุนทอง” มองประโยชน์ชาติบ้านเมืองเหนืออื่นใด และเมื่อ ยังไม่มีทางเลือกอื่น เห็นว่า เป็นทางเลือกเดียวภายใต้  การเร่งผลงาน สร้างสรรค์ของ  นายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ภายใต้  การตรวจสอบเข้มข้น  ถ้าหางโผล่เมื่อไรก็เมื่อนั้น  ต้องช่วยกันกดดันให้  คืนอำนาจประชาชนทันทีกลองดีไม่ตีก็ไม่ดัง พินิจ จารุสมบัติ ถูกสรรพากรเรียกปรับภาษีย้อนหลัง ยอมจ่ายทันทีไม่มีบิดพลิ้ว  เลยกลายเป็นแบบอย่างที่     สรรพากร ใช้อ้างอิง  กับบุคคลผู้มีฤทธิ์เดชทางการเมือง  หลายราย  ถึงกับ พลิ้วไม่ออกฮื่อ...นักการเมืองคือ ผู้นำสังคม พลเมืองย่อมมีหน้าที่ต้อง เสียภาษี มิใช่เรียกร้องแต่ สิทธิ แล้วไม่ยอมรับผิดชอบใน หน้าที่เรื่องของจิตสำนึกทางการเมือง “กระสุนทอง” ย้อนนึกถึง ครม.ชุดใหม่ ของ ฟร็องซัวส์ ออลลองค์ ประธานาธิบดีฝรั่งเศสคนใหม่ ประชุมครั้งแรกเมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา มีมติลดเงินเดือน ครม.ลง 30% ประเดิมการแก้ปัญหาหนี้สินของประเทศ หลังชนะเลือกตั้งด้วยนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเงินเดือน รัฐมนตรีฝรั่งเศส ก่อนหักภาษี ลด  30%  จากเดือนละ 553,000 บาท เหลือ 387,000 บาท เงินเดือน  นายกรัฐมนตรี และ   ประธานาธิบดี ก็ลดลงเช่นกันข้อสำคัญ ครม.ฝรั่งเศส  มีการลงนามในธรรมนูญ  ด้านจริยธรรม  ของรัฐบาล ซึ่งไม่เคยปรากฏมาก่อนในการ ตัดลดค่าใช้จ่ายการเดินทาง เพื่อหลีกเลี่ยง  ผลประโยชน์ทับซ้อน และเพื่อ ความโปร่งใส  ในการดำเนินงานของรัฐบาล

ลดกระหน่ำ ไพบูลย์ กนกวัฒนาวรรณ และ ชำนาญ เมธปรีชากุล เปิด "มหกรรมลดทะลุพิกัด" งานรวบรวมสินค้าแบรนด์ดังจากเดอะมอลล์มาลดราคาพิเศษ จัดถึง 22 ก.ค. โดยมี ภาสวรรณ จันทร์คู่, นงนุช นามวงศ์ และ สาวิกา ไชยเดช มาร่วมงานด้วย ที่อิมแพค เมืองทองธานี วันก่อน.

เรื่องน่ารู้ ทอม เยทส์ เปิดงาน "The Opening Ceremony of the 2nd Penfolds Lounge" เพื่อให้ผู้สนใจเข้าเรียนรู้เรื่องราวของไวน์ พร้อมเทคนิคการเลือกและเก็บรักษาไวน์ โดยมี สเตฟานี่ ดัทตัน และ กรณ์ ณรงค์เดช ควง ณพาภรณ์ โพธิรัตนังกูร มาร่วมงานด้วย ที่ ดิ เอ็มโพเรียม วันก่อน.

เปรียบเทียบกับ  บ้านเรา  ประชาชนเจ้าของประเทศผู้ใช้สิทธิเลือกตั้ง มอบอำนาจ ให้นักการเมือง คิดกันเอาเองเถอะ ที่ ลอยหน้า ชูคอ อยู่ในอำนาจหน้าที่บริหารจัดการประเทศ มีใครเป็นแบบอย่างที่ดี เสียสละ ลดความ เห็นแก่ตัวลงบ้างเฮอะ...มีแต่ข่าวและเรื่องราว ทุจริตคอรัปชัน หนักข้อ ขึ้นทุกวัน รัฐมนตรีฝรั่งเศสยอมลดเงินเดือน 30% แต่ของ ไทยเรากลับเรียกหัวคิว 30%ถึงได้บอกว่า ยาม ไม่มีทางเลือก ก็ต้องหวัง นายกฯยิ่งลักษณ์ นี่แหละ “กระสุนทอง” จำเป็นต้องเตือนความจำบ่อยๆ เมื่อ 18 พ.ค.ที่ผ่านมา นายกฯยิ่งลักษณ์ เป็นประธาน เปิดวอร์รูมปราบปรามการทุจริตคอรัปชัน เปิดสายด่วนให้แจ้งเบาะแส หมายเลข 1206นายกฯยิ่งลักษณ์   ยังจำได้ไหม วันนั้นประกาศลั่น การคอรัปชัน ถือเป็น ศัตรูของประเทศ บ่อนทำลายเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศ กระทบต้นทุนการประกอบธุรกิจ พร้อมประกาศแผนเร่งด่วน 4 แนวทาง1. ให้ขึ้นป้ายรณรงค์จิตสำนึกข้าราชการ ไม่รับสินบน ไว้ที่จุดบริการประชาชน 2. พัฒนาองค์กรโดยให้ 159 ส่วนราชการ และ 76 จังหวัด เสนอโครงการที่จะสร้างความโปร่งใสในการปฏิบัติราชการให้  ก.พ.ร. ภายใน 1 เดือน 3. เฝ้าตรวจสอบและระวังเชิงรุก โดยตั้งศูนย์ต่อต้านการทุจริตคอรัปชันแบบบูรณาการ เปิดสายด่วน 1206 และ 4. ปราบปรามจริงจัง ลงโทษเข้มงวดเอาละ...นายกฯยิ่ง-ลักษณ์ ตรวจการบ้านเรื่องนี้หรือไม่ ย่อมรู้อยู่แก่ใจ แต่ล่าสุด ม.หอการค้าไทย สำรวจดัชนีคอรัปชัน  เพิ่มขึ้นไม่หยุด และเมื่อย้อนไปกว่า 2 เดือน ตอนประชุม  เวิลด์ อีโคโนมิก ฟอรั่ม ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ เขาก็ระบุในรายงานว่า  ประเทศไทยมีคอรัปชันถึงขั้นทำชาติอ่อนแอความจริงประจาน      น่าอับอาย ไปทั้งโลก แม้  นายกฯยิ่งลักษณ์ ทำการบ้าน  ตรวจการบ้านจริงจัง แต่ยังไม่อาจ ลด หรือ หยุด อันตรายของการ  คอรัปชัน ลงได้ ต้องยกระดับ ความเข้มข้น  ยิ่งๆขึ้นไปอีกข่าวดีกรมน้ำ...กรมชลประทาน   ได้รับรางวัล   United Nation public Service Award ของ  องค์การสหประชาชาติ ประจำปี 2555 รางวัล หน่วยงานที่ให้บริการประชาชน สัมฤทธิผลเป็นรูปธรรม  เลิศศรีโรจน์  โกวัฒนะ อธิบดีกรมชลประทาน และคณะ บินไปรับรางวัลที่นิวยอร์ก เรียบร้อยไปแล้วเริ่มวันนี้ “เทศกาลแกะสลักเทียน นานาชาติ” ที่อุบลราชธานี และจะมีไปจนถึง  เข้าพรรษา   มีช่างแกะสลักจาก 8 ประเทศมาร่วมคือ ญี่ปุ่น เนปาล ไต้หวัน ตุรกี โรมาเนีย ยูเครน เยอรมนี อาร์เจนตินา และ ไทยงาน  แกะสลักหิมะ ที่ฮ็อกไกโด ญี่ปุ่น มีนักท่องเที่ยวไป  ปีละ 2 ล้านคน  ถ้างาน  แกะสลักเทียนนานาชาติ ที่อุบลฯ  มีการกระตุ้นผลักดันส่งเสริมจริงจัง อาจจะทาบหรือแซง ญี่ปุ่นได้   รัฐมนตรีท่องเที่ยว ชุมพล ศิลปอาชา ควรปรึกษา อดีตนายกฯ บรรหาร   ศิลปอาชา    ให้ถึงกึ๋น เหมือน   บึงฉวาก  และ    พิพิธภัณฑ์มังกร ที่สุพรรณบุรีข่าวทั่วไป 14.00 น. วันนี้    สุวัตร สิทธิหล่อ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา  แถลงข่าวโครงการ “80 พรรษามหาราชินี จากพระราชเสาวนีย์ สู่แหล่งท่องเที่ยวไทย”  ที่กระทรวงฯช่างกลปทุมวัน รุ่น 32/2506 นัดสังสรรค์ที่สวนอาหารบัว 22 ก.ค.นี้ เริ่ม 11.00 น. เรืออากาศเอกเกษม เครือแดง แจ้งข่าวอสท. บนแผงขณะนี้ แถมฟรี   คู่มือท่องเที่ยวสะพานข้ามโขง และ นางนวลสิบสองปันนา โลมาอิระวดี นิยายวิทยาศาสตร์อิงประวัติศาสตร์และปรัชญา โดย ดร.สมควร กวียะ กับ เสริมความรู้เด็กชุด อัจฉริยะปั้นได้ ตัดแปะลับไอคิว โดย  ฐิติยา โรจน์สวัสดิ์สุข แปล กำลังวางตลาด21 ก.ค. เผาศพ คุณแม่กนก สุรคุปต์ ที่วัดบุไผ่  วังน้ำเขียว  นครราชสีมา 13.30  น.

www.thairath.co.th

ปตท. จัดการก๊าซโอโซนระดับผิว ควบคุมมลพิษ

นางรัตนาวลี อินโอชานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สถาบันวิจัยและเทคโนโลยี ปตท. เปิดเผยว่าบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และ กรมควบคุมมลพิษ ได้ร่วมมือกันดำเนิน “โครงการศึกษาแนวทางการจัดการก๊าซโอโซนระดับผิว” ขึ้นเพื่อประสานความร่วมมือกันในการศึกษาแนวทางการจัดการก๊าซโอโซนระดับผิวพื้นในประเทศไทย ซึ่งจะทำให้เกิดการพัฒนาความรู้ความเข้าใจในการจัดการก๊าซโอโซนมากยิ่งขึ้น และจะเป็นแนวทางและมาตรการสำคัญในการป้องกันและแก้ไขปัญหาก๊าซโอโซนที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งยังจะทำให้การบริหารจัดการคุณภาพอากาศของประเทศเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของกลุ่ม ปตท. ในการดำเนินธุรกิจควบคู่กับการดูแลสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้จะเริ่มทำการศึกษานำร่องในเขตพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑลตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2555 ถึงเดือนมิถุนายน 2557 รวมระยะเวลา 2 ปี

 

 

นายวิเชียร จุ่งรุ่งเรือง อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ กล่าวเพิ่มเติมว่าจากการติดตามตรวจสอบก๊าซโอโซนในบรรยากาศทั่วไปของกรมควบคุมมลพิษ ในช่วงปี 2544– 2554 พบว่าระดับก๊าซโอโซนเกินค่ามาตรฐานคุณภาพอากาศในบรรยากาศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งก๊าซโอโซนที่ระดับความเข้มข้นดังกล่าวนี้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของประชาชนและระบบนิเวศของประเทศ ซึ่งที่ผ่านมากรมควบคุมมลพิษได้กำหนดมาตรการในการควบคุมแหล่งกำเนิดของก๊าซโอโซนอย่างเคร่งครัดแล้ว แต่มีข้อสันนิษฐานว่าการเปลี่ยนแปลงประเภทเชื้อเพลิงไปสู่แก๊สโซฮอลที่มากขึ้นในภาคการขนส่งของประเทศได้เพิ่มสารประกอบอินทรีย์ในบรรยากาศ จึงทำให้ปริมาณโอโซนเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะในเขตพื้นที่เมือง อาทิ พื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล นอกจากนี้การศึกษาวิจัยในต่างประเทศยังชี้ให้เห็นว่าการเผาในที่โล่งจะทำให้เกิดการปลดปล่อยสารตั้งต้นได้ และส่วนหนึ่งยังมาจากการส่งผ่านทางอากาศข้ามแดนหรือข้ามทวีปดังนั้นความร่วมมือกันระหว่าง กรมควบคุมมลพิษ และ ปตท. ในครั้งนี้ นอกจากจะนำไปสู่การกำหนดมาตรการควบคุมที่เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงแล้ว ที่สำคัญยังจะช่วยบรรเทาปัญหามลภาวะของประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย



www.newswit.com

โตโยต้าจัดงาน “Toyota Hybrid Expo 2012 พร้อมเปิดตัว 3 พรีเซ็นเตอร์

บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด โดย นายวิเชียร เอมประเสริฐสุข รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด จัดงาน “Toyota Hybrid Expo 2012 : The Intelligent Drive for Tomorrow” เพื่อแสดงเทคโนโลยีไฮบริดเต็มรูปแบบตอกย้ำถึงความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีไฮบริดเพื่อสิ่งแวดล้อม พร้อมเปิดตัว 3 พรีเซ็นเตอร์คนล่าสุดของโตโยต้า พริอุส “ป๊อด-ธนชัย อุชชิน”, “ป๊อป-อารียา สิริโสดา” และ “แสตมป์-อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข” โดยมีดาราคนดังอย่าง “หมอก้อง-สรวิชญ์ สุบุญ”, “แพง-พรรณชนิดา ศรีสำราญ”, “โบ-เบญจวรรณ อาร์ตเนอร์”, “ท็อป-ณัฐเศรษฐ์ พูนทรัพย์มณี” ฯลฯ เข้าร่วมงาน ณ สกายฮอลล์ ชั้น 3 เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว

โดยผู้เข้าร่วมงานทุกคนจะได้สนุกกับนิทรรศการแบบมัลติมีเดียแบบ 3 มิติ ที่จะส่งผ่านความรู้เรื่องเทคโนโลยีไฮบริดตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน และยังมีกิจกรรมต่างๆ ให้ร่วมสนุกทั้งการเล่นวอล์กแรลลี่ ร่วมเวิร์คช็อป DIY กับศิลปินกลุ่มกรีนคอนเน็ค ถ่ายภาพ 3 มิติ และสนุกกับมินิคอนเสิร์ตจากศิลปินคนดัง อย่างป๊อด-ธนชัย อุชชิน, แพรว คณิตกุล, ลุลา, สครับบ์ และแสตมป์ อภิวัชร์ และไฮไลท์พิเศษคือการเปิดตัว 3 พรีเซ็นเตอร์ คนล่าสุดของโตโยต้าพริอุสที่เลือกใช้รถยนต์ประหยัดพลังงานในชีวิตจริง

ป๊อป อารียา กล่าวว่า รู้สึกดีใจมากที่ได้รับเลือก เพราะถ้าเป็นยี่ห้ออื่นคงพูดไม่ได้เต็มปาก และขอบคุณมากที่เลือกป๊อปเป็นพรีเซ็นเตอร์ เพราะเราเลือกเค้ามาเกือบ 20 ปีแล้ว หลังจากที่ได้ทดลองขับพริอุสแล้ว รู้สึกชอบมากเพราะโดยส่วนตัวแล้วเดินทางไป-กลับกรุงเทพฯ เชียงใหม่บ่อยมากแต่พอมาใช้พริอุสแล้วเติมน้ำมันถังเดียวอยู่และประหยัดน้ำมันมาก แถมทุกครั้งที่ขับรถเหมือนได้รักษาสิ่งแวดล้อมไปด้วย เพราะพริอุสใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและนำกลับมารีไซเคิลได้

ด้าน “ป๊อด ธนชัย” กล่าวว่า “ผมขับมาระยะหนึ่งแล้วชอบมากเพราะประหยัดมากขึ้น ผมเข้าปั๊มน้ำมันน้อยลงจริงๆ และด้วยระบบไฮบริดทำให้ช่วยลดการปล่อยมลพิษให้กับสิ่งแวดล้อมและเก็บโลกที่สดใสใบนี้เป็นแรงบันดาลใจของผมต่อไป”

ผู้สนใจเตรียมสัมผัสกับเทคโนโลยียานยนต์อัจฉริยะแห่งอนาคต ในงาน “Toyota Hybrid Expo 2012” ระหว่างเดือน ก.ค.-ต.ค.นี้ ในทุกภูมิภาค 4 จังหวัดทั่วประเทศ ได้แก่ ชลบุรี ภูเก็ต ขอนแก่น และเชียงใหม่



www.banmuang.co.th

วันพฤหัสบดีที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

อีเอสอาร์ไอ จัด Lifetime Map Update รายแรกสำหรับ GPS GARMIN

อีเอสอาร์ไอ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัว Lifetime Map Update รายแรกสำหรับ GPS GARMIN ในประเทศไทย ชูธง GPS ติดรถยนต์ แบรนด์ GARMIN ยังครองแชมป์ผู้นำตลาดอย่างแข็งแกร่ง พร้อมข้อมูลแผนที่ NOSTRA ที่ถูกต้องแม่นยำที่สุด พร้อมการสนับสนุนอย่างเต็มที่จาก การ์มิน คอร์ปอเรชั่น จูงมือเดินหน้าทำตลาดจีพีเอสประเภทติดรถยนต์ (Personal Navigation Device : PND)ในประเทศไทย หวังกวาดยอดขายกว่า 100,000 เครื่อง ในปี 2555 นี้

 

 

นายไกรรพ เหลืองอุทัย ผู้จัดการทั่วไป บริษัท อีเอสอาร์ไอ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำในการให้บริการเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศแบบครบวงจร และผู้แทนจำหน่ายอุปกรณ์นำทางด้วยดาวเทียม (GPS) แบรนด์ GARMIN หนึ่งในกลุ่มบริษัทซีดีจี เปิดเผยว่า ในวันนี้ บริษัทฯ ได้เปิดตัว Lifetime Map Update รายแรกในประเทศไทย สำหรับลูกค้าที่ซื้อจีพีเอสนำทาง GPS GARMIN nüvi รุ่น 2465 , 2565 , 2575 , 3770 , 3790 V โดยลูกค้าสามารถ update ข้อมูลแผนที่ ได้ตลอดอายุการใช้งาน โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2555 นอกจากนี้เพื่อเป็นการตอบแทนน้ำใจแก่ลูกค้าที่ซื้อ จีพีเอส GARMIN nüvi ใน 5 รุ่นดังกล่าว ย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2555 ที่ผ่านมา ก็จะได้รับ Lifetime Map Update โดยอัตโนมัติด้วยเช่นกัน

ทั้งนี้ GPS GARMIN ที่จัดจำหน่ายโดย บริษัท อีเอสอาร์ไอฯ มีจุดแข็งคือ ความสามารถของอุปกรณ์นำทาง GPS ประเภทติดรถยนต์ (PND) ที่ถูกออกแบบเพื่อการขับรถโดยเฉพาะ เน้นความปลอดภัยในการใช้งานขณะขับขี่ เหมาะสำหรับการนำทางในรถยนต์มากที่สุด นอกจากนี้ยังมีจุดแข็งในเรื่องการใช้แผนที่ NOSTRA ที่มีความถูกต้องแม่นยำมากที่สุด อีกทั้งยังมีการบริการหลังการขายที่มีประสิทธิภาพ และมีคุณภาพในระดับสูงมาโดยตลอด

“บริษัท อีเอสอาร์ไอ (ประเทศไทย) จำกัด เราทำงานกันอย่างใกล้ชิด กับ บริษัท การ์มิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่งการ์มินนับเป็นอุปกรณ์ GPS คุณภาพระดับ World Class ที่มียอดขายอันดับหนึ่งทั่วโลก และการใช้ข้อมูลแผนที่ ที่มีความถูกต้องแม่นยำที่สุดจาก NOSTRA นับเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้การทำตลาดของ บริษัท อีเอสอาร์ไอ ฯ สามารถครองแชมป์ความเป็นผู้นำตลาด GPS และขยายตัวเติบโตอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด” นายไกรรพ กล่าว

บริษัท Globetech (หนึ่งในกลุ่มบริษัท CDG) ซึ่งเป็นผู้นำในการให้บริการข้อมูลแผนที่ดิจิตอล (Digital Map Data) ภายใต้แบรนด์ “NOSTRA” ที่มีความละเอียด ถูกต้องและทันสมัยสูงสุด ตลอดจนบริการข้อมูลพิกัดตำแหน่งครบทุกรูปแบบ (Dynamic Location Content) ทั้งในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยรายละเอียดสามารถดูได้ที่ website http://www.globetech.co.th/ และ http://www.nostramap.com/NostraMap/



www.newswit.com

ต้นกระพี้จั่น หักเป็น 2 ซีก ที่ทำเนียบรัฐบาล

เป็นเรื่องปกติที่เวลาเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นในทำเนียบรัฐบาล นักข่าวที่ประจำอยู่ที่นั่นจะจับเอามาเขียนให้เป็นประเด็นอยู่ร่ำไป และจะมีการโยงไปเกี่ยวกับการบริหารงานของรัฐบาลตลอดเวลา อย่างล่าสุดได้เกิดฝนตกหนักและมีลมแรงทำให้ “ต้นกระพี้จั่น” อยู่ข้างห้องพักผู้สื่อข่าว ที่ปลูกมาตั้งแต่สมัย พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ เป็นนายกรัฐมนตรีปี 2520 เกิดหักเป็น 2 ซีก ก็วิพากษ์วิจารณ์กันไปต่าง ๆ นานา แล้วแต่จินตนาการของแต่ละคน วันนี้เรามาทำความรู้จักกับต้น “กระพี้จั่น” กันว่าเป็นอย่างไร “กระพี้จั่น” เป็นไม้ยืนต้นผลัดใบ สูง 8–20 เมตร เปลือกสีเทา ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก ออกเวียนสลับ มีใบย่อย แผ่นใบรูปรีแกมขอบขนาน ปลายใบทู่ โคนใบมนหรือสอบเบี้ยวเล็กน้อย ขอบเรียบ หลังใบสีเขียวเข้ม ท้องใบสีจางกว่า ใบแก่เกลี้ยง มีขนประปรายตามเส้นกลางใบด้านล่าง ดอกรูปดอกถั่ว สีขาวปนม่วง ออกดอกเป็นช่อตามง่ามใบ ออกดอกระหว่างเดือนมีนาคม-พฤษภาคม ผลเป็นฝักแบน โคนแคบกว่าปลาย เปลือกเกลี้ยงหนาคล้ายแผ่นหนัง ขอบเป็นสัน เมล็ดสีน้ำตาลดำ ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด ปักชำราก สภาพที่เหมาะสม สภาพดินทุกชนิด ต้องการน้ำและความชื้นปานกลาง ทนแล้งได้ดี ถิ่นกำเนิด เอเชียเขตร้อน ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงใต้ของไทย และยังเป็นต้นไม้ประจำจังหวัดแม่ฮ่องสอนด้วย.

www.dailynews.co.th

อิหร่านกล่าวหาสหรัฐ-กองกำลังต่างชาติเป็นภัยคุกคาม

อิหร่านฉวยโอกาสที่เรือรบสหรัฐยิงเรือประมงลำหนึ่งนอกชายฝั่งของดูไบในอ่าวเปอร์เซียเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ทำให้ลูกเรือเสียชีวิต 1 คน และได้รับบาดเจ็บ 3 คน กล่าวหาสหรัฐว่าเหตุที่เกิดขึ้นแสดงว่ากองกำลังต่างชาติเป็นภัยคุกคามความมั่นคงของตะวันออกกลาง

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นขณะที่เรือของสหรัฐกำลังลาดตระเวนในอ่าวเปอร์เซีย ซึ่งความตึงเครียดระหว่างอิหร่านกับสหรัฐยังคงอยู่ในระดับสูง โดยเรือของสหรัฐใช้ปืนกลขนาด .50 มม. ยิงเรือประมง หลังจากเรือลำนี้ไม่สนใจคำเตือนและใช้ความเร็วเต็มที่พุ่งเข้าใกล้เรือยูเอสเอ็นเอส รัปปาฮันน็อค ซึ่งเป็นเรือเติมเชื้อเพลิงของกองทัพเรือสหรัฐ มากเกินไป

เจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) กล่าวว่า เรือที่ถูกยิงเป็นเรือประมงของพลเรือน ผู้เสียชีวิต 1 คน เป็นชาวอินเดีย และอีก 3 คนได้รับบาดเจ็บ

นับเป็นเหตุการณ์ความรุนแรงครั้งล่าสุดที่เกิดขึ้นในอ่าวเปอร์เซียตั้งแต่อิหร่านขู่ว่าจะปิดช่องแคบฮอร์มุซที่เป็นจุดเข้าออกระหว่างอ่าวเปอร์เซียกับทะเลอาหรับ ซึ่งเป็นเส้นทางขนส่งน้ำมันที่มีปริมาณถึง 40% ของโลก และก่อนหน้านี้อิหร่านมักใช้เรือขนาดเล็กความเร็วสูงข่มขู่เรือสหรัฐที่กำลังลาดตระเวนอยู่เสมอ

นายรามิน เมห์มานพาราสท์ โฆษกกระทรวงต่างประเทศอิหร่าน บอกว่า อิหร่านได้ประกาศมาหลายครั้งแล้วว่า กองกำลังต่างชาติเป็นภัยต่อความมั่นคงของภูมิภาคนี้ ดังนั้น ชาติต่างๆในภูมิภาคนี้สามารถช่วยเหลือซึ่งกันและกันได้ในการปกป้องความมั่นคงหากใช้ศักยภาพที่แต่ละชาติมีอยู่ร่วมมือกันโดยไม่จำเป็นต้องใช้กองกำลังจากต่างชาติ

เหตุการณ์ยิงเรือดังกล่าวเกิดขึ้นใกล้เมืองท่าเจเบล อาลี ของยูเออี ซึ่งอยู่ใกล้กับน่านน้ำอิหร่าน ขณะที่ทางการอินเดียกำลังร่วมมือกับทางการยูเออีในการสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ส่วนเจ้าหน้าที่สหรัฐไม่ได้ระบุว่าเรือประมงที่ถูกยิงเกี่ยวข้องกับกลุ่มก่อการร้ายหรือเชื่อมโยงกับอิหร่าน นอกจากนี้ แนนซี่ พาวเวลล์ ทูตสหรัฐประจำอินเดีย ได้โทรศัพท์ไปแสดงความเสียใจกับนายรันจัน มาไทย ปลัดกระทรวงต่างประเทศอินเดีย พร้อมทั้งแสดงความเสียใจไปยังครอบครัวของลูกเรือชาวอินเดียด้วย

นายเมห์มานพาราสท์ระบุว่า คำขู่ของอิหร่านเรื่องการจะปิดช่องแคบฮอร์มุซนั้นก็เพื่อเป็นมาตรการป้องกันภัยคุกคามจากชาติต่างๆที่ดำเนินมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านและคุกคามแหล่งพลังงานของโลก

สหรัฐและสหภาพยุโรป (อียู) ได้ประกาศมาตรการห้ามชาติสมาชิกอียูซื้อน้ำมันจากอิหร่าน ซึ่งมีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา

แม้อิหร่านอ้างว่ามาตรการคว่ำบาตรไม่มีผลกระทบใดๆ แต่วงการค้าน้ำมันโลกยืนยันว่า อิหร่านมีน้ำมันเหลือค้างสต็อกจำนวนมากจนต้องลดปริมาณการผลิตเหลือวันละไม่เกิน 1.5 ล้านบาร์เรล จากที่เคยผลิตได้วันละกว่า 2 ล้านบาร์เรล ซึ่งทางออกในขณะนี้ก็คือขายน้ำมันให้แก่ชาติที่ยังต้องการ ซึ่งก็มีจำนวนมาก แม้ปริมาณการสั่งซื้อจะไม่มากเท่ากับที่เคยขายให้กับชาติใหญ่ๆก็ตาม



www.dailyworldtoday.com

หลุมยุบขนาดใหญ่ยักษ์ ภัยที่ควรรู้

หากยังจำเหตุการณ์การเกิดหลุมยุบขนาดใหญ่ที่ประเทศกัวเตมาลา เมื่อปลายเดือนพฤษภาคม ปี 2553 กันได้ เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้ทุกคนต่างพากันสงสัยว่าอะไรเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดหลุมยุบขนาดใหญ่ยักษ์กลางสี่แยก ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 18 เมตร ลึก 30 เมตร ได้ และหลุมยุบแบบนี้มีโอกาสที่จะเกิดขึ้นในบ้านเราได้หรือไม่ มีความเสี่ยงมากน้อยแค่ไหน ธรณีวิทยามีคำตอบ

 

 

หลุมยุบ เป็นธรณีพิบัติภัยแบบหนึ่ง ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ แต่กิจกรรมของมนุษย์เราเองก็เป็นตัวเร่งที่ทำให้เกิดหลุมยุบขึ้นได้เหมือนกัน ลักษณะหลุมยุบเกิดขึ้นจากการทรุดตัวของพื้นดินลงเป็นหลุม มีขนาดและรูปร่างแตกต่างกันไป เช่น รูปเกือบกลมหรือเป็นวงรี มีเส้นผ่าศูนย์กลางตั้งแต่ 1-200 เมตร ลึกตั้งแต่ 1 เมตร ถึงมากกว่า 20 เมตร

1. เกิดจากโพรงหินปูนใต้ดินระดับตื้น สาเหตุแบบนี้เกิดจากกระบวนการที่น้ำละลายหินปูน โดยเมื่อฝนตกผ่านชั้นบรรยากาศ จะได้รับก๊าซคาร์บอไดออกไซด์ ทำให้น้ำฝนมีความเป็นกรดอย่างอ่อน (กรดคาร์บอนิก) เมื่อไหลผ่านและสัมผัสกับหินปูนจะละลายหินปูนออกไปด้วย ในที่สุดก็จะค่อยๆ เกิดเป็นโพรงหรือถ้ำอยู่ใต้ดินขึ้น เมื่อโพรงใต้ดินเหล่านี้มีการขยายขนาดใหญ่ขึ้นและอยู่ใกล้ผิวดินมากยิ่งขึ้น จนกระทั้งเพดานโพรงไม่สามารถต้านทานน้ำหนักของดินและสิ่งก่อสร้างที่กดทับด้านบนได้ ก็จะถล่มพังลงไปด้านล่างและกลายเป็นหลุมยุบในที่สุด

หากทุกคนอยากทราบว่าโพรงหินปูนมีหน้าตาเป็นอย่างไร ขอให้นึกถึงตอนที่เราไปเที่ยวกันในถ้ำนะครับ ซึ่งนั่นก็คือ โพรงหินปูนนั่นเอง ปกติถ้าโพรงหินปูนอยู่พ้นผิวดินก็คือ ถ้ำ ถ้าไม่โผล่เรียกว่าโพรงหินปูนใต้ดิน สามารถจำแนกเป็น 2 ระดับ คือ โพรงหินปูนใต้ดินระดับลึก (ลึกจากผิวดินมากกว่า 50 เมตร) และโพรงหินปูนใต้ดินระดับตื้น (ลึกจากผิวดินไม่เกิน 50 เมตร) ส่วนใหญ่หลุมยุบจะเกิดในบริเวณที่มีโพรงหินปูนใต้ดินระดับตื้น เช่น เหตุการณ์หลุมยุบบริเวณสนามฟุตบอลโรงเรียนบ้านไร่ป้า ต.ห้วยเขย่ง อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี เป็นต้น

2. หลุมยุบจากโพรงเกลือหิน เกิดขึ้นในพื้นที่ที่มีชั้นเกลือหินรองรับอยู่ด้านใต้ ซึ่งเกลือหินมีคุณสมบัติละลายน้ำได้ง่ายทำให้เกิดโพรงใต้ดิน และมีโอกาสเกิดหลุมยุบได้ โดยเฉพาะบริเวณที่มีการสูบน้ำเกลือจากใต้ดินขึ้นมาผลิตเป็นเกลือสินเธาว์ เมื่อเพดานโพรงพังทลายอันเนื่องมาจากระดับความดันภายในโพรงเปลี่ยนแปลง จึงเกิดเป็นหลุมยุบขึ้น สร้างความเสียหายให้กับทรัพย์สินของประชาชนได้ ตัวอย่างเช่น หลุมยุบที่บ้านหนองราง ต.ค้างพูล อ.โนนไทย จ.นครราชสีมา

3. ชั้นทรายถูกน้ำใต้ดินพัดพาออกไป ทำให้เกิดดินทรุด ตลิ่งพัง มักเกิดขึ้นในพื้นที่ที่มีชั้นทรายรองรับอยู่ใต้ดินและอยู่ใกล้แม่น้ำ

ลำคลอง สาเหตุแบบนี้ส่วนใหญ่เกิดจากเมื่อมีฝนตกหนักหรือตกต่อเนื่อง ทำให้ปริมาณและแรงพัดพาของน้ำใต้ดินเพิ่มขึ้นจึงพัดพาเอาตะกอนทรายใต้ดินลงสู่แม่น้ำ ลำคลอง หรือการลดลงของระดับน้ำในแม่น้ำอย่างรวดเร็ว จึงทำให้เกิดโพรงใต้ดินขึ้น และอาจทำความเสียหายให้กับตลิ่งแม่น้ำ ทำให้สิ่งปลูกสร้างที่อยู่ในบริเวณดังกล่าวได้รับความเสียหายได้ เช่น เหตุการณ์ดินทรุดตัวในพื้นที่บ้านหัวสะแก หมู่ที่ 3 ตำบลโพสะ อำเภอเมือง จังหวัดอ่างทอง

เมื่อเราพอจะทราบสาเหตุหลักๆ ของการเกิดหลุมยุบแล้ว ทีนี้เราย้อนกลับไปดูเหตุการณ์หลุมยุบที่กัวเตมาลากันครับ เหตุกาณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเนื่องจากพายุโซนร้อนอกาธา ทำให้มีฝนตกหนัก โดยในบริเวณที่เกิดหลุมยุบรองรับด้วยชั้นหินปูนที่โพรงถ้ำใต้ดินและปิดทับตอนบนด้วยตะกอนดิน เมื่อฝนตกหนัก น้ำฝนซึมลงสู่โพรงถ้ำเกิดการเปลี่ยนแปลงความดันน้ำใต้ดิน และเมื่อเพดานต้านทานน้ำหนักของดินและสิ่งก่อสร้างที่กดทับด้านบนไม่ไหวจึงพังกลายเป็นหลุมยุบ

สำหรับในประเทศไทย เกิดปรากฎการณ์หลุมยุบขึ้นมาแล้วหลายครั้ง ขนาดเล็กใหญ่แตกต่างกันไป หลุมยุบบางแห่งปัจจุบันเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงาม นั่นก็คือ ทะเลบัน จังหวัดสตูล ถ้ำมรกต จ.กระบี่ และทะเลในหมู่เกาะอ่างทอง จ.สุราษฎร์ธานี

เหตุกาณ์หลุมยุบขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทยเกิดขึ้นที่บ้านพละใหม่ ตำบลขะเนจื้อ อำเภอแม่ระมาด จังหวัดตาก ขนาด 30 X 30 เมตร ลึก 20 เมตร ทำให้บ้านเรือนเสียหาย 1 หลัง ส่วนเหตุการณ์ดินทรุดตัวที่บ้านหัวสะแก หมู่ที่ 3 ตำบลโพสะ อำเภอเมือง จังหวัดอ่างทอง ทำให้บ้านเรือนเสียหาย 14 หลัง สาเหตุเนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวรองรับด้วยชั้นทรายขี้เป็ด เมื่อระดับน้ำเจ้าพระยาลดลง แรงดันน้ำใต้ดินบนตลิ่งได้ดันทรายในชั้นทรายขี้เป็ดไหลลงแม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้เกิดโพรงใต้ดินขึ้น เมื่อมีตัวกระตุ้นทั้งจากน้ำหนักการถมที่เพิ่มขึ้นหรือการก่อสร้างในบริเวณนั้น จะทำให้พื้นที่ดังกล่าวเกิดการทรุดตัว และทำให้บ้านเรือนประชาชนที่อยู่ในบริเวณดังกล่าวได้รับความเสียหายตามที่ปรากฎตามข่าว



www.newswit.com

อนาคตตลาดข้าวไทย ทิศทางการส่งออก

ประเทศไทยได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีปริมาณการผลิตข้าวสูงสุดเป็นอันดับ 1 และเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ของโลก จากการสำรวจข้อมูลพบว่าข้าวที่ผลิตในประเทศไทยส่วนใหญ่เป็นของสมาชิกสหกรณ์ และสหกรณ์เป็นผู้รวบรวมข้าวจากสมาชิกส่งขายให้กับบริษัทส่งออกส่งไปจำหน่ายยังตลาดต่างประเทศ

นายสมชาย ชาญณรงค์กุล อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวว่า จากความแข็งแกร่งด้านการผลิตและการตลาดข้าวของกระบวนการสหกรณ์ไทย และการเป็นผู้นำการส่งออกและการผลิตของประเทศไทย ทำให้ปีนี้กรมส่งเสริมสหกรณ์ ได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมคณะกรรมการศูนย์อาเซียนเพื่อการพัฒนาสหกรณ์การเกษตร (ACEDAC) ครั้งที่ 19 ระหว่างวันที่ 24-29 มิถุนายน 2555 ที่ผ่านมา ณ โรงแรมรอยัล ปริ๊นเซส หลานหลวง กรุงเทพมหานคร โดยมีตัวแทนสหกรณ์จากประเทศสมาชิกอาเซียนทั้ง 10 ประเทศเข้าร่วม ได้แก่ บรูไน กัมพูชา อินโดนีเซีย ลาว มาเลเซีย พม่า ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย เวียดนาม และตัวแทนจากสำนักเลขาธิการอาเซียนเข้าร่วม เพื่อหารือและกำหนดกรอบความร่วมมือ รวมถึงผลักดันกิจกรรมต่างๆ ที่จะมีผลต่อการพัฒนางานสหกรณ์ในภูมิภาคอาเซียนให้เดินหน้าต่อไปในอนาคต

ทั้งนี้ในการพบปะของตัวแทนสหกรณ์จากประเทศสมาชิกอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ ได้มีการประชุมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง “Establishment of Pilot Project on Marketing Networking of Rice in ASEAN” เพื่อผลักดันให้เกิดการสร้างตลาดข้าวของสหกรณ์ในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ผู้แทนสหกรณ์ไทยได้นำเสนอเพื่อเร่งผลักดันให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว เพื่อให้ทันก่อนการก้าวสู่เป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในอีก 3 ปีข้างหน้านั่นเอง

นายสมชาย กล่าวด้วยว่า การเชื่อมโยงเครือข่ายสหกรณ์ผู้ผลิตข้าวกับประเทศต่างๆ ของอาเซียน จะนำไปสู่การรวมกลุ่มตลาดข้าวภูมิภาคประเทศอาเซียน หรือ International Market ซึ่งจะช่วยสร้างความเข้มแข็งให้กับระบบสหกรณ์ในภูมิภาคนี้ โดยใช้สินค้าข้าวเป็นตัวนำไปสู่ความร่วมมือด้านอื่นๆ ที่จะตามมา และนำไปสู่ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของสหกรณ์ในระดับภูมิภาคอาเซียนได้ในที่สุด

อย่างไรก็ตาม จากการหารือถึงนโยบายการค้าข้าวของกลุ่มประเทศอาเซียน (ASEAN Member Countries’ Rice Trade Policies) ผู้แทนสหกรณ์จากประเทศต่างๆ ได้นำเสนอและแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับนโยบายการค้าข้าวของประเทศตนเอง ได้ข้อสรุปว่าข้าวเป็นพืชอาหารหลักของประชากรในอาเซียน และเกือบทุกประเทศในอาเซียนปลูกข้าว ยกเว้นเพียงสิงคโปร์ โดยมีประเทศผู้ส่งออกข้าวเป็นสินค้าหลัก ได้แก่ กัมพูชา พม่า ไทย และเวียดนาม ส่วนประเทศผู้นำเข้าหลัก ได้แก่ อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ซึ่งกลุ่มประเทศอาเซียนมีเป้าหมายที่จะสร้างความมั่นคงทางอาหารภายในภูมิภาค ปัจจุบันอาเซียนเป็นภูมิภาคที่มีปริมาณผลผลิตพืชอาหารประเภทข้าวและน้ำตาลเพียงพอต่อความต้องการบริโภคภายในภูมิภาค

ด้านนายชูเกียรติ ปันตา ผู้จัดการชุมนุมสหกรณ์จังหวัดลำพูน จำกัด กล่าวว่า การเชื่อมโยงตลาดข้าวสหกรณ์กับต่างประเทศเป็นสิ่งที่จำเป็น ที่ผ่านมาชุมนุมสหกรณ์จังหวัดลำพูนได้มีการเชื่อมโยงตลาดข้าวสหกรณ์กับผู้นำเข้าข้าวกับประเทศสิงคโปร์ ตามโครงการส่งเสริมการปลูกข้าวอินทรีย์เพื่อการส่งออก ซึ่งเป็นโครงการความร่วมมือการซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้าและการค้าที่เป็นธรรม และได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกันระหว่างชุมนุมสหกรณ์จังหวัดลำพูน จำกัด และห้างหุ้นส่วนจำกัดสุขขะเฮาส์ ประเทศสิงคโปร์ กับสถาบันบริการตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานผลิตภัณฑ์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้

ทั้งนี้โครงการดังกล่าวเกิดจากความต้องการข้าวอินทรีย์คุณภาพดี เพื่อขายให้แก่ผู้บริโภคในสิงคโปร์ เป็นการตอบแทนต่อสังคม และความต้องการช่วยเหลือให้เกษตรกรได้รับผลตอบแทนที่ดีขึ้น ซึ่งโครงการนี้ทั้ง 3 ฝ่ายมีความรับผิดชอบที่แตกต่างกันออกไป โดยลักษณะพิเศษของข้าวสารชุมนุมฯ คือไม่มีการใช้สารเคมีในทุกขั้นตอนการผลิต เป็นข้าวกล้องแต่มีการขัดถลอก 5% เพื่อให้ข้าวมีความอ่อนนุ่มแต่ยังคงรักษาคุณค่าทางอาหารไว้ ข้าวอินทรีย์ที่ชุมนุมฯ ผลิตมีอยู่ 2-3 ชนิด แต่ที่ผลิตมากที่สุดคือ ข้าวหอมมะลิแดง ซึ่งเป็นพันธุ์ที่มีความอ่อนนุ่ม ซึ่งแตกต่างจากข้าวแดงทั่วไป

“เราจะให้ความใส่ใจในทุกขั้นตอนการผลิต ไม่เน้นปริมาณแต่เน้นคุณภาพ ทำให้ข้าวของชุมนุมฯ ได้รับการยอมรับเป็นอย่างดีในตลาดสิงคโปร์ เนื่องจากระบบการปลูกข้าวที่ได้มาตรฐาน มีกระบวนการตรวจสอบที่น่าเชื่อถือ ขณะเดียวกันในการทำธุรกิจกับทางสิงคโปร์ ชุมนุมฯ ทำการค้าด้วยความซื่อสัตย์ ไม่เอาเปรียบลูกค้า ผลิตและจำหน่ายสินค้าตามที่ลูกค้าต้องการ และมีการวิจัยและพัฒนาอย่างสม่ำเสมอ ทั้งด้านบุคลากร ผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยี และการตลาด ประโยชน์จากการดำเนินโครงการดังกล่าวส่งผลให้เกษตรกรสมาชิกจำหน่ายผลผลิตได้ในราคาที่สูงกว่าราคาตลาดประมาณ 5-8 บาท/กิโลกรัม และมีความเสี่ยงลดลงจากการทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้า” นายชูเกียรติ กล่าว

ทั้งหมดเป็นตัวอย่างของการดำเนินธุรกิจตลาดข้าวสารสหกรณ์ในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งสหกรณ์อื่นๆ สามารถนำไปใช้เป็นแนวทางในการเชื่อมโยงเครือข่ายตลาดข้าวกับประเทศต่างๆ ในอาเซียนได้ ซึ่งในอนาคตกรมส่งเสริมสหกรณ์ยังมีแนวคิดที่จะให้มีการสร้างเครือข่ายสินค้าเกษตรที่สำคัญๆ อาทิ ยางพารา ปาล์มน้ำมัน พืชไร่ พืชผัก ผลไม้ ปศุสัตว์ ประมง โคนม ฯลฯ ในตลาดอาเซียนอีกด้วย โดยให้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารระหว่างกันผ่านเว็บไซต์ของ ACEDAC รวมทั้งตัวแทนสมาชิกยังได้เสนอให้มีการจัดงานแสดงสินค้าสหกรณ์อาเซียน ในงานวันสหกรณ์แห่งชาติของประเทศสมาชิกอาเซียน ซึ่งประเทศไทยพร้อมเป็นเจ้าภาพจัดเป็นครั้งแรก ในเร็วๆ นี้อีกด้วย รวมทั้งได้เสนอให้มีการส่งเสริมการค้าชายแดนระหว่างสหกรณ์ โดยการจัดตั้งกลุ่มหรือสโมสร หรือสมาคมของสินค้าแต่ละชนิด เพื่อให้เกิดการสร้างเครือข่ายและการเชื่อมโยงทางการค้าระหว่างกลุ่มผู้ผลิต ผู้ค้า และผู้ซื้อสินค้าแต่ละชนิด (ASEAN Commodity Club) เช่น ASEAN Rice Club เป็นต้น หรือการส่งเสริมการเชื่อมโยงระหว่างสหกรณ์กับสหกรณ์ในลักษณะ ASEAN Sister Cooperative หรือการสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคสหกรณ์ ซึ่งความคิดเห็นและข้อเสนอแนะเหล่านี้จะเป็นส่วนหนึ่งในร่างแผนการเชื่อมโยงตลาดสินค้าเกษตรในอาเซียนที่ฟิลิปปินส์จะเป็นผู้จัดทำ เพื่อนำเสนอเป็นแนวทางในการจัดตั้ง ACBN (Agricultural Cooperative Business Networking) ซึ่งจะมีขึ้นในอนาคตต่อไป



www.banmuang.co.th

ดีเคเอสเอช+ดูซาน อินฟราคอร์ ผลึกเข้าสู่ เทคโนโลยีแห่งอนาคต

ดีเคเอสเอช ประเทศไทย และดูซาน อินฟราคอร์ ผนึกกำลัง เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่ง สู่เทคโนโลยีแห่งอนาคต กับการออกแบบเชิงนวัตกรรม เพื่ออุตสาหกรรมการก่อสร้าง พร้อมเปิดตัวอย่างเป็นทางการของ ปีที่ 115 กับดูซานภาพลักษณ์ใหม่ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “King of the Earth Mover”

 

 

ดีเคเอสเอช ผู้นำในการให้บริการด้านการขยายตลาด โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย เผยถึงแผนดำเนินงาน เพื่อรองรับธุรกิจด้านการก่อสร้างงานสาธารณูปโภคพื้นฐานและงานภาคพื้นดินที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องส่วนหนึ่งเพื่อการฟื้นฟูพื้นที่ต่างๆ ที่เคยประสบกับน้ำท่วม ล่าสุดร่วมกับบริษัทผู้ผลิตเครื่องจักรกลหนักเครื่องจักรและอุปกรณ์ก่อสร้าง ชั้นนำจากประเทศเกาหลีภายใต้แบรนด์ “ดูซาน” (Doosan) ในการนำเข้ารถขุดดูซาน“ตระกูล DX” ซึ่งคือรถขุดระบบไฮดรอลิก มาตรฐานระดับโลก พร้อมบริการชั้นนำจาก ดีเคเอสเอช ที่ครอบคลุมถึงการให้บริการหลังการขายทั่วประเทศ

นายจารึก มีขันทอง ผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไป บริษัท ดีเคเอสเอช (ประเทศไทย) จำกัดหน่วยธุรกิจเทคโนโลยี กล่าวว่า "ปัจจุบันธุรกิจด้านการขายเครื่องจักรกลหนักยานพาหนะสำหรับงานสาธารณูปโภคและวัสดุอุปกรณ์เพื่อรองรับธุรกิจด้านอุตสาหกรรมการก่อสร้างมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่หน่วยงานภาครัฐและเอกชนทั่วประเทศ เข้ามาชวยกันฟื้นฟูพื้นที่ต่างๆ ที่เคยประสบปัญหาน้ำท่วมในปีที่ผ่านมา ดังนั้นในฐานะที่ดีเคเอสเอช เป็นผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมการก่อสร้างมาโดยตลอด ได้เล็งเห็นโอกาส และมีความยินดีอย่างยิ่งที่ในการได้มีส่วนร่วมช่วยฟื้นฟูประเทศโดยได้ร่วมกับบริษัทผู้ผลิตร่วมกับบริษัทผู้ผลิตเครื่องจักรกลหนักเครื่องจักรและอุปกรณ์ก่อสร้างชั้นนำจากประเทศเกาหลีภายใต้แบรนด์ ดูซาน ในการนำเข้ารถขุดระบบไฮดรอลิก เพื่อรองรับการทำตลาดให้กับกลุ่มอุตสาหกรรมก่อสร้างและงานสาธารณูปโภค ตลอดช่วงครึ่งหลังของปี 2555 นี้"

มร. เดนนิสเจียงผู้จัดการประจำภูมิภาค– เอเชียตะวันออกเฉียงใต้บริษัทดูซานอินฟราคอร์เปิดเผยว่า "ในฐานะที่แบรนด์ดูซานจากประเทศเกาหลีเป็นผู้นำทางด้านอุตสาหกรรมการก่อสร้างเครื่องจักรกลหนักแบบครบวงจรที่มีมาตรฐานระดับโลกซึ่งมีประวัติทางด้านการค้ามายาวนานกว่า 115 ปีและเป็นกลุ่มธุรกิจที่ใหญ่เป็นอันดับ 9 ของประเทศเกาหลี นอกจากนี้ เรายังมีความภูมิใจที่เทคโนโลยีของเราได้มีส่วนร่วมในการกู้ภัยภายในเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ ของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะไดอิชิ ประเทศญี่ปุ่น หลังจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ในปี 2553เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานฟื้นฟู นอกจากนี้ ยังสนับสนุนรถขุดจำนวน 13 คัน เข้าร่วมช่วยเหลือประเทศเฮติ ที่แผ่นดินไหวได้สร้างความเสียหายอย่างรุนแรงอีกด้วยดังนั้นหลังจากประสบปัญหาน้ำท่วมในปีที่ผ่านมา จึงได้เล็งเห็นว่า ประเทศไทย มีความต้องการสินค้าประเภทเครื่องจักรกลหนัก ที่มีคุณภาพมาตรฐาน เพื่อเข้ามาช่วยในการฟื้นฟูโครงสร้างและสาธารณูปโภคในประเทศไทย ดูซานจึงได้ร่วมกับดีเคเอสเอช ในการผลักดันผลิตภัณฑ์เครื่องจักรกลหนักประเภทต่างๆ เข้าสู่ตลาดมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะรถขุดของดูซานที่มีคุณภาพสูง เพื่อรองรับความต้องการของผู้ประกอบการรายต่างๆ ในช่วงนี้นั่นเอง"

"ช่วงที่ผ่านมาความต้องการสินค้าเพื่อรองรับการฟื้นฟูประเทศไทยหลังน้ำท่วมประเภทสินค้าเครื่องจักรกลหนักเพื่อการฟื้นฟูงานสาธารณูปโภคและการก่อสร้างมีการขยายตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะสินค้าประเภทรถขุดขนาดกลางและขนาดใหญ่ทั้งนี้ผู้ประกอบการหรือเจ้าของกิจการทั่วไปต่างก็ให้ความสำคัญกับสินค้าที่มีคุณสมบัติที่ตอบโจทย์ด้านการลงทุนนั่นคือสมรรถนะและคุณภาพสินค้าต้องสูงต้องประหยัดน้ำมันใช้งานง่ายและไม่จำเป็นต้องบำรุงรักษาหรือดูแลมากเนื่องจากเครื่องจักรนั้นมีการใช้งานอย่างต่อเนื่องอย่างไรก็ดีต้องให้บริการหลังการขายที่ดีนั่นคือหัวใจหลักจึงได้ร่วมกับ ดีเคเอสเอชพันธมิตรทางธุรกิจของดูซานและเป็นผู้จัดจำหน่ายเครื่องจักรกลขนาดใหญ่ของประเทศไทยในการนำเสนอและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์รถขุดไฮโดรลิกของดูซานร่วมกัน" มร. เดนนิสเจียงกล่าว

ผลิตภัณฑ์หลักที่ได้นำเข้ามาเพื่อทำการตลาดในประเทศคือรถขุดไฮดรอลิคดูซานรุ่น DX225LCA ซึ่งได้มีการพัฒนามาจากรุ่น Solar 225LC โดยเพิ่มคุณสมบัติใหม่ที่เหนือชั้นกว่าและถูกออกแบบมาเพื่อให้คุ้มค่ากับการใช้งานมากขึ้นภายใต้แนวคิด “การประหยัดเชื้อเพลิงเพิ่มพลังและสมรรถนะสูงขึ้นพร้อมการออกแบบที่ลงตัวเพื่อความสะดวกสบายแก่ผู้ใช้งานเป็นหลัก”ด้วยการใช้เครื่องยนต์ดูซาน DB58TIS ส่วนสำคัญที่สุดของรถขุดไฮดรอลิคมีการเพิ่มสมรรถนะของเครื่องยนต์โดยการพัฒนาระบบควบคุมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะที่เรียกว่า e-EPOS (Electronic Power Optimizing System) ที่ทำหน้าที่ติดต่อสื่อสารกับหน่วยควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ในระบบเพื่อให้มั่นใจว่าเครื่องยนต์และระบบไฮดรอลิคแบ่งปันข้อมูลที่จำเป็นในการทำงานเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและช่วยลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงรวมถึงการเลือกใช้วัสดุที่ผ่านการทดสอบในเรื่องของโครงสร้างและความสามารถในการรับแรงกระทำการโก่งตัวและบิดงอของชิ้นส่วนทำให้อายุการใช้งานนานมากขึ้นและการบำรุงรักษาน้อยลง

"เพื่อให้ยอดขายประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ร่วมกันดีเคเอสเอชจะมีการจัดโปรโมชั่นพิเศษให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่องนอกจากนี้ยังรวมถึงการจัดตั้งศูนย์เทคโนโลยีมัลติเพล็กซ์ของดีเคเอสเอชเพื่อรองรับการขายและการบริการสำหรับรถขุดดูซานทุกรุ่นศูนย์ดังกล่าวยังใช้เป็นคลังสินค้าและศูนย์ปฏิบัติการบนเนื้อที่ 24 ไร่ตั้งอยู่ที่อำเภอวังน้อยจังหวัดพระนครศรีอยุธยาซึ่งพร้อมแล้วสำหรับการดำเนินงานเต็มรูปแบบทั้งนี้เพื่อให้ลูกค้ามีโอกาสได้สัมผัสสมรรถนะในการใช้งานของรถศูนย์ดังกล่าวจึงเป็นที่ฝึกอบรมการใช้งานจริงให้กับผู้ขับขี่ด้วยซึ่งเชื่อว่าการมอบบริการที่ครบวงจรดังกล่าวจะช่วยส่งเสริมและมีผลต่อการตัดสินใจซื้อลูกอค้าได้เร็วยิ่งขึ้นด้วย" นายจารึกกล่าวเสริม



www.newswit.com

ฟอร์ด ประเทศไทย จัดกิจกรรมโหวตหาผู้ชนะจากแคมเปญ

ฟอร์ด ประเทศไทย ประกาศวันนี้ ว่า กิจกรรมการโหวตหาผู้ชนะจากแคมเปญการตลาดสุดไฮเทคล่าสุด “All-New Ford Focus...Start it. Share it. Win it” เริ่มแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ผู้เข้ารอบ 20 คนสุดท้ายจะลุ้นชิงผลโหวตออนไลน์ โดยผู้โชคดีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นที่จะได้รับรถยนต์ฟอร์ด โฟกัส ใหม่ รุ่น ไทเทเนียม พลัส ไปเป็นเจ้าของ

บุคคลทั่วไปสามารถชมคลิปวิดิโอของผู้เข้ารอบ 20 คนสุดท้าย ผ่านทาง www.facebook.com/fordfocus โดยสามารถเลือกลงคะแนนให้กับคลิปวิดิโอที่ถูกใจได้ตั้งแต่วันที่ 18 กรกฎาคม จนถึง 7 สิงหาคม นี้

ฟอร์ดจะออกโฆษณาทางโทรทัศน์เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบถึงกิจกรรมนี้ พร้อมให้ข้อมูลแก่ผู้ที่สนใจให้ทราบถึงระยะเวลาการลงคะแนน และข้อมูลว่าจะสามารถไปชมวีดิโอและเข้าไปร่วมโหวตได้ที่ใด

ผู้เข้ารอบสุดท้ายที่ได้รับคะแนนโหวตมากที่สุดในวันสุดท้ายของการลงคะแนนในวันที่ 7 สิงหาคม จะได้รับการประกาศชื่อในงานเปิดตัวรถยนต์ฟอร์ด โฟกัส ใหม่ อย่างเป็นทางการ ซึ่งจะจัดขึ้นในวันถัดไปคือ วันที่ 8 สิงหาคมนี้

แคมเปญ ‘Start it. Share it. Win it’ เปิดโอกาสให้ลูกค้าคนไทยได้มีส่วนร่วมกับการเปิดตัวฟอร์ด โฟกัส ใหม่ ไม่ว่าจะทางออนไลน์หรือ ณ สถานที่จัดงาน โดยเริ่มกิจกรรมมาตั้งแต่วันที่ 11 พฤษภาคมถึง 8 กรกฎาคม ทั้งหมด 20 แห่งทั่วประเทศ ตลอดช่วงการจัดกิจกรรมในระยะเวลา 10 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีผู้บริโภคชาวไทยกว่า 4,700 คน ที่ได้ร่วมสัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษกับเทคโนโลยีอันชาญฉลาดของรถยนต์ฟอร์ด โฟกัสใหม่ ที่หาไม่ได้ในรถระดับเดียวกัน

ผู้เข้าร่วมแคมเปญแต่ละคนได้รับการบันทึกคลิปวิดิโอ “สมาร์ท เดโม” ซึ่งเก็บภาพปฎิกิริยาขณะทดลองขับรถยนต์ฟอร์ด โฟกัส ใหม่ โดยวีดิโอได้ถูกอัพโหลดขึ้นบนหน้าเฟสบุ๊คของกิจกรรม วิดีโอของผู้เข้าแข่งขันที่มีจำนวนของการรับชม (unique views)มากที่สุดในแต่ละสัปดาห์ก็จะได้เป็นผู้ชนะประจำสถานที่แข่งขันนั้นๆ และถือเป็น “ผู้เข้ารอบสุดท้าย”

กิจกรรมทดลองขับรถยนต์ ฟอร์ด โฟกัส ใหม่ สุดพิเศษสำหรับผู้ผ่านเข้ารอบสุดท้าย

ฟอร์ดได้จัดกิจกรรมสุดพิเศษ เชิญผู้ผ่านเข้ารอบ 20 คนสุดท้ายและแขกพิเศษเข้าร่วมกิจกรรม “Customer VIP Ride-and-Drive Program” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญ “Start it. Share it. Win it” โดยจัดให้ผู้ผ่านเข้ารอบสุดท้ายได้ทดลองขับรถยนต์ฟอร์ด โฟกัส ใหม่ ที่จังหวัดกระบี่ ในวันที่ 14 กรกฎาคม ถึง 15 กรกฎาคม

ทำให้ผู้ผ่านเข้ารอบ 20 คน สุดท้ายของกิจกรรม “Start it. Share it. Win it” นี้ได้เป็นผู้บริโภคกลุ่มแรกที่มีโอกาสได้ทดลองขับรถยนต์ ฟอร์ด โฟกัส ใหม่ บนท้องถนนจริง

ผู้ผ่านเข้ารอบสุดท้ายได้รับฟังการบรรยายจากผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบและวิศวกรของฟอร์ด ก่อนที่จะได้สัมผัสประสบการณ์การขับรถบนเส้นทางคดเคี้ยวตามแนวชายฝั่งที่สวยงามของจังหวัดกระบี่ ความยาวกว่า 170 กิโลเมตร

นอกจากนั้น ทางฟอร์ดได้ให้คำแนะนำและให้การสนับสนุนให้ ผู้เข้ารอบ 20 คนสุดท้ายถ่ายทอดประสบการณ์แบบอินเตอร์แอคทีฟ ผ่านทางเฟสบุ๊คระหว่างร่วมกิจกรรมที่จังหวัดกระบี่อีกด้วย

“ผู้เข้าร่วมโครงการประทับใจมากกับคุณภาพที่ดีเยี่ยมของรถยนต์ฟอร์ด โฟกัส ใหม่” อดิศัย สิริสิงห ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด ฟอร์ด ประเทศไทย กล่าว “นอกเหนือจากความชื่นชอบที่มีต่อระบบการควบคุมที่แม่นยำและความสบายของของฟอร์ด โฟกัส ใหม่ ผู้เข้าร่วมโครงการยังตื่นเต้นไปกับเทคโนโลยีอันชาญฉลาด ของระบบช่วยจอดอัจฉริยะ (Active Park Assistant) ระบบช่วยเบรกที่ความเร็วต่ำ (Active City Stop) และ ระบบสั่งงานด้วยเสียง (Ford SYNC®)”

นอกจากประสบการณ์การขับขี่กับรถยนต์ฟอร์ด โฟกัส ใหม่ แล้ว ผู้เข้าร่วมโครงการยังได้เพลินเพลินไปกับการแสดงสุดพิเศษจากวง iHear นำทีมโดยบล๊อกเกอร์ชื่อดังจาก www.iPattt.com และมีโอกาสใกล้ชิด พูดคุยกับดีเจบอมบ์ และดีเจแม๊พ จากคลื่น MET 107

สำหรับเทคโนโลยีการสั่งงานด้วยเสียง Ford SYNC® ซึ่งได้รับรางวัลระดับโลกนี้ จัดเป็นแพลตฟอร์มซอฟแวร์สุดอัจฉริยะที่ช่วยให้ผู้ขับขี่มีความสะดวกสบายและมีความยืดหยุ่นมากขึ้นเนื่องจากสามารถเชื่อมต่อกับโทรศัพท์เคลื่อนที่และอุปกรณ์เพื่อความบันเทิงแบบดิจิทัลแทบทุกชนิดผ่านการเชื่อมต่อสัญญาณบลูทูธ ผู้ขับขี่จึงสามารถใช้โทรศัพท์หรือเล่นเพลงโปรดได้ด้วยการใช้คำสั่งเสียง

นวัตกรรมอันชาญฉลาดของรถยนต์ ฟอร์ด โฟกัส ใหม่ ถือเป็นการสร้างปรากฎการณ์ครั้งแรกของรถยนต์กลุ่มนี้ในภูมิภาคอาเซียน ไม่ว่าจะเป็นระบบช่วยจอดอัจฉริยะ(Active Park Assist) ซึ่งถือเป็นเทคโนโลยีแรกที่มีในตลาดแล้ว ยังมีเทคโนโลยีอื่นๆ ที่น่าสนใจ เช่น ระบบช่วยเบรกที่ความเร็วต่ำ (Active City Stop) ระบบตรวจจับรถในจุดบอด (Blind Spot Information) กุญแจรีโมตอัจฉริยะ(Smart Keyless Entry) และปุ่มสตาร์ทรถอัตโนมัติ(Keyless Ford Power Start Ignition)

“ผลตอบรับกิจกรรม “All-New Ford Focus...Start it. Share it. Win it” ที่จัดขึ้นทั่วประเทศนี้ดีเหนือความความหมายมาก” อดิศัย สิริสิงห ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด ฟอร์ด ประเทศไทย กล่าวเสริม “การที่ผู้บริโภคกว่า 4,700 คนเข้าร่วมโครงการนี้รวมถึงกิจกรรม “Costumer VIP Ride-and-Drive” สำหรับผู้เข้ารอบสุดท้ายที่จังหวัดกระบี่ พิสูจน์ให้เห็นว่าฟอร์ด โฟกัส ใหม่ ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคชาวไทยที่มีไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ได้เป็นอย่างดี ไม่เพียงเท่านี้ เรายังจะยกระดับมาตรฐานของรถยนต์ในเซ็กเม้นท์นี้ขึ้นอีกด้วย”

รถยนต์ ฟอร์ด โฟกัส ใหม่ มีวางจำหน่ายแล้วที่โชว์รูมของดีลเลอร์ฟอร์ดทั่วประเทศ ผู้บริโภคสามารถร่วมสัมผัสประสบการณ์การใช้เทคโนโลยีสุดไฮเทคและนวัตกรรมอื่นๆได้ด้วยตัวเอง

ร่วมลงคะแนนเลือกผู้ชนะจากกิจกรรม “Start it. Share it. Win it” ได้แล้ววันนี้ ที่ www.facebook.com/fordfocus

ฟอร์ดจะเปิดตัวรถยนต์ฟอร์ด โฟกัส ใหม่ อย่างเป็นทางการในประเทศไทย วันที่ 8 สิงหาคม ทั้งนี้ รถยนต์ฟอร์ด โฟกัส ใหม่ จัดเป็นรถยนต์ระดับโลกในจำนวน 8 รุ่น ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นภายใต้แผน One Ford ซึ่งจะเปิดตัวภายในปี พ.ศ. 2558



www.newswit.com

ทำบุญครบรอบ 1 ปี แก่งกระจาน ระลึกทหารเสียสละ

ทำบุญครบรอบ 1 ปี ฮ.ตกแก่งกระจาน รำลึกทหารผู้กล้าและสื่อมวลชนที่เสียสละด้วยความเข้มแข็ง ขณะที่พี่ชาย พันตรีกิตติภูมิ หนึ่งในผู้เสียชีวิตร่วมงานและเปิดใจ อย่าให้ความสูญเสียของน้องชายและเหล่าวีรชนผู้กล้าต้องสูญเปล่า ขอให้หน่วยงานและคนข้างหลังช่วยกันปกป้องประเทศชาติและผืนป่าทุกแห่งตลอดไป

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 19 กรกฎาคม อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี นำโดยนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ได้จัดพิธีทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่เจ้าหน้าที่ทหารและสื่อมวลชน รวมจำนวน 17 ราย ที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพบก ตกในผืนป่าแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ขณะปฏิบัติภารกิจผลักดันชนกลุ่มน้อยในห้วงระยะเวลาวันที่ 16-24 กรกฎาคม พ.ศ.2554 เพื่อเป็นการรักษาและรำลึกถึงคุณความดีของเหล่าทหารผู้กล้าและสื่อมวลชนที่ ร่วมปฏิบัติงานด้วยความเข้มแข็งเสียสละ ในการปกป้องดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของประเทศอุทยานแห่งชาติ

สำหรับพิธีอุทิศส่วนกุศลครั้งนี้ มีผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมพิธีมากมาย อาทิ น.ส.สุมล สุตะวิริยะวัฒน์ สมาชิกวุฒิสภาจังหวัดเพชรบุรี พันเอกอดิศร โครพ ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 1 ผู้แทนผู้บัญชาการกองกำลังสุรสีห์ พ.อ.ภูมิจิตย์ ภูธรใจ ผู้บังคับหน่วยบินทหารบกยุทธวิธีที่ 1 นายอุทัย พรหมนารี ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 สาขาเพชรบุรี และผู้แทนจากสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 นอกจากนี้ พันเอกพฤกษ์ เอกพันธ์ กรมการสื่อสารทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย พี่ชาย พันเอกกิตติภูมิ เอกพันธ์ นายทหารยุทธการที่เสียชีวิตในเครื่องเฮลิคอปเตอร์ขณะปฏิบัติหน้าที่ร่วมพิธี และในช่วงบ่ายได้มีการจัดเสวนา “ความจริงและสิ่งที่ได้เรียนรู้จากประสบการณ์เฮลิคอปเตอร์ตกในผืนป่าแก่งกระจาน”

สำหรับพันเอกพฤกษ์ พี่ชายของ พ.ต.กิตติภูมิ หนึ่งในผู้เสียชีวิต กล่าวว่า แม้ว่าตนและครอบครัวจะเสียใจมากที่น้องชายต้องเสียชีวิต แต่ก็ภูมิใจที่เป็นการเสียชีวิตเพื่อชาติ และเพื่อปกป้องผืนป่าในขณะปฏิบัติหน้าที่ ดีใจที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน และสังคม ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ลืมคุณงามความดีของน้องชายตน และเหล่าทหารกล้า รวมทั้งสื่อมวลชนที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็ง อยากให้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอุทาหรณ์ อยากให้ความสูญเสียที่เกิดขึ้น ไม่สูญเปล่า อยากให้ความสูญเสียในครั้งนี้เป็นการกระตุ้นให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแล รักษาทรัพยากรธรรมชาติซึ่งเป็นสมบัติส่วนรวมของชาติด้วยชีวิตเช่นกัน

สำหรับเหตุการณ์เฮลิคอปเตอร์ตกดังกล่าวเกิดเมื่อวันที่ 16 ก.ค.2554 เครื่องเฮลิคอปเตอร์แบบ ฮิวอี้ ได้พุ่งชนภูเขาที่บริเวณเนิน 1100 ขณะปฏิบัติภารกิจผลักดันชนกลุ่มน้อยที่บุกรุกผืนป่าแก่งกระจาน ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารเสียชีวิต 5 นาย วันที่ 19 ก.ค.2554 เครื่องเฮลิคอปเตอร์แบบแบล็กฮอว์ก ซึ่ง พล.ต.ตะวัน เรืองศรี ผบ.กองกำลังสุรสีห์ นำเข้าไปเพื่อเก็บกู้ผู้เสียชีวิตตกอีกเป็นลำที่สอง เสียชีวิตทั้งลำรวม 9 นาย เป็นทหาร 8 นาย สื่อมวลชนจากสถานีกองทัพบกช่อง 5 อีก 1 ราย ต่อมาในวันที่ 24 ก.ค.2554 เครื่องเฮลิคอปเตอร์ แบบเบลล์ 212 ตกขณะปฏิบัติภารกิจมาขนย้ายศพอีกลำที่บริเวณบ้านต้นเกตุมีผู้เสียชีวิต 3 ราย บาดเจ็บ 1 ราย รวมผู้เสียชีวิตทั้งหมด 17 ราย เป็นทหาร 16 ราย และสื่อมวลชน 1 ราย ซึ่งในวันนี้เป็นวันครบรอบ 1 ปีพอดี.



www.thairath.co.th

เชื้อเอนเทอโรไวรัส 71 ในไทยยังไม่กลายพันธุ์

สธ.เผยเชื้อเอนเทอโรไวรัส 71 ที่พบในไทยยังไม่กลายพันธุ์ ยันทำงานเชิงรุกเพื่อรองรับการเฝ้าระวัง ติดตามป้องกัน ควบคุมโรคมือ เท้า ปากในไทยอย่างใกล้ชิด...เมื่อวันที่ 18 ก.ค. นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รมช.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ความคืบหน้าสถานการณ์โรคมือ เท้า ปาก ในประเทศไทยขณะนี้ว่า กระทรวงสาธารณสุขได้นำเรื่องนี้เสนอเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 17 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยมีเป้าหมายที่จะทำงานเชิงรุก เพื่อรองรับการเฝ้าระวัง ติดตามป้องกัน ควบคุมโรคฯ ในประเทศ เนื่องจากขณะนี้มีอัตราการเกิดโรคค่อนข้างสูง จึงได้มีมาตรการว่า ถ้าโรงเรียนใดมีนักเรียนป่วยเป็นโรคมือเท้าปาก 2-5 คนในห้องเรียนใดห้องเรียนหนึ่งสามารถให้ปิดห้องเรียนนั้นหรือถ้าโรงเรียนใดมีนักเรียนป่วยมากกว่า 2-5 ห้องให้ปิดได้ทั้งโรงเรียน เพื่อทำความสะอาดสถานที่ อุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆ เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อและควบคุมโรคไม่ให้ขยายวงออกไปนพ.สุรวิทย์ กล่าวว่า สถานการณ์โรคมือเท้าปากในประเทศไทยในปี 2551 พบเสียชีวิต 2 ราย, ปี 2552 เสียชีวิต 4 ราย, ปี 2553 ไม่พบผู้เสียชีวิต, ปี 2554 เสียชีวิต 6 ราย ส่วนในปีนี้พบผู้ป่วยแต่ไม่ถึงกับเกิดการระบาด ตั้งแต่ต้นปีพบสะสม 13,000 กว่าราย ยังไม่พบผู้เสียชีวิต เชื้อโรคที่ทำให้เกิดโรคในประเทศไทย ส่วนใหญ่เป็นพวกคอกซากี สายพันธุ์เอ และสายพันธุ์บี (Coxsackie A, B) พวกนี้มักจะไม่รุนแรง มีอาการไข้สูง มีตุ่มขึ้นในปาก มีผื่นบริเวณมือและเท้า อาจมีที่บริเวณก้นกบบ้าง จะเป็นอยู่ประมาณ 3-5 วันก็จะหาย สถานการณ์โรคดังกล่าวอาจจะพบผู้ป่วยได้ต่อไปอีก 1-2 เดือนเนื่องจากเป็นฤดูกาลระบาด ส่วนเชื้อเอนทาโรไวรัส 71 ที่พบในประเทศกัมพูชาเชื่อว่าเป็นสายพันธุ์ที่รุนแรง และขณะนี้ยังไม่พบในประเทศไทย และเชื้อยังไม่มีปัญหากลายพันธุ์ รมช.สาธารณสุข กล่าวต่อว่า ในการควบคุมโรคในระดับจังหวัด กระทรวงสาธารณสุขได้เสนอว่า ถ้าจังหวัดใดมีผู้ป่วยเป็นโรคมือเท้าปากรายใหม่พร้อมกัน 10 รายในวันเดียวกัน ให้จังหวัดนั้นสามารถจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการพิเศษขึ้นได้เพื่อรณรงค์ป้องกัน ติดตามและดูแลเรื่องโรคมือเท้าปากในจังหวัดนั้นๆ โดยเชิญผู้ว่าราชการจังหวัดมาเป็นประธาน เป็นศูนย์ปฏิบัติการในระดับจังหวัด เพื่อที่จะประสานความร่วมมือระหว่างกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์สำหรับโรงเรียนที่ปิดโรงเรียนขณะ นี้มีรายงานว่ามีประมาณ 100 แห่ง การปิดบางแห่งไม่ใช่ว่าเกิดโรครุนแรงมาก แต่เป็นความระมัดระวังและให้ความสำคัญ เป็นการลดการแพร่กระจายของเชื้อโรค ทั้งนี้ บางโรงเรียนอาจยังไม่อยู่ในเกณฑ์ที่ต้องปิดก็ได้ และบางโรงเรียนอาจปิดเพราะมีผู้ปกครองของเด็กนักเรียนเรียกร้อง โดยโรงเรียนที่เข้าเกณฑ์ต้องปิดมีไม่มากนัก แต่ก็ถือว่าเป็นการให้ความสำคัญในการป้องกันควบคุมโรคของผู้บริหารโรงเรียน และเป็นการเปิดโอกาสให้มีการทำความสะอาดอุปกรณ์เครื่องมือภายในโรงเรียน ส่วนโรงเรียนที่ยังไม่ปิดขอให้อยู่ในดุลยพินิจของทางโรงเรียนว่าจะดูแลลูก หลานของเราให้ปลอดภัยได้อย่างไร จึงขอความร่วมมือจากผู้ปกครองทุกคน เพื่อช่วยกันทำให้เชื้อโรคมือเท้าปากหมดไป.

www.thairath.co.th

วัยรุ่นจีนยอมขายไตเพื่อชื้อ i-Pad 2

เทคโนโลยีสมัยนี้ก้าวไกลเกินกว่าโลกมากนัก จึงทำให้เป็นเหตุให้เด้กวัยรุ่นต้องการเทคโนโลยีนั้นมา จึงมีความอยากได้อยาากมีแต่เนื่องด้วยปัญหาทางการเงิินไม่สู้ดีมากนัก จึงเป็นอุปสรรคในการที่จะได้เทคโนโลยีนั้นมา และเป็นเหตุทำให้หนุ่มชาวจีนคนหนึ่งตัดสินใจขายไตของตนเพื้อซื้อเทคโนโลยีนั้นมา

นุ่มชาวจีน ชื่อ ซวงเซง อายุ 17 ปี คิดหาเงินมาเพื่อซื้อไอพอด2 และได้ไปค้นเจอในเว็บไซท์ ประกาศรับซื้อไต ทำให้เด็กหนุ่มมองเห็นช่องทางการได้เงิน จึงตัดสินใจขายไตตัวเอง โดยการเข้ารับผ่าตัดขายไตในเมืองเฉินโจว จังหวัดหูหนาน ซึ่งเป็นโรงพยาบาทที่รับซื้อไตได้เช่าห้องในโรงงานเพื่อทำการผ่าตัด ทั้งๆที่การผ่าตัดในครั้งนี้มีอันตรายเป็นอย่างมาก แต่เด้กหนุ่มคนนี้ก็ยอม แต่ก็นับเป็นความโชคดีของเด็กคนนี้ที่ปลอดภัย และเกิดเกิดอาการติดเชื้อแต่ยังใดหลังจากพักฟื้นไป 3 วัน เด็กหนุ่มคนนี้ก็ได้เงินราว 20,000 หยวน คิดเป็นเงินไทย ประมาณ 94,200 บาท แลกกับไตหนึ่งข้าง

เด็กหนุ่มนำเงินที่ได้ไปซื้อ ไอพอด2 และไอโฟน ซึ่งผู้เป็นแม่ก้เกิดอาการสงสัยว่าทำไมลูกมีเงินไปซื้อของพวกนี้ จึงเข้าไปซักถามแล้วเด็กหนุ่มก็สารภาพว่า อยากได้ไอพอดมาก จึงตัดสินใจขายไตไปหนึ่งข้าง เพื่อนำเงินมาสนองความต้องการดังกล่าว

 

ซัวเรซ รื้อฟื้นเรื่องเก่า กล่าวหา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

หลุยส์ ซัวเรซ หัวหอกลิเวอร์พูลรื้อฟื้นเรื่องเก่าที่เกิดขึ้นระหว่างฤดูกาล 2011-12 ขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อให้สัมภาษณ์กับสื่อในประเทศกล่าวหา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สโมสรต้นสังกัดของปาทริซ เอฟร่า แข้งคู่กรณีวางแผนเล่นงานตนเพื่อทอนกำลังของลิเวอร์พูลลง

หัวหอกอุรุกวัย ให้สัมภาษณ์กับ "RR Gol" สถานีโทรทัศน์ในอุรุกวัย ระหว่างการเตรียมตัวไปแข่งขันโอลิมปิกกับทีมจอมโหด โดยยอมพูดถึงเหตุการณ์ฉาวที่เกิดขึ้นระหว่างการแข่งขันพรีเมียร์ลีก ซึ่งซัวเรซ ถูกลงโทษแบน 8 นัดจากพฤติกรรมการเหยียดผิวหลุยส์ ซัวเรซ โดยหลังจากที่พ้นโทษกลับมา ซัวเรซ เดินผ่าน ปาทริซ เอฟร่า โดยไม่ได้จับมือกับแบ็คฝรั่งเศส จนโดนวิจารณ์กันไปต่างๆนานา

ระหว่างการให้สัมภาษณ์ ซัวเรซ กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า โดยยืนยันว่า เป็นการเข้าใจผิด และตนต้องการจับมือกับเอฟร่า แต่เป็นแบ็คปีศาจแดงที่เป็นฝ่ายไม่ยอมจับมือตนด้วยการเลื่อนมือลงมาต่ำกว่าปกติจนเกิดเป็นภาพตนเดินผ่านเอฟร่าไป เช่นเดียวกับ การที่ตนโดนลงโทษเนื่องมาจากเอฟร่า

"สื่อในอังกฤษแสดงให้เห็นช่วงเวลาที่ผมเดินผ่านเขา แต่พวกเขาไม่เห็นว่าเขาเลื่อนมือลงต่ำกว่าปกติ มีแต่สื่อในอุรุกวัย กับ สเปนที่แสดงให้เห็นว่า ผมต้องการจับมือกับเขา" ซัวเรซ กล่าว

"หลายคนจากสโมสรยืนยันว่านี่เป็นวิธีที่แมนฯยูฯมักใช้เล่นงานผมออกจากทีม และหยุดยั้งลิเวอร์พูล"

ซัวเรซ ยังระบุเพิ่มเติมด้วยว่า "ในอังกฤษ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีอำนาจในกลุ่มการบริหาร และคุณต้องยอมรับ จากนั้นก็ต้องปิดปากให้สนิท"

สำหรับความเคลื่อนไหวการเสริมตัวนักเตะ ล่าสุด หงส์แดง ตกเป็นข่าวใกล้คว้าตัว คลินท์ เดมพ์ซี่ย์ ดาวยิงชาวอเมริกันวัย 29 ปีซึ่งทำผลงานได้ท็อปฟอร์มกับฟูแล่มในฤดูกาลที่ผ่านมา โดยเดลิเมล์ อังกฤษระบุว่า ทั้งสองฝ่ายสามารถตกลงค่าตัวเบื้องต้นได้ที่ 10 ล้านปอนด์



www.matichon.co.th

เชียงใหม่ซูเตรียมวางเป้าเป็นผู้นำสวนสัตว์ในอาเซียน

นายวิศิษฏ์ วิชาศิลป์ รองผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์ บรรยายพิเศษหัวข้อ "ความพร้อมของประเทศไทยในการเตรียมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน" ในงานสัมมนาทางวิชาการสัตว์ป่าสวนสัตว์ ครั้งที่ 6 ภายใต้หัวข้อ "Fighting Extinction : สูญพันธุ์กลายเป็นศูนย์" จัดโดยองค์การสวนสัตว์ วันนี้ (18 ก.ค.) ที่โรงแรมอิมพีเรียล แม่ปิง จ.เชียงใหม่ ว่า ประชาคมอาเซียนที่จะเกิดขึ้นในปี 2558 จะครอบคลุม 3 ด้าน คือ ด้านการเมืองการปกครองและความมั่นคง ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน และด้านสังคมและวัฒนธรรม ซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงกับองค์การสวนสัตว์ในพระบรมราชูปถัมภ์ ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าเมื่อเปิดประชาคมอาเซียนแล้วจะทำให้นักท่องเที่ยวจากอาเซียนเดินทางมายังสวนสัตว์เพิ่มมากขึ้น เช่น สวนสัตว์เชียงใหม่ ต้องรองรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจาก ประเทศพม่า สปป.ลาว เมืองเชียงรุ้ง รวมถึงนักท่องเที่ยวจากมณฑลยูนนาน ประเทศจีน ด้านสวนสัตว์เขาเขียวเองก็ต้องเตรียมพร้อมรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากประเทศกัมพูา ด้านสวนสัตว์ สงขลา ต้องรองรับนักท่องเที่ยวจากประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์ ส่วนสวนสัตว์นครราชสีมาและสวนสัตว์ในภาคอีสานทั้งสวนสัตว์ขอนแก่นและสวนสัตว์อุบลราชธานีก็ต้องพร้อมรองรับนักท่องเที่ยว จากอินโดจีนเช่นเดียวกัน ในส่วนขององค์การสวนสัตว์เองก็ได้มีการเตรียมความพร้อมรองรับประชาคมอาเซียนที่กำลังจะเกิดขึ้นโดยมีการสร้างเครือข่ายวัน เฮลท์ (One Health) เพื่อติดตามและฝ้าระวังโรคระบาด ทั้งโรคอุบัติใหม่และโรคอุบัติเก่าที่เกิดจากทั้งโรคจากสัตว์สู่คนและคนเข้สู่สัตว์ เช่น ไข้หวัดนก ไข้หวัดหมู ซาร์ ฯลฯ เพื่อให้สกัดกั้นได้ทันท่วงที ทั้งนี้ มีแผนการในเวลา 2-3 ปีต่อจากนี้จะมีการเชื่อมต่อ ในภูมิภาคอาเซียนทั้งหมด ขณะเดียวกันยังได้มีการจัดตั้งสถาบันบริหารจัดการสวนสัตว์ มีลักษณะเช่นเดียวกับของกระทรวงมหาดไทยที่มีโรงเรียนนายอำเภอและโรงเรียนผู้ว่าราชการจังหวัด จะมีการกำหนดหลัก สูตรพัฒนาบุคลากรตั้งแต่ระดับผู้อำนวยการไปจนถึงระดับพนักงานดูแลสัตว์ โดยจะร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช สำนักนโยบายและแผนฯ รวมถึง มหาวิทยาลัยต่างๆ เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ โดยจะนำร่องเริ่มดำเนินการช่วงครึ่งหลังของปีนี้ และคาดว่าจะดำเนินการอย่างเป็นทางการในปี 2556 "วิสัยทัศน์ขององค์การสวนสัตว์ที่ได้วางไว้ตอนนี้คือ เราจะต้องเป็นผู้นำด้านมาตรฐานของสวนสัตว์ในอาเซียน ทั้งด้านการให้บริการ บุคลากรที่จะต้องสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษได้ รวมถึง ด้านการศึกษาวิจัยพันธุ์สัต์ป่า ผมเชื่อว่าองค์การสวนสัตว์จะเป็นผู้นำได้ไม่อยาก ไม่ไกลเกินความสามารถและศักยภาพที่มีอยู่" นายวิศิษฏ์ กล่าว

breakingnews.nationchannel.com

คนขับแท็กซี่แพะรับบาป ไม่ติใจเอาความ ตร. หลังอยู่ในคุก 9 วัน

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 18 ก.ค. 2555 พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) พล.ต.ต.พิสิฎฐ์ พิสุทธิศักดิ์ รองผบช.น. พ.ต.อ.คมสัน แตงจุ้ย ผกก.สน.ลาดกระบัง และ นายชรินทร์ ช้ำเกตุ อายุ 35 ปี โชเฟอร์ขับรถแท็กซี่ที่ตกเป็นแพะรับบาป ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริงความผิดพลาดที่เกิดขึ้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนสอบสวน สน.ลาดกระบัง ที่จับกุมผู้ต้องหาผิดตัว พร้อมขอโทษแทนผู้ใต้บังคับบัญชา ผบช.น.กล่าวต่อว่า วันนี้ได้เชิญนายชรินทร์มาทำความเข้าใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยเจ้าตัวบอกว่า จะไม่มีการฟ้องร้องใดๆทั้งสิ้น และจะเป็นคนดีของสังคมแจ้งข้อมูลการกระทำผิดให้กับเจ้า หน้าที่ตำรวจในโอกาสต่อไป เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นขอยอมรับผิดแทนผู้ใต้บังคับบัญชาที่ทำงานผิดพลาด ความจริงไม่อยากโทษลูกน้องเพราะเชื่อว่า พวกเขาได้ทำงานอย่างเต็มที่แล้ว แต่ผู้ต้องหาที่เป็นคนแรกนั้น มีหน้าตาคล้ายผู้ต้องหาตัวจริง ทะเบียนรถแท็กซี่ก็หมายเลขตรงกัน และมีผู้เสียหายมายืนยันอีก ซึ่งในจุดนี้ได้เน้นย้ำผู้ใต้บังคับบัญชาและให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงตามพยานหลักฐานที่ปรากฏโดยให้ยึดตามพยานหลักฐานเป็นหลักในการทำคดีเพื่อจะได้ไม่เกิดความผิดพลาดอีก พร้อมกันนี้ตำรวจนครบาลขอมอบเงินจำนวน 20,000 บาทให้กับนายชรินทร์ ด้วยเป็นกำลังใจต่อไป นายชรินทร์ กล่าวว่า ตั้งแต่ก้าวแรกถึงขณะนี้ที่ออกมาจากข้างใน คิดอยู่ในใจเสมอว่าจะไม่เรียกร้องกับเจ้าทุกข์ที่ชี้ตัวตน ซึ่งเข้าใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับผู้เสียหายเหมือนกัน โดยตนอยากอยู่กับครอบครัว โดยพ่อได้เสียชีวิตไปแล้ว และอยู่กับแม่กับลูกอีก 2 คน และต้องการแค่อิสรภาพ ตอนนี้นทำงานอยู่ที่โรงแรมบางกอกซาฮาร่า สุขุมวิท ซอย 5 ตำแหน่งพนักงานคอมพิวเตอร์ธุรการ ส่วนการขับรถแท็กซี่เป็นเพียงอาชีพเสริมเท่านั้น และหลังจากนี้คงไม่กลับไปขับรถแท็กซี่แล้ว "วันนั้นที่เดินทางมามอบตัวก็เพื่อต้องการแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าผมไม่ได้กระทำอย่างนั้นจริง แต่ตำรวจมีข้อมูลที่ยืนยันได้ จึงถูกดำเนินคดีโดยติดคุกทั้งหมด 9 วัน ที่สน.ลาดกระบัง 2 วัน และที่เรือนจำมีนบุรีอีก 7 วัน ขอยืนยันว่า ไม่รู้จักกับคนร้ายตัวจริง คงเป็นเพราะความโชคร้ายของตัวเองมากกว่าและไม่ขอโทษว่าเป็นความผิดของใครไม่เอาเรื่องใครใดๆทั้งสิ้น อยาก มีชีวิตปกติอยู่กับลุกเมียและแม่มากว่า ไม่อยากให้กลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตอะไร " เขากล่าวทิ้งท้าย

breakingnews.nationchannel.com

วันพุธที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ยิ่งลักษณ์ เยือนเยอรมนี พัฒนาความสัมพันธ์ และเพิ่มมูลค่าการค้าให้เติบโตยิ่งขึ้น

เมื่อวันที่ 18 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานภารกิจของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในการเดินทางเยือนสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี อย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 17-19 ก.ค. ว่า เมื่อเวลา 08.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น (ซึ่งช้ากว่าประเทศไทย 5 ชั่วโมง) นายกรัฐมนตรี ได้มอบนโยบายแก่ทีมประเทศไทยระหว่างรับประทานอาหารเช้า ที่โรงแรมในกรุงเบอร์ลิน โดยได้ย้ำถึงวัตถุประสงค์ของการเดินทางเยือนเยอรมนีซึ่งเป็นประเทศคู่ค้าที่สำคัญ ซึ่งอยากให้เยอรมนีตระหนักถึงความสำคัญของไทย และไทยพร้อมที่จะทำงานร่วมกับเยอรมนี เพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ และเพิ่มมูลค่าการค้าให้เติบโตยิ่งขึ้น โดยถือว่าวิกฤติของเศรษฐกิจยุโรปจะเป็นโอกาสของไทยที่จะต้องสนับสนุนให้มีการเดินหน้าการค้าและการลงทุน จึงขอให้หน่วยงานต่างๆช่วยกันทำงาน เพื่อสร้างโอกาสและส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศไทยต่อไป

ขณะที่ทีมประเทศไทย ได้บรรยายสรุปสถานการณ์และนโยบายการแก้ปัญหาวิกฤตหนี้ยุโรปของเยอรมนีว่าขณะนี้ได้ให้ความสำคัญกับภูมิภาคอาเซียน และเล็งเห็นว่าไทยมีศักยภาพที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง แม้ผ่านวิกฤติทางการเมืองและภัยธรรมชาติ แต่ไทยสามารถฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว รวมทั้งมีความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน โดยเฉพาะเมียนมาร์ ซึ่งเป็นประเทศที่เยอรมนีสนใจเข้ามามีส่วนร่วมทางการค้า การลงทุน และพลังงาน

ทั้งนี้ไทยมีจุดเด่นทางด้านภูมิศาสตร์ ถือเป็นศูนย์กลางของอาเซียนที่จะเชื่อมโยงไปประเทศต่างๆในภูมิภาค โดยเฉพาะโครงการท่าเรือน้ำลึกทวายที่เยอรมนีให้ความสนใจ นอกจากนี้ยังได้มีการชี้แจงถึงปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ทางการค้าและการลงทุนของไทยในเยอรมนี เช่น การตรวจสอบมาตรฐานการนำเข้าสินค้าของไทย โดยนายกรัฐมนตรีสั่งการให้มีคณะทำงานร่วมระหว่างกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตร เร่งแก้ปัญหา โดยให้ผู้เชี่ยวชาญของเยอรมนีไปให้ความรู้และปรับมาตรฐานต่างๆให้ตรงกันและเป็นที่ยอมรับ รวมทั้งการเข้มงวดในการออกใบรับรองคุณภาพสินค้าให้มากขึ้น เพื่อป้องกันการตีกลับสินค้า

จากนั้น นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมหารือกับคณะนักธุรกิจจากบริษัทชั้นนำของไทยในสาขาต่าง ๆที่ร่วมคณะเดินทางไปด้วย อาทิ สาขาการเกษตรและอาหาร ชิ้นส่วนยานยนต์ พลังงาน เศรษฐกิจสีเขียว การแพทย์ทางเลือก และการออกแบบผลิตภัณฑ์ต่างๆ รวมทั้งผู้แทนสภาอุตสาหกรรม สภาหอการค้า สมาคมธนาคารไทย เพื่อรับทราบปัญหาและโอกาสในการลงทุนของภาคเอกชนในเยอรมนี

ต่อมาเวลา 11.45 น. นายกรัฐมนตรี เข้ารวมพิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการ ณ ทำเนียบนายกรัฐมนตรีเยอรมัน ก่อนร่วมงานเลี้ยงอาหารกลางวันที่นางอังเกลา แมร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมัน เป็นเจ้าภาพ และแถลงข่าวร่วมกัน และในช่วงบ่ายนายกรัฐมนตรี จะพบกับกลุ่ม ส.ส. Friends of Thailand ที่เข้าเยี่ยมคารวะ เยี่ยมชมกิจกรรมส่งเสริมการขายอาหารไทย เวลา 16.00 น. พบหารือกับนักธุรกิจชั้นนำของเยอรมัน ก่อนที่จะเป็นประธานกล่าวเปิดงานเลี้ยงรับรองเพื่อฉลองวาระครบรอบ 150 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูต และงานสัมมนานักธุรกิจไทย-เยอรมนี ที่อาคารสภาหอการค้าและสภาอุตสาหกรรมเยอรมัน ในเวลา 18.25 น.



www.dailynews.co.th

ไฮลักซ์ วีโก้ แชมป์ ซีเอ็นจี รถปิกอัพคุ้มค่าประหยัดน้ำมัน

ท่ามกลางกระแสความผันผวนของราคาน้ำมันในตลาดโลกซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงกับราคาน้ำมันในประเทศ บริษัท โตโยต้า ประเทศไทย จึงใช้ช่วงเวลานี้ในการปล่อย “ไฮลักซ์ วีโก้ แชมป์ ซีเอ็นจี” ลงสู่ตลาดปิกอัพเมืองไทย

คราวนี้ กระบะสายพันธุ์แชมป์คันนี้มาพร้อมด้วยระบบเชื้อเพลิง 2 ระบบ (เบนซิน–ซีเอ็นจี) ใน 2 รุ่นเกียร์ธรรมดา ได้แก่ รุ่น สมาร์ตแค็บ และ รุ่น สแตนดาร์ดแค็บ บนพื้นฐานการออกแบบและติดตั้งทั้งระบบโดยตรงจากโรงงานโตโยต้า ซึ่งทุกชิ้นส่วน และทุกการออกแบบ ได้รับการรับรองมาตรฐานในทุกรายละเอียดจากประเทศญี่ปุ่น และประเทศไทย ซึ่งเป็นการผลิตสำเร็จจากโรงงาน ไม่มีการตัดเจาะใดๆ และผ่านการทดสอบการชนมาตรฐาน GOA ทั้งด้านข้าง ด้านหน้าและด้านหลัง

นอกจากนี้ การออกแบบส่วนต่างๆ ของเครื่องยนต์เพื่อรองรับเชื้อเพลิง 2 ระบบนี้ เรียกได้ว่า ถูกออกแบบให้รองรับได้อย่างสมบูรณ์ในทุกรายละเอียด เช่น หัวรับก๊าซคุณภาพสูงพร้อมฐานยึดที่ออกแบบมาพิเศษ ป้องกันการรั่วซึมขณะเติม ลิ้นกันกลับ เสริมความปลอดภัย 2 ชั้น บริเวณหัวรับก๊าซและวาล์วหัวถัง อุปกรณ์ควบคุมแรงดันก๊าซ ป้องกันความเสียหายกรณีแรงดันเกิน กรองก๊าซขนาดใหญ่ ป้องกันคราบน้ำมันสะสมบริเวณชุดหัวฉีด, ระบบหัวฉีดแบบ 3 ทาง ช่วยให้หัวฉีดทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ, กล่องควบคุมระบบก๊าซอัจฉริยะ คำนวณการสั่งจ่ายก๊าซช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและประหยัดขึ้น, พื้นปูกระบะ (ลายเนอร์)

ในส่วนของเครื่องยนต์ยังมีการเพิ่มความทนทานเข้าไปอีกด้วยวัสดุเสริมบ่าวาล์วใหม่ที่มีการเคลือบผิววาล์วไอเสียให้เครื่องยนต์ทนทานรองรับการใช้งานระบบก๊าซซีเอ็นจี ด้วยการออกแบบ ท่อร่วมไอดีออกแบบพิเศษ ผลิตจากวัตถุดิบคุณภาพสูง, รวมถึงการออกแบบตำแหน่งช่องรับก๊าซให้เป็นไปตามหลักวิศวกรรมเพื่อความทนทานและปลอดภัย

ด้านความปลอดภัยได้รับการใส่ใจด้วยการออกแบบโครงสร้างเสริมพิเศษใต้กระบะ ซึ่งเพิ่มแนวคานเหล็กเพิ่มความหนาขึ้นกว่า 90% เพื่อยึดป้องกันถังก๊าซได้อย่างแน่นหนา ที่มาพร้อมด้วยโครงสร้างนิรภัย (ฝาครอบ) สำหรับวาล์วหัวถัง ป้องกันแรงกระแทกเมื่อเกิดการชนจากด้านข้างบริเวณหัวถัง อีกทั้งวาล์วหัวถังนิรภัย ด้วยระบบความปลอดภัยถึง 5 ชั้น รวมถึง ท่อนำก๊าซแรงดันสูงชนิดพิเศษ ที่ทำจากสแตนเลส และเคลือบด้วยโพลีเอทิลีนหนา 2 ชั้น ป้องกันการเกิดสนิมได้อย่างดี และสุดท้ายที่สำสัญคือ ถังบรรจุก๊าซซีเอ็นจี ขนาดความจุ 140 ลิตร ที่ผลิตจากเหล็กกล้าชนิดพิเศษ แข็งแรงและทนทาน

ลองขับดูเสียหน่อย พบว่า เครื่องยนต์คันนี้เป็นเครื่องยนต์เบนซิน 2.7 VVTI ที่ให้แรงม้าสูงสุด 160 แรงม้า ที่ 5,200 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 241 นิวตันเมตร ที่ 3,800 รอบต่อนาที ทำงานได้ดีทีเดียว จังหวะเพิ่มความเร็วขณะใช้ซีเอ็นจี ใช้ได้ จะมีอาการตื้อๆ ให้เห็นบ้างแต่ก็เล็กน้อย ซึ่งก็ถือว่า “รับได้”

เข้าช่วงขับกินลมชมวิวในระยะสั้นๆ เลยได้ลองสลับระบบจากก๊าซซีเอ็นจีเป็นน้ำมันเบนซิน จังหวะสลับของเครื่องยนต์ ต้องขอชมเลยว่า “นิ่งมาก” จนไม่รู้สึกเลยว่าเครื่องยนต์สะดุดหรือมีอาการอะไร ขับเพลินจนก๊าซหมด ระบบจะมีเสียงร้องเตือนจากนั้นก็จะสลับตัดกลับไปที่ระบบน้ำมันให้อัตโนมัติ สบาย...ครับ นั่งขับอย่างเดียว

มาถึงระบบช่วงล่างที่ทุกคนจะเป็นห่วงเมื่อติดตั้งถังก๊าซที่มีขนาดและน้ำหนักมากขึ้นจะเป็นอย่างไร ก็ต้องขอบอกว่ารถกระบะจะได้เปรียบกว่ารถยนต์นั่งในเรื่องตำแหน่งการวางถังก๊าซอยู่แล้ว ประกอบกับการออกแบบคานรับเสริมแรงของโตโยต้า เข้าไปอีก ฉะนั้นแล้ว จึงหายห่วงเรื่องช่วงล่างได้

ส่วนระบบเกียร์ของ “ไฮลักซ์ วีโก้ แชมป์ ซีเอ็นจี” มีเฉพาะเกียร์ธรรมดา 5 สปีด เท่านั้น ซึ่งโดยรวมแล้วนั้น ถือว่าโอเคเลย ไม่ว่าจะเป็น สมรรถนะ ระบบช่วงล่าง อัตราเร่งหรืออัตราเร่งแซง อัตราสิ้นเปลือง ผ่าน!

“ไฮลักซ์ วีโก้ แชมป์ ซีเอ็นจี” ตัวนี้มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ ขาว บรอนซ์เงิน บรอนซ์ทอง ใน 2 รุ่นคือ สแตนดาร์ดแค็บ ราคา 6.22 แสนบาท และ สมาร์ตแค็บ ราคา 7.24 แสนบาท

 

www.posttoday.com

งานพลังสตรี พลังขับเคลื่อนประเทศไทย

ที่ทำเนียบรัฐบาล วันนี้ (18 ก.ค.) นางนลินี ทวีสิน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการขับเคลื่อนกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี เปิดเผยว่า ในวันที่ 31 กรกฎาคม 2555 รัฐบาลจะจัดงาน “พลังสตรี พลังขับเคลื่อนประเทศไทย” ณ ฮอลล์ 9 อิมแพ็คเมืองทองธานี เพื่อเปิดตัวกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี และกดปุ่มโอนเงินไปยังจังหวัดต่าง ๆ พร้อมกันทั่วประเทศ โดยภายในงานมีกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย อาทิ การเสวนาขับเคลื่อนการพัฒนาบทบาทสตรี โดยนางประทีป อึ้งทรงธรรม ฮาตะ น.ส.สายสวรรค์ ขยันยิ่ง ดร.กฤษณา ไกรสินธุ์ นางวันดี กุญชรยาคง เป็นต้น และยังมีการนำเสนอวีดิทัศน์ “บทบาทที่หลากหลายคือรากฐานการพัฒนา” ซึ่งจะถ่ายทอดเรื่องราวของบทบาทสตรีที่มีส่วนช่วยเติมเต็มและขับเคลื่อนสังคม และโอกาสที่จะเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อพัฒนาตนเอง

นอกจากนี้ จะมีการจัดแสดงนิทรรศการ ประกอบด้วย นิทรรศการเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ “เพราะแม่คือต้นแบบ” นิทรรศการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี โซนที่ 1 ความหวังในความมืด กล่าวถึงที่มาและความสำคัญของกองทุนฯ โซนที่ 2 อุโมงค์แห่งความหวัง กล่าวถึงแนวทางในการบริหารกองทุนฯ โซนที่ 3 ยุทธศาสตร์เพื่อความสำเร็จ กล่าวถึงยุทธศาสตร์และกลยุทธ์ของกองทุนฯ โซนที่ 4 Lady’s Hall of Fame กล่าวถึงบทบาทสตรีไทยในภูมิภาคและโลก เช่น ดร.ปราณี เผอิญโชค นักธุรกิจสตรีดีเด่นโลก นักวอลเล่ย์บอลสาวทีมชาติไทย นิศรา การุณอุทัยศิริ นักวิทยาศาสตร์ดาวรุ่ง ดร.กฤษณา ไกรสินธุ์ ผู้ผลิตยาต้านไวรัสเอดส์ สมสุข บุญญะบัญญา สถาปนิกเพื่อมวลชน และโซนที่ 5 รากแก้วแห่งความยั่งยืน นำเสนอบทบาทกองทุนที่จะแก้ไขปัญหาให้แก่สตรีที่ขาดโอกาส เช่น สตรีพิการ และผู้สูงอายุ

การจัดงานในครั้งนี้ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีทั้งจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่จะจัดบูธให้บริการแก่สตรีและประชาชนที่ไปร่วมงาน อาทิ ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ บริษัท โคคา-โคล่า (ประเทศไทย) เครือเจริญโภคภัณฑ์ บิ๊กซี ซุปเปอร์เซ็นเตอร์ โลตัส เครือเซ็นทรัล อายิโนะโมะโต๊ะ โอสถสภา โรงเรียนสอนศิลปะการป้องกันตัว สถาบันส่งเสริมความงาม ร้านตัดเสื้อ เป็นต้น นอกจากนี้ บริษัทประกันชีวิตจะมอบประกันพิเศษให้แก่สตรี และพนักงานบริษัทมิสทีน หรือ สาวมิสทีน จะเดินทางไปร่วมลงทะเบียนเป็นสมาชิกกองทุนฯ ในงานนี้ด้วย

สำหรับไฮไลท์ของการจัดงาน คือ การกดปุ่มโอนเงินให้แก่กองทุนพัฒนาบทบาทสตรีทั่วประเทศ โดยน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานพิธีดังกล่าว รวมทั้งจะเชิญคณะทูตสตรีจากประเทศต่าง ๆ เข้าร่วมงาน ทั้งนี้ ในช่วงพิธีเปิดจะมีการขับร้องเพลง “ผู้หญิงแกร่ง” โดยนิโคล เทริโอ อิน บูโดกัน และตุ๊ก วิยะดา ที่กล่าวถึงความมุ่งมั่นและความเข้มแข็งของผู้หญิงที่ไม่ย่อท้อในชีวิตด้วย



www.posttoday.com

นพ.พรเทพ ยันเชื้อโรคมือเท้าปากไม่พบการกลายพันธ์ุ

นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ยืนยันยังไม่พบการกลายพันธ์ุของเชื้อโรคมือเท้าปาก ในประเทศไทย ลั่นยังคุมการแพร่ระบาดได้ เตือนประชาชนอย่าตื่นตระหนก...นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ยืนยันยังไม่พบการกลายพันธ์ุของเชื้อโรคมือเท้าปากในประเทศไทย ส่วนสาเหตุที่ในปีนี้พบการแพร่ระบาดโรคมือเท้าปาก ในประเทศไทยเพิ่มขึ้นนั้น เป็นเพียงการที่เชื้อโรคเดิมที่มีอยู่แล้วในประเทศไทย แต่ไม่ค่อยปรากฏว่ามีการแพร่ระบาดมากนัก แต่มาวันนี้ปรากฏว่ามีการแพร่ระบาดเพิ่มขึ้นมากหน่อยเท่านั้น และเชื้อที่ปรากฏดังกล่าวในประเทศไทย ก็ไม่มีความรุนแรงถึงชีวิตอีกด้วย ทั้งนี้ เพราะเชื้อโรคมือเท้าปากดังกล่าว ไม่ได้กลายพันธุ์ง่ายๆ เหมือนกับเชื้อโรคหวัด และเชื้อโรคนี้ก็อยู่ในภูมิภาคนี้มาเป็นเวลานานกว่า 40-50 ปีมาแล้ว ทำให้คนส่วนใหญ่มีภูมิคุ้มกันขึ้นตามธรรมชาติ จึงไม่ใช่เรื่องที่จะต้องวิตกกังวลแต่อย่างใด และจากข้อมูลในปีนี้ ก็ยังไม่ปรากฏว่ามีผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อดังกล่าวในประเทศไทย เหมือนในประเทศกัมพูชาอีกด้วย เพราะฉะนั้น ประชาชนจึงไม่ต้องวิตกกังวล  ส่วนวิธีการสังเกตผู้ป่วย ในกรณีที่ติดเชื้อมือเท้าปาก สายพันธุ์รุนแรงนั้น มีข้อสังเกตง่ายๆ คือ ในเด็กเล็ก หากมีไข้สูง 39 องศาเซลเซียส 3 วันติดต่อกัน และมีอาการซึมให้รีบนำไปพบแพทย์โดยทันที เพราะเป็นไปได้ว่าเชื้ออาจจะแพร่กระจายไปสู่สมอง  ด้านการที่รัฐบาล สั่งให้ตั้งวอร์รูมเพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดของโรคดังกล่าวนั้น ก็เพราะปัจจุบันยังพบปัญหาเรื่องสถานศึกษา ไม่ยอมปิดการเรียนการสอนในกรณีที่พบว่ามีการแพร่ระบาด ฉะนั้น การตั้งวอร์รูม ก็เพื่อต้องการให้ผู้ว่าราชการจังหวัด สั่งโรงเรียนในพื้นที่ให้ปฏิบัติตามข้อแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข ในกรณีหากพบว่ามีเด็กป่วยในห้องเรียนไหน ก็ให้ปิดห้องเรียนนั้น แต่หากพบเด็กป่วยเกิน 5 คน ก็ให้ปิดโรงเรียน เพื่อตัดตอนวงจรการแพร่ระบาดของโรค.

www.thairath.co.th

ยิ้มสวย เสียงใส ในโครงการดฟันสัญจรเพื่อผู้ป่วยปากแหว่งเพดานโหว่”

ทพญ.สมใจ สาตราวาหะ นายกสมาคมทันตแพทย์จัดฟันแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานมูลนิธิทันตกรรมจัดฟันแห่งประเทศไทย แถลงข่าว“โครงการทันตกรรมจัดฟันสัญจรเพื่อผู้ป่วยปากแหว่งเพดานโหว่” ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างสมาคมทันตแพทย์จัดฟันแห่งประเทศไทย มูลนิธิทันตกรรมจัดฟันแห่งประเทศไทย สภากาชาดไทย กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.)ว่า อุบัติการณ์ของการคลอดทารกที่มีปากแหว่งเพดานโหว่ในประเทศไทย พบอุบัติการณ์ 1 ต่อการคลอดมีชีพ 800 ราย สมาคมทันตแพทย์จัดฟันแห่งประเทศไทยและมูลนิธิทันตกรรมจัดฟันแห่งประเทศไทย ได้จัดตั้งโครงการ ช่วยเหลือผู้ป่วยปากแหว่งเพดานโหว่ ตั้งแต่ปี 2545 เพื่อรวบรวมทันตแพทย์และทันตแพทย์จัดฟันที่สนใจที่จะให้การช่วยเหลือผู้ป่วยปากแหว่งเพดานโหว่ได้

นายกสมาคมทันตแพทย์จัดฟันแห่งประเทศไทยกล่าวว่า ทันตแพทย์กลุ่มนี้ได้เข้าร่วมทำงานในโครงการ “ยิ้มสวย เสียงใส” จากการที่เข้าร่วมโครงการดังกล่าว พบว่ามีเด็กปากแหว่งเพดานโหว่จำนวนมากที่ไม่ได้รับการรักษาพยาบาล ส่วนใหญ่ไม่ได้รับการรักษาทางด้านทันตกรรมจัดฟัน ดังนั้นจึงได้จัดโครงการ “ทันตกรรมจัดฟันสัญจรเพื่อผู้ป่วยปากแหว่งเพดานโหว่” ขึ้น ได้เริ่มดำเนินการครั้งแรกเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2553 โดยพาทันตแพทย์จัดฟันที่มีจิตอาสาไปจัดฟัน ไปดูแลสุขภาพในช่องปากแก่ผู้ป่วยปากแหว่งเพดานโหว่ ที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา โดยลงพื้นที่เดือนละครั้ง และได้รับการสนับสนุนจาก สภากาชาดไทย กระทรวงสาธารณสุข สปสช.การดำเนินการว่า 1 ปี มีผู้ป่วย 47 คน

“ผู้ป่วยส่วนใหญ่มีฐานะยากจน แม้จะได้รับการรักษาฟรีก็ไม่มีค่าเดินทาง ทำให้กองทุนบริจาคช่วยค่าเดินทางของสภากาชาดไทยลดน้อยลงไป ดังนั้นในโอกาสอันเป็นมงคลครบรอบ 30 ปีของการก่อตั้งสมาคมทันตแพทย์จัดฟันแห่งประเทศไทยสมาคมฯ ได้มอบเงิน 100,000 บาท ให้กับสภากาชาดไทย เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ป่วยปากแหว่งเพดานโหว่ ซึ่งมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าโครงการทันตกรรมจัดฟันสัญจรเพื่อผู้ป่วยปากแหว่งเพดานโหว่ด้วยแรงสนับสนุนอย่างเต็มที่ของทุกฝ่าย จะเป็นโครงการที่ดีโครงการหนึ่งในการมุ่งทำความดีเพื่อช่วยเหลือสังคม ” นายกสมาคมทันตแพทย์จัดฟันแห่งประเทศ กล่าว

ทางด้านนพ.พิชิต ศิริวรรณ รองผู้อำนวยการสำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ สภากาชาดไทย กล่าวว่า ค่าใช้จ่ายในการรักษาด้านทันตกรรมจัดฟันของเด็กเหล่านี้ถูกจัดให้เป็นชุดสิทธิประโยชน์ โดยสปสช. ออกค่าใช้จ่ายในการรักษาให้กับผู้ป่วย โดยที่สภากาชาดไทยให้ค่าใช้จ่ายในการเดินทางแก่ผู้ป่วยทุกครั้งที่มารับการรักษา และอนุมัติให้ทันตแพทย์จัดฟันของสภากาชาดไทยไปช่วยในโครงการนี้ทุกครั้ง ซึ่งการที่สมาคมฯได้บริจาคเงินให้กับสภากาชาดไทยเพื่อใช้เป็นค่าเดินทางมารักษาของผู้ป่วยนั้นเป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง

“ขอบคุณความตั้งใจที่ดีของสมาคมมา ณ โอกาสนี้ด้วย ซึ่งความพิการปากแหว่งเพดานโหว่สามารถรักษาได้ แต่ขั้นตอนของการรักษามีมากตั้งแต่แรกเกิดจนถึงระยะที่หมดการเจริญเติบโตของใบหน้าและขากรรไกร ดังนั้นต้องใช้ระยะเวลายาวนานคือตั้งแต่แรกเกิดจนถึงอายุ 19-20 ปี ให้การดูแลให้การรักษายังต้องมีบุคลากรทางการแพทย์สาขาต่างๆร่วมด้วย ทั้งกุมารแพทย์ ทันตแพทย์ ทันตแพทย์จัดฟัน ศัลยแพทย์ตกแต่ง โสต ศอ นาสิกแพทย์ ศัลยแพทย์ช่องปากและแม็กซิลโลเฟเชียล นักเวชศาสตร์การสื่อความหมาย พยาบาล ผู้ช่วยทันตแพทย์ นักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์ นักพันธุกรรมศาสตร์ เป็นต้น” นพ.พิชิต กล่าว

ขณะที่ ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ ผู้อำนวยการสำนักบริหารการชดเชยค่าบริการ สปสช. กล่าวว่า ปัจจุบันการแก้ไขปัญหาความพิการจากการป่วยปากแหว่งเพดานโหว่ ถูกบรรจุอยู่ในสิทธิของหลักประกันสุขภาพ โดยดำเนินการในรูปแบบของโครงการพัฒนาดูแลรักษาฟื้นฟู การแก้ไขการพูด ทันตกรรมจัดฟัน และการผ่าตัดสำหรับผู้ป่วยปากแหว่งเพดานโหว่แต่เพื่อให้การบริการมีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดขั้นตอนทำให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลอย่างครบวงจรต่อเนื่องเร็วขึ้น จากแพทย์ในสาขาต่าง ๆ ทั้งศัลยกรรม ทันตกรรม การฝึกการแก้ไขการพูด จึงได้ประสานงานเพื่อให้เกิดเครือข่ายร่วมกันทำงานในกลุ่มแพทย์และวิชาชีพที่เกี่ยวข้องในทุกพื้นที่ ในปี 2554 ที่ผ่านมา มีผู้ที่ต้องรับการจัดฟันเพื่อการพูดประมาณ 300 คน การฝึกพูด 600 คน และตั้งแต่ปี 2549 ที่ผ่านมา สปสช.ร่วมสภากาชาดไทย จัดโครงการยิ้มสวยเสียงใส เพื่อร่วมกันผ่าตัดแก้ไขปากแหว่งเพดานโหว่ โดยใช้งบประมาณปีละ 10 ล้านบาท

ขอเชิญชวนผู้ที่สนใจบริจาคให้กับสภากาชาดไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาสภากาชาดไทย ชื่อบัญชี สภากาชาดไทย (โครงการศัลยกรรมตกแต่งแก้ไขปากแหว่งเพดานโหว่และความพิการอื่น) เลขที่ 045-2-88000-6 โอนเงินแล้ว Fax สำเนาการโอนมาที่ 02-2564069 หรือ 02-2564064 พร้อมชื่อ ที่อยู่ของผู้บริจาค มายังสภากาชาดไทย



www.dailynews.co.th

ไอเดียเลือกของขวัญสำหรับคู่วันแต่งงาน

หลายๆคนที่กำลังจะแต่งงาน คงคิิดกันอยู่ว่าจะเลือกของขวัญอย่างไรดี แต่การเลือกของขวัญก็ขึ้นอยู่กันรสนิยมความชื้นชมของแต่ละคน การที่เราเลือกซื้อของขวัญที่มีความนิยมในส่วนมากก็จะเป็นเครื่องมือที่ช่วยในการตัดสินใจ ให้กับบุคคลที่ยังไม่รู้ว่าจะเลือกของขวัญอย่างไรดี ซึ่งหลักๆ ที่ผู้คนนิยมทั่วไปก็จะมีอยู่ 3 อย่างด้วยกัน

อย่างแรกที่คนนิยมกันมากที่สุดก็คือ ของใช้ประจำวัน ซึ่งเป็นของที่เราใช้ประจำอยู่แล้ว ถ้าเราซื้อของจำพวกประเภทนี้ให้ เค้าก็จะได้ใช้ด้วยซึ่งจะเป็นสิ่งที่ดี คุณอาจจะเลือกซื้อ ของจำพวก หมอน ผ้าปูที่นอน เสื้อผ้า และสิ่งจำพวกเหล่านี้ก็จะสีสันหลากหลายให้เลือก ซึ่งก็แล้วแต่ความชอบส่วนตัว ดังนั้นคุณควรจะเลือกของที่มีคุณภาพ ใช้ได้นาน ซึ่งมันจะสามารถเก็บเป็นความทรงจำได้ และใช้ในทุกๆวันหลังแต่งงาน

ต่อไปก็เป็นของใช้ฟุ่มเฟื่อย เช่นของตกแต่งบ้าน เทียน หรือของที่ระลึก อาจจะใช้ในการตกแต่งบ้านเพื่อให้ดูสวยงามมากขึ้น ถึงแม้ว่าซึ่งสิ่งเหล่านี้เราอาจจะไม่ได้ใช้ทุกวัน แต่เมื่อเราได้นำมาใช้เมื่อไรเราก็จะมีความนึกถึงวันวานที่เราแต่งงานกัน

อย่างสุดท้ายการซื้อตั๋วท่องเที่ยวฮานีมูน สิ่งนี้คุณกับคู่รักของคุณควรวางแผนไว้ก่อน เพื่อจะได้ไม่ต้องผิดนัดกัน และที่สำคัญคุณควรจะไปในสถานที่ที่โรเมนติก ที่ที่คุณสองคนใฝ่ฝันที่อยากจะไปมากที่สุด และที่สำคัญไปกว่านั้นคือการคำนวณค่าใช้จ่าย หากไม่เช่นนั้นคุณจะเดือดร้อนภายหลัง

สุดท้ายนี้อยากจะให้คู่รักทุกคนเลือกซื้อของที่เราคิดว่าน่าจะเป็นความทรงจำที่ดในวันแต่งงาน ไม่จำเป็นต้องแพงมาก แต่ที่สำคัญมันต้องเป้นสิ่งที่คุณปราฤนาที่จะให้คนรักของคุณอย่างใจจริง

สาธารณสุขแม่ฮ่องสอน จับตาเฝ้าระวังโรคพื้นที่พักพิงชั่วคราว

แม่ฮ่องสอน - สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดแม่ฮ่องสอน จัดเวทีสมัชชาสุขภาพ การเฝ้าระวังโรคติดต่อในพื้นที่พักพิงชั่วคราวผู้หนีภัยจากการสู้รบ นางภัทรา นวลคำ เภสัชกรเชี่ยวชาญ ด้านเภสัชสาธารณสุข รักษาราชการแทนนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงสาธารณสุข อนุมัติโครงการเสริมสร้างความมั่นคงด้านสุขภาพของประเทศไทย โดยการพัฒนาสถานะสุขภาพของผู้หนีภัยจากการสู้รบ และผู้อพยพชาวพม่าที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย และมอบหมายให้สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ ร่วมกับองค์กรอนามัยโลกประจำประเทศไทย ( WHO) เป็นหน่วยงานร่วมดำเนินการโครงการ patnershipซึ่งได้การสนับสนุนงบประมาณจากสหภาพยุโรป EU โดยมีระยะเวลาดำเนินการ 4 ปี เริ่มตั้งแต่วันที่ 23 ธันวาคม 2553-22ธันวาคม 2557 โดยมีเป้าประสงค์เพื่อพัฒนานโยบายด้านสุขภาพที่เหมาะสมให้กับกลุ่มเป้าหมายของโครงการ ฯ จังหวัดแม่ฮ่องสอน จึงได้จัดทำเวทีสมัชชาสุขภาพ ประเด็น การเฝ้าระวังโรคติดต่อในพื้นที่พักพิงชั่วคราวผู้หนีภัยจากการสู้รบ และบริเวณโดยรอบ ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2554 และครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2555 ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามในวันที่ 20 กรกฎาคม 2555 จัดเวทีสมัชชาสุขภาพ การเฝ้าระวังโรคติดต่อในพื้นที่พักพิงชั่วคราวผู้หนีภัยจากการสู้รบ และบริเวณโดยรอบ เพื่อดำเนินการป้องกันโรคติดต่อดังกล่าวกับผู้หนีภัยจากการสู้รบ ฯ ข้อมูลศูนย์ควบคุมโรคติดต่อ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดแม่ฮ่องสอน ระบุว่า สาธารณสุขจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้ติดตามสถานการณ์โรคติดต่อในศูนย์ที่พักพิงชั่วคราวผู้หนีภัยจาการสู้รบ จังหวัดแม่ฮ่องสอน พบว่า โรคอุจจราระร่วงพบผู้ป่วยเฉลี่ยะเดือนละ 200 กว่าคน โรคไข้มาลาเรียในช่วงฤดูฝนเฉลี่ยเดือนละ 100 กว่าราย นอกฤดูฝนเฉลี่ยเดือนละ 30-40 ราย อย่างไรก็ตาม สาธารณสุขจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้ติดตามสถานการณ์โรคติดต่อภายในศูนย์ที่พักพิง ฯ ในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน จำนวน 14 โรค เช่น โรค ไข้หวัดใหญ่ โรคไข้หวัดนก โรคอหิวา โรคหัด โรคโปลิโอ โรคไข้เลือดออก โรคอุจจาระร่วง โรคบิด โรคไข้มาลาเรีย และโรคที่มีการระบาด กลุ่ม 13 กลุ่ม

breakingnews.nationchannel.com

 

สลด! ยายฆ่าหลาน ม.1 ทำลูกสาวตายทั้งเป็น

วันที่ 18 ก.ค. ที่ สน.พระโขนง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง ควบคุมตัว นางสม (นามสมมติ) อายุ 55 ปี ผู้ต้องหาใช้ไม้ตี ด.ช.เบิร์ด อายุ 13 ปี ซึ่งเป็นหลานแท้ ๆ จนเสียชีวิต เหตุเกิดภายในคอนโดฯ ซอยสุภาพงศ์ 1 ไปขออำนาจศาลจังหวัดพระโขนงเพื่อฝากขัง โดยแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่น และท้ายคำร้องเจ้าหน้าที่ได้คัดค้านการประกันตัว เนื่องจากคดีดังกล่าวมีอัตราโทษสูง และเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี ผู้สื่อข่าวแจ้งว่า นางสมมีสีหน้าเคร่งเครียดและซึมเศร้าอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งนางสมเปลี่ยนเสื้อผ้าจากชุดเดิมที่เป็นสีดำ เป็นเสื้อสีเหลืองโดยมี น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 38 ปี บุตรสาวและแม่ของน้องเบิร์ด มารอดูแม่ของตัวเองที่ศาลจังหวัดพระโขนง พร้อมทั้งนำยารักษาโรคประจำตัวมาให้อีกด้วย นางสม กล่าวว่า รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนขอยอมรับผิดทุกอย่าง และขอชดใช้กรรมที่ก่อไว้ ส่วนเมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับเพราะเหม็นห้องน้ำ แถมยังเครียดกับเรื่องที่เกิดขึ้น และไม่ได้ฝันถึงน้องเบิร์ด ก่อนที่ตำรวจจะนำตัวขึ้นรถไปส่งศาลจังหวัดพระโขนง น.ส.เอ กล่าวว่า วันนี้ตนตั้งใจมาดูแม่พร้อมทั้งเอายามาให้แม่เนื่องจากป่วยเป็นโรคเบาหวาน และความดันโลหิตสูง ตนรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตอนนี้เหมือนคนตายทั้งเป็นที่ต้องเสียทั้งลูกและแม่ติดคุก ซึ่งเมื่อตนได้ยินแม่รับสารภาพว่าเป็นคนฆ่าน้องเบิร์ด ก็รู้ช็อกมาก ส่วนวานนี้ตนคุยกับแม่ก็บอกว่าแม่ยืนยันรับผิดทุกอย่างและไม่ต้องประกันตัว เนื่องจากต้องการรับใช้กรรมในคุก ถ้าหากตนจะยื่นประกันแม่ก็ยืนยันว่ากระทำความผิดเพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่ประกันตัวได้ ตนจึงขอร้องแม่ไม่ให้ทำร้ายตัวเอง ยืนยันว่าจะรอแม่จนกว่าจะพ้นโทษกลับมาอยู่กับเป็นครอบครัวอีกครั้งน.ส.เอ กล่าวต่อว่า ตอนนี้ตนไม่หลือใครแล้ว เหลือแม่เพียงคนเดียว หลังจากทราบเรื่องที่แม่สารภาพตนก็จุดธูปไหว้ดวงวิญญาณน้องเบิร์ดว่าอย่าโกรธยายที่ทำเรื่องดังกล่าวลงไป สำหรับเหตุการณ์ที่แม่เคยต้องโทษคดีฆ่าคนตายครั้งแรกนั้นเป็นคนยื่นประกันตัวเอง ซึ่งแม่ติดคุกอยู่ประมาณ 1 ปี เนื่องจากตอนนั้นตนอายุไม่ถึง 20 ปี จึงต้องรอให้ตนอายุครบ 20 จึงสามารถประกันตัวแม่ออกมาได้สำเร็จ

www.khaosod.co.th

หลุยส์ ซัวเรซเปิดใจหมดเปลือกพร้อมยอมรับเสียใจว่าเหยียดผิว

"หลุยส์ ซัวเรซ" เปิดใจหมดเปลือกผ่านสื่อบ้านเกิดประเทศอุรุกวัย อัดทีมคู่ปรับ "ปิศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีอิทธิพลที่ส่งผลต่อการถูกแบนยาวถึง 8 นัดของตัวเอง พร้อมยอมรับเสียใจถึงขั้นร้องไห้หลังถูกกล่าวหาว่าเหยียดผิว "ปาทริซ เอวรา"

เว็บไซต์ "มิร์เรอร์" รายงานเมื่อวันที่ 17 ก.ค. เผยบทสัมภาษณ์ของ หลุยส์ ซัวเรซ หัวหอกจอมพลิ้วทีม "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ที่เปิดใจหมดเปลือกผ่าน "RR Gol" สื่อโทรทัศน์ในประเทศบ้านเกิดอุรุกวัย ถึงเหตุการณ์สุดฉาวที่ถูกกล่าวหาว่าพูดเหยียดผิว ปาทริซ เอวรา แบ็กซ้ายทีม "ปิศาจแดง" แมนฯยู ในเกมแดงเดือดเมื่อต.ค. ปี 2011 ก่อนถูกสมาคมฟุตบอลอังกฤษ หรือเอฟเอ สั่งลงโทษแบนยาวถึง 8 เกม

"มันเป็นเรื่องยากมากสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นกับผม แต่ผมไม่ต้องการแสดงอารมณ์ออกมาในสนาม แต่เมื่ออยู่นอกสนาม ผมร้องไห้หลายครั้งมากกับเรื่องของ เอวรา"

"สัปดาห์ที่มีการไต่สวนเรื่องดังกล่าว เป็นช่วงที่ยุ่งยากมากสำหรับผม ทั้งภรรยากับผมเราร้องไห้กันตลอดทั้งสัปดาห์ ขณะที่ผู้คนที่ลิเวอร์พูลต่างมั่นใจว่า นี่เป็นความพยายามของแมนฯยูที่จะกันผมออกไปจากทีม เพื่อหยุดลิเวอร์พูล เพราะในอังกฤษ พวกเขามีอิทธิพลที่ทำให้คุณต้องยอมพวกเขา และทำให้คุณหุบปากได้"

"เรื่องระหว่างผมกับ เอวรา เป็นความเข้าใจผิดที่เราไม่ได้จับมือกัน และผมคิดว่ามันเป็นเรื่องที่มีการวางแผนเอาไว้อยู่แล้ว เหมือนกับบทลงโทษที่ผมได้รับ"

"ผมสัญญากับภรรยา, ผู้จัดการทีม และผู้อำนวยการสโมสรไว้แล้วว่า ผมจะจับมือเอวรา ทำไมจะไม่ล่ะ? ผมคิดเช่นนั้น เพราะผมไม่ได้มีปัญหาอะไรกับเขาสักหน่อย ถึงแม้ผมจะถูกลงโทษเพราะเขา แต่ผมไม่ได้มีปัญหาอะไรที่จะจับมือกับเขา แต่ขณะเดียวกันไม่ได้มีใครที่บังคับให้ผมต้องทำ ผมไม่ได้มีปัญหาอะไรกับเอวรา และมันเป็นแค่การจับมือ ซึ่งผมโอเคกับเรื่องนี้"

"สื่อในอังกฤษฉายภาพจังหวะที่ผมผ่านหน้าเขาไป แต่พวกเขาไม่ได้เห็นเลยว่า เอวราเป็นฝ่ายลดมือลงก่อน และมีแค่สื่อในอุรุกวัยกับสเปนเท่านั้นที่แสดงภาพให้เห็นว่า ผมต้องการจับมือเขา"

"ผมนั่งรถแท็กซีไปฟังการพิจารณาคดีที่แมนเชสเตอร์ ผมต้องออกจากบ้านไปตั้งแต่ 7 โมงเช้า และกลับมาตอนหนึ่งทุ่ม ผมหมดแรงและเหนื่อยอ่อน ผมอยากร้องไห้ และเตะทุกอย่างที่อยู่รอบข้างผม ผมกลับมาบ้านและอยากทำทั้งหมดนั้น แต่ผมก็ทำไม่ได้ เพราะผมมีลูกสาวอยู่บ้าน มันเป็นวันที่สับสนมากจริงๆ และหลายสิ่งยิ่งยากขึ้นหลังจากถูกสั่งลงโทษแบน" ซัวเรซ กล่าว

นอกจากนี้ ซัวเรซ กลับเผยว่า เขายังมีความมีสัมพันธ์ที่ดีกับกองเชียร์ แมนฯยู รวมถึงเคยเผชิญเหตุการณ์ที่น่าประทับใจด้วย "แฟน แมนฯยู ยังคงให้ความเคารพผม มีอยู่วันนึงหลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับผู้เล่นแมนฯยู มีกองเชียร์ของพวกเขาคนนึงเข้ามาที่ร้านอาหารที่ผมกำลังทานอาหารอยู่กับภรรยาของผม และขอถ่ายรูปกับผม เขายังบอกว่า เขานับถือผมในฐานะนักฟุตบอล"



www.thairath.co.th

ดีเอสไอ ขึ้นเบิกความ ไต่วสนศพ แท็กชี่เสื้อแดง

เมื่อเวลา 09.00 น. ศาลนัดไต่สวนคำร้องชันสูตรพลิกศพเพื่อหาสาเหตุการตาย คดีหมายเลขดำ อช.2/2555 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 9 ยื่นคำร้อง ขอให้ศาลไต่สวนการเสียชีวิตและทำคำสั่ง แสดงว่าผู้ตายเป็นใคร ตายที่ไหน เมื่อใด และถึงเหตุ และพฤติการณ์ที่ตาย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม.150 ของนายพัน คำกอง ชาวจังหวัดยโสธร อาชีพขับรถแท็กซี่ ผู้ชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่ถูกยิงเสียชีวิตหน้าคอนโดมิเนียม ใกล้สถานีรถไฟแอร์พอร์ตลิงค์ สถานีราชปรารภ เมื่อวันที่ 15พ.ค.53 ระหว่างเหตุการณ์ทหารกระชับพื้นที่บริเวณราชประสงค์ โดยวันนี้อัยการ นำพยานเบิกความ 2 ปาก ประกอบด้วย พ.ต.ท.อานนท์ อุนทริจันทร์ พนักงานสอบสวน กรมสอบสวนคดีพิเศษ ( ดีเอสไอ) ขึ้นเบิกความสรุปว่า ได้รับการแต่งตั้งเป็นพนักงานสอบสวนคดีการเสียชีวิตของ ด.ช.คุณากร ศรีสุวรรณ ซึ่งการสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานทราบว่า เหตุการณ์เสียชีวิตของ ด.ช.คุณากร น่าเชื่อว่าเกิดจากเหตุการณ์ยิงรถตู้บนถนนราชปรารภ สถานีรถไฟแอร์พอร์ตลิงค์ ซึ่งเป็นเหตุการณ์เดียวกันกับการเสียชีวิตของนายพัน โดยได้สอบปากคำนายสมร ไหมทอง คนขับรถตู้คันเกิดเหตุ ซึ่งเป็นผู้เสียหายที่ถูกยิงได้รับบาดเจ็บ นายสมเจตน์ ศาลาวงศ์ เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ชีพวชิระพยาบาล และนายคมสันติ ทองมาก ช่างภาพเนชั่นทีวี ซึ่งเป็นผู้ที่บันทึกภาพเหตุการณ์ขณะเกิดเหตุยิงรถตู้ได้ และได้มอบแผ่นวีซีดีบันทึกภาพเหตุการณ์ให้พยานไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นอัยการได้เปิดแผ่นวีซีดีบันทึกเหตุการณ์ความราวประมาณ 1 นาที เห็นภาพรถตู้ขับมาตามถนนราชปรารภแล้วได้ยินเสียงปืนระดมยิงเป็นชุดใหญ่ กระทั่งรถตู้ถูกยิงจนสงบนิ่งไม่สามารถขับต่อไปได้แล้วก็ยังมีเสียงปืนยิงเข้าใส่อย่างต่อเนื่องไม่หยุด โดย พ.ต.ท.อานนท์ เบิกความต่อว่า ภาพที่ปรากฏเป็นภาพเหตุการณ์จริงที่ได้รับจากนายคมสันติ ช่างภาพเนชั่นที่บันทึกไว้ได้ ซึ่งนายคมสันติ ยืนยันว่าไม่มีการตัดต่อภาพแต่อย่างใด ต่อมาอัยการได้นำ นายสัณพร ไชยยาว พนักงานสอบสวนดีเอสไอ เบิกความ สรุปว่า หลังเกิดเหตุยิงนายพัน ได้เข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุร่วมกับเจ้าหน้าที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์กระทรวงยุติธรรมถึง 2 ครั้ง พร้อมกับจัดทำแผนผัง ถ่ายรูปที่เกิดเหตุ แสดงจุดที่ผู้ตายหลบอยู่หน้าสำนักงานขายคอนโดมิเนียม จุดที่ผู้ตายถูกยิง จุดที่ผู้ตายวิ่งไปล้มลง และจุดที่เจ้าหน้าที่ทหารล้อมรั้วลวดหนามควบคุมสถานที่ ซึ่งหลังจากสอบสวนพยานและรวบรวมพยานหลักฐานภาพบันทึกวีดีโอครบถ้วนแล้ว พยานสรุปความเห็นว่า คดีนี้มีมูลว่าเกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐที่อ้างว่าเกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ทหาร จึงส่งความเห็นให้พนักงานสอบสวน สน.พญาไท ดำเนินการต่อ แต่ต่อมาได้รับแจ้งจากพนักงานสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) โดย พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ รอง ผบช.น. (ขณะนั้น) ว่า การเสียชีวิตของนายพัน เป็นการตายผิดธรรมชาติ (ถูกยิง) ไม่ทราบว่าผู้ใดทำให้ตาย แล้วส่งสำนวนกลับมาให้พยาน พยานจึงได้ร่วมกับพนักงานอัยการ ร่วมกันเป็นคณะพนักงานสอบสวน ตรวจสอบสำนวนคดีอีกครั้ง สรุปยืนยันว่าคดีนี้มีมูลว่าเกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐที่อ้างว่าเกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ทหาร เนื่องจากมีรายงานการตรวจวิธีกระสุนที่ใช้ยิงพบว่า เป็นกระสุนความเร็วสูงที่ต้องใช้กับอาวุธสงครามที่อยู่ในความครอบครองและใช้ในราชการทหาร ดังนั้นพยานจึงส่งความเห็นพร้อมพยานหลักฐานให้พนังงานสอบสวน ผบช.น.ดำเนินการตรวจสอบแล้วจึงมีความเห็นว่ามีหลักฐานเพียงพอ ภายหลังศาลไต่สวนพยานทั้งสองปากเสร็จสิ้นแล้ว ศาลนัดไต่สวนพยานปากต่อไปวันที่ 18 ก.ค. นี้ เวลา 09.00 น.

breakingnews.nationchannel.com

บทความที่ได้รับความนิยม