โดย...สมผล ตระกูลรุ่ง นักวิชาการกฎหมายอิสระ
เงินทุนสำรองของประเทศที่ธนาคารแห่งประเทศไทยดูแลอยู่นั้น เป็นขุมทรัพย์ที่นักการเมืองซึ่งมีวาสนาเป็นเสนาบดีเป็นอำมาตย์ใหญ่ จ้องตาเป็นมัน แถมน้ำลายไหลยืดด้วยความอยากได้
ล่าสุด ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจ การคลัง (สศค.) สมชัย สัจจพงษ์ ได้ออกมาให้ข่าวว่า กำลังศึกษาการนำเงินทุนสำรองระหว่างประเทศส่วนเกินออกมาใช้ประโยชน์ อันเป็นการสนองนโยบายของ กิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯ และรัฐมนตรีคลัง ที่เห็นว่า การปล่อยให้เงินทุนสำรองที่มากเกินไปและกองทิ้งไว้เฉยๆ ทำให้ประเทศได้ไม่คุ้มเสีย
แนวคิดและนโยบายดังกล่าว ไปสอดคล้องกับกุนซือใหญ่ของรัฐบาลปูแดง ดร.โกร่ง วีรพงษ์ รามางกูร อย่างลงตัว เป็นความเห็นที่ไปในทิศทางเดียวกัน โดยไม่รู้ว่าเป็นความบังเอิญจริงๆ หรือถูกบังคับให้บังเอิญ
รัฐบาลอ้างว่า ทุนสำรองระหว่างประเทศปัจจุบันมี 1.8 แสนล้านเหรียญสหรัฐ หากนำมาใช้ปีละ 5,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ประเทศไทยจะได้รถไฟความเร็วสูง ท่าเรือน้ำลึก ระบบโทรคมนาคม
เงินจำนวน 1.8 แสนล้านบาท คิดเป็นเงินไทยที่อัตราแลกเปลี่ยน 30 บาท จะเท่ากับ 5.4 ล้านล้านบาท
อันว่าทุนสำรองระหว่าประเทศนั้น ในปัจจุบันคือสินทรัพย์ในบัญชีของธนาคารแห่งประเทศไทย และสินทรัพย์ในบัญชีฝ่ายออกบัตร (คลังหลวง) ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยดูแลอยู่
เงินทุนสำรองที่อ้างถึงนี้ จึงเป็นประเด็นแรกที่น่าจะต้องตรวจสอบว่าจริงหรือไม่
ผมได้เข้าไปดูฐานะการเงินของประเทศประจำสัปดาห์ ณ วันที่ 26 เม.ย. 2555 ในเว็บไซต์ของธนาคารแห่งประเทศไทย ปรากฏว่าสินทรัพย์ของธนาคารแห่งประเทศไทย มี 3.89 ล้านล้านบาท สินทรัพย์ในบัญชีทุนสำรองเงินตรา ฝ่ายออกบัตร หรือคลังหลวง มี 2.19 ล้านล้านบาท รวมแล้วมีสินทรัพย์ประมาณ 6 ล้านล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงกับตัวเลขที่รัฐบาลอ้างถึง
แต่ในสินทรัพย์ 6 ล้านล้านบาท ยังไม่ได้หักสินทรัพย์ที่หนุนหลังธนบัตร หนี้สิน และสินทรัพย์ที่มีภาระผูกพัน ซึ่งผมดูเฉพาะรายการใหญ่ๆ ปรากฏว่าหนี้สินของธนาคารแห่งประเทศไทย 3.879 ล้านล้านบาท และยังมีส่วนขาดทุนสะสม 3.3 แสนล้านบาท ในส่วนบัญชีทุนสำรองหรือคลังหลวง มีสินทรัพย์หนุนหลังธนบัตรประมาณ 1.3 ล้านล้านบาท สินทรัพย์ที่เป็นทองคำ 2.45 แสนล้านบาท หนี้สินอื่น 4,000 ล้านบาท
หากคิดสินทรัพย์ที่ยังไม่รวมสินทรัพย์ที่มีภาระแล้ว ทุนสำรองระหว่างประเทศจะเหลือไม่ถึง 1 ล้านล้านบาท ไม่ได้มากอย่างที่รัฐบาลอ้าง
ผมไม่ได้เชี่ยวชาญเรื่องตัวเลข แต่ข้อมูลต่างๆ เหล่านี้ ผมดูจากเว็บไซต์ของธนาคารแห่งประเทศไทย นักบัญชี และนักเศรษฐศาสตร์ คงตรวจสอบและเข้าใจได้ดีกว่าผม
ทุนสำรองระหว่างประเทศของไทย จึงไม่ได้มีมากมายดังที่รัฐบาลอ้าง
อาจารย์โกร่งท่านมีความสามารถพิเศษในการอธิบายเรื่องเศรษฐศาสตร์ยากๆ ให้คนธรรมดาเข้าใจได้ง่ายๆ อธิบายเรื่องร้ายๆ ให้ดูเป็นเรื่องดีมีประโยชน์ อันเป็นความสามารถเฉพาะตัวที่หาคนลอกเลียนแบบได้ยาก
ประเด็นที่สอง คือ การที่ประเทศมีทุนสำรองมากมันไม่ดีตรงไหน มีข้อเสียอย่างไร จึงได้อ้างว่า ได้ไม่คุ้มเสีย จะต้องเอาออกมาใช้ให้ได้
ผมคิดง่ายๆ ว่า การที่ประเทศเรามีเงินสำรองมากก็เหมือนกับเศรษฐีที่มีเงินเก็บเยอะๆ ผมก็ยังมองไม่เห็นว่า มีข้อเสียตรงไหน ผมเข้าใจว่า รัฐบาลคงจะมองในแง่ของนักเศรษฐศาสตร์ ที่มองว่าการมีเงินฝากธนาคารไว้ได้ผลประโยชน์ตอบแทนไม่คุ้ม ต้องเอาไปลงทุนสร้างผลกำไรให้ได้มากกว่าดอกเบี้ย
คลังหลวงไม่ได้ตั้งขึ้นมาเพื่อแสวงหากำไร แต่เพื่อความมั่นคงของประเทศ และใช้เมื่อยามจำเป็นจริงๆ ของประเทศชาติ
ส่วนการลงทุนเพื่อแสวงหากำไร ฝ่ายการธนาคารของธนาคารแห่งประเทศไทย เขาทำอยู่แล้ว จึงได้มียอดขาดทุนสะสมถึง 3.3 แสนล้านบาท
ทุนสำรองระหว่างประเทศในส่วนคลังหลวง จึงไม่ใช่เงินที่จะเอาไปลงทุน แต่ต้องเก็บไว้เพื่อความมั่นคงของประเทศ
ประเด็นที่สาม คือ การสร้างภาพว่า หากนำเงินทุนสำรองไปใช้ปีละ 5,000 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1.5 แสนล้านบาท) ประเทศจะได้รถไฟความเร็วสูง ท่าเรือน้ำลึก ระบบโทรคมนาคม
ผมคงต้องถามกลับว่า สิ่งต่างเหล่านี้ควรจะใช้เงินจากที่ใด ควรเป็นเงินจากงบประมาณประจำปีใช่หรือไม่ การลงทุนในสิ่งเหล่านี้จะไม่ยากเลย หากรัฐบาลไม่นำเงินไปละเลงหาเสียงในทางการเมืองด้วยโครงการอภิมหาประชานิยม มอมเมาคนให้ไม่รู้จักรับผิดชอบ
การใช้โครงการมาเป็นตัวล่อ ก็เหมือนกับการเอาสิ่งต่างๆ เหล่านี้ มาเป็นตัวประกันว่า ถ้าคัดค้านการนำเงินทุนสำรองมาใช้ ก็จะไม่ได้สิ่งอำนวยความสะดวกเหล่านี้
วิธีการอย่างนี้ เป็นการโคลนนิงความคิดมาจากนายห้างดูไบ ที่ประกาศว่า ถ้าไม่เลือกข้าฯ เองจะไม่ได้อะไร
คลังหลวงตั้งขึ้นจากเงินของพระมหากษัตริย์ ที่เรียกว่าเงินถุงแดงในสมัยรัชกาลที่ 3 และได้มีการดูแลต่อๆ มาในทุกรัชกาล จนเปลี่ยนแปลงการปกครอง เงินทุนนี้ได้ช่วยเหลือประเทศในยามคับขันมาแล้วหลายครั้ง
จนมาในยุคปัจจุบัน หลวงตามหาบัวได้ระดมสินทรัพย์จากประชาชนทั้งชาติเพื่อความมั่นคงของประเทศ ลูกศิษย์หลวงตาซึ่งรวมถึง ดร.โกร่ง เคยออกมาคัดค้านรัฐบาลประชาธิปัตย์ ที่จะรวมบัญชีเอาเงินคลังหลวงออกมาใช้ และสามารถคัดค้านได้สำเร็จ
แต่ลูกศิษย์บางคนในวันนี้ ไปใส่กางเกงแดงเสียแล้ว จึงทำให้ความคิดเปลี๋ยนไป ไม่กลัวบาปกรรม
www.posttoday.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น