"จากดัชนีการชี้วัดภาพลักษณ์ของประเทศไทย ในช่วง 18 ปีที่ผ่านมา ที่จัดโดยองค์กรเพื่อความโปร่งใสสากล ได้ชี้ให้เห็นสถานการณ์ต่างๆ ว่าไม่ได้ดีขึ้น โดยเฉพาะในปี 2550-2554 ดัชนีประเทศไทยอยู่ในระดับ 3.3-3.5 คะแนนจากเต็ม 10 เราต้องมาร่วมกันปรับปรุงเพื่อความเชื่อมั่นของประเทศ ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายของรัฐบาลในการป้องกันปราบปรามทุจริตในภาครัฐ จะมีความจริงจัง โปร่งใส มีธรรมาภิบาล เพื่อใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเกิดประโยชน์ต่อประเทศโดยรวม
เราจะดูในข้อกฎหมายต่างๆ และขั้นตอนการทำงาน ถ้าจำเป็นต้องปรับปรุงให้โปร่งใสชัดเจนขึ้น ที่สำคัญต้องไปดูถึงเรื่องวิธีการใช้ การบังคับใช้ และการแก้ปัญหา รวมถึงการแต่งตั้งโยกย้าย ที่เราต้องไม่มีการซื้อขายตำแหน่ง ต้องมีการโยกย้ายที่เป็นธรรม ต้องให้ความเป็นธรรมกับบุคคลที่มีประสบการณ์ มีความรู้ความสามารถ ซึ่งเป็นหน้าที่ของทุกคนในการประกาศต่อต้านทุจริตคอรัปชั่น"
นายกฯ ปู น้องสาวคนสุดท้องทักษิณ กล่าวข้อความข้างต้น อันเป็นตอนหนึ่งในคำกล่าว "เปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการยุทธศาสตร์ต่อต้านการทุจริตคอรัปชั่น" ภายใต้แนวคิด "ประเทศไทยก้าวไกลไร้ทุจริต"
จัดโดยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบข้าราชการ (ก.พ.ร.)
ที่ห้องประชุมวายุภักษ์ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ถนนแจ้งวัฒนะ เช้า 18 พ.ค.2555
เป็นงานใหญ่งานโตมาก มีข้าราชการประจำ, รัฐมนตรี, คณะทูต เข้าร่วมเยอะมาก
และแม้ว่าปูจะอยู่ในงานไม่นาน แต่สื่อก็เสนอข่าวกันอย่างโครมคราม เน้นจับประเด็น
ปูประกาศ ในรัฐบาลชุดนี้ไม่มีการซื้อขายตำแหน่ง
ก็โป๊ะเช้ะเลยล่ะปูเอ้ย……………
และมันพอดิบพอดีที่พี่ชายของ "คุณหญิงพจมาน" ได้เป็น ผบ.ตร. ซึ่ง "พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์" จะต้องทำเรื่องนี้กระจ่างๆ ให้มันใสๆ เพราะท่านใกล้เกษียณแล้ว อยู่ถึงแค่วันที่ 30 ก.ย.2555 นี้เท่านั้นแล้ว
เรื่องที่มีข่าวโครมครามในสื่อเวลานี้ว่า
พ.ต.อ.พิจิตร กรมประสิทธิ์ ผู้กำกับตำรวจ สภ.ไทรงาม จ.กำแพงเพชร ได้พูดเปรยกับเพื่อนๆ ว่า
จะต้องหาเงินสด 14 ล้านบาท เอาไปซื้อตำแหน่งเพื่อเข้าไปคุมตำรวจที่อำเภอแม่สอด
แม่สอดเป็นด่านชายแดนพม่า ตำรวจคนใดได้คุมตรงนี้ทำมาหาเงินได้ง่าย
เรื่องนี้ยังไม่จริง
ไม่มีใครสามารถยืนยันได้ว่าจริง
ตัว พ.ต.อ.พิจิตร กรมประสิทธิ์ ก็ยังไม่ได้พูดอะไรสักคำ
"นายสบาย" ขอให้ความเป็นธรรม ขอให้ พ.ต.อ.พิจิตร พูดถึงปมนี้ด้วยตัวเองว่ามันจริงหรือไม่จริง
ขณะนี้ พ.ต.อ.พิจิตร หลบหนีไปหลังจากที่ถูกให้ออกจากราชการ หลังจากโดนตำรวจออกหมายจับเป็นผู้บงการปล้นรถขนเงิน เหตุเกิดที่หน้าธนาคารกสิกรไทย สาขาอินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี เมื่อ 10.30 น. 26 มี.ค.2555 ได้เงินไป 2 ล้าน 1 แสนบาท
คนร้ายปฏิบัติการอุกอาจมาก มากัน 4 คน ลงรถมาก็เปิดฉากยิงกราดด้วยปืนอาก้า ซ้ำด้วย 9 มม.
ตำรวจคลี่คลายคดีนี้ โดยเอาหัวกระสุนปืนขนาด 9 มม. ที่ฝังอยู่ในขาของ "นายธเนศ วรยาโณ" พนักงานขนเงิน ไปเปรียบเทียบกับหัวกระสุนคดีอื่นๆ ที่ตำรวจเก็บไว้
ก็เชะ… เมื่อพบว่าหัวกระสุนจากขาตรงกับหัวกระสุนในคดีที่ "นายนิรุธ เพชรรัตน์" อายุ 37 ปี "มือปืนรับจ้างซุ้มอ่างทอง" ใช้ยิงขาเมียตัวเองในเหตุทะเลาะวิวาท จึงไปเอาตัวมาสอบสวนแป๊บเดียวก็คายหมด
ตำรวจจับทีมปล้นได้แล้ว 3 คน ยังหนี 1 ขณะที่ พ.ต.อ.พิจิตร ที่ถูกซัดว่าเป็นผู้บงการก็เผ่น
ชาวบ้านหึ่งมาก ถกแถลงกันว่า ระหว่างเซ็กซ์หมู่ของพวกชายหัวเกรียน เสื้อผ้าสีเขียวขี้ม้า กับ การกระทำของท่านผู้กำกับฯ พิจิตร อันไหนร้ายแรงและสะเทือนใจประชาชนมากกว่ากัน
"นายสบาย" ขอตอบว่า ทำร้ายประชาชนได้หนักหน่วงเท่ากันทั้ง 2 กรณี
ชายหัวเกรียน คือ ชายที่สมควรปฏิบัติตัวอย่างมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี เป็นลูกผู้ชาย และให้เกียรติผู้หญิง จึงจะทำให้ประชาชนทุกระดับชั้นให้ความไว้วางใจ และมั่นใจว่าชายในชุดสีขี้ม้าทุกคนคือผู้พิทักษ์ปกป้อง
"Boylomsak" (บอยหล่มสัก) หัวหน้าใหญ่สวิงกิ้ง ตัวพ่อแห่งเพชรบูรณ์ คนโพสต์รูปนี้ ได้เขียนบอกไว้ละเอียดว่า นำผู้หญิงไปให้หัวเกรียนรุมถล่มก่อนออกศึกชายแดนเขมร ที่บ้านพักหลังค่ายเพชรบูรณ์ กับคลิปงานเลี้ยงจบการฝึกของหัวเกรียน ที่ค่ายอ่างทอง ที่แพร่ออกมาไล่เลี่ยกัน จึงเป็นการย้ำความเชื่อของคนไทยว่า….หื่น
คือ ชาวบ้านรู้อยู่แล้วว่า หื่นกาม และลามกกันหนัก
ส่วนตำรวจ ครั้งนี้คนระดับ พันตำรวจเอก หน้าที่ ผู้กำกับโรงพัก ก็ทำให้ชาวบ้านช้ำเช่นกัน
ขอย้ำว่า ที่มีข่าวในสื่อว่า พ.ต.อ.พิจิตร บงการปล้นเงินไปซื้อตำแหน่งเพื่อจะได้คุมตำรวจแม่สอดนั้น ยังไม่ใช่เรื่องจริง เพราะยังไม่มีการยืนยัน เป็นแค่เรื่องเล่า และตัวท่านผู้กำกับฯ พิจิตร ก็ยังไม่ได้พูดสักแอะเพราะท่านหนีไปก่อน ซึ่งเวลานี้ชีวิตของท่านผู้กำกับมีความสำคัญต่อชาติบ้านเมือง และสำคัญต่อ สตช.เป็นอย่างมาก
"นายสบาย" อยากให้ประเทศไทยมีระบบ "รับโทษน้อยลงถ้าสารภาพความจริง"
ขอให้ พ.ต.อ.พิจิตร มีชีวิตรอด อย่าโดนปิดปากก่อน ขอให้เข้ามอบตัว แล้วบอกความจริงแก่คนไทยว่า
จะเอาเงินไปซื้อตำแหน่งจริงรึ ได้ตกลงกันไว้แล้วใช่หรือไม่ จึงมีตัวเลขว่าจะซื้อ 14 ล้าน
ใครคือผู้ขาย
คนขายตำแหน่ง…คือ…ภาระของนายกฯ ปู จะต้องสืบในทางลับให้รู้
ต้องสืบให้รู้ เพราะมันเกิดในขณะท่านเป็นนายกรัฐมนตรี และเพิ่งประกาศว่า รัฐบาลปูจะไม่มีขายตำแหน่ง
www.banmuang.co.th
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น