วันจันทร์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

พบนักโทษใช้มือถือจิ๋วยัดก้นลอบสั่งยาในคุก

อธิบดีกรมราชทัณฑ์เผยพบนักโทษใช้โทรมือถือจิ๋วสั่งค้ายาจากคุก ชี้ขนาดเล็กเท่ารีโมทรถยัดใส่ทวารหนักได้ 4 เครื่อง

พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวระหว่างการเสวนาเรื่อง เปิดโปงมาเฟียคุก ค้ายานรก ที่จัดขึ้นโดย สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยว่า ขณะนี้เรือนจำในประเทศไทย 143 แห่งมีนักโทษยาเสพติดถูกคุมขังเป็นจำนวนมาก ทางเรือนจำจึงต้องให้ความสำคัญและจับตามอง ขณะที่ปัจจุบันเทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วโดบพบว่ามีการใช้เทคโนโลยีใหม่มาใช้ในการสั่งค้ายาเสพติดจากเรือนจำ

"จากการตรวจค้นเรือนจำล่าสุดพบข้อมูลว่า เจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดโทรศัพท์ขนาดเล็กเท่ารีโมทรถยนต์ ซึ่งจากการสอบสวนทราบว่ามีการลักลอบนำเข้ามาโดยการยัดใส่ช่องทวารหนัก ได้ถึง 4 เครื่อง ซึ่งได้เร่งสั่งการให้เจ้าหน้าที่ดูแลกวดขันเป็นพิเศษแล้ว"พ.ต.อ.สุชาติกล่าว

พ.ต.อ.สุชาติกล่าวอีกว่า การซื้อขายยาเสพติดในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงไปมาก โดยเดิมเมื่อมีการซื้อขายนักค้าจะหอบเงินและยามานัดเจอแลกเปลี่ยนกัน แต่ปัจจุบันมีการโอนเงินผ่านทางอินเตอร์เน็ต โอนเงินผ่านธนาคารหรือสถาบันการเงินทุกแห่ง ซึ่งธนาคารทุกแห่งได้มีการติดประกาศว่าการเปิดบัญชีแทนกันผิดกฏหมาย แต่ในทางปฏิบัติพบว่าข้อมูลการโอนเงินมีการโอนเงินให้กันอยู่หรือมีการเปิดบัญชีแทนกันอยู่ ซึ่งปัญหาต่างๆจะต้องช่วยกันแก้ไขอย่างบูรณาการและต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตามขณะนี้มีเรือนจำทั้งหมด 7 แห่งที่ประกาศตัวเป็นเรือนจำสีขาวปลอดยาเสพติดและสิ่งผิดกฏหมาย ได้แก่ เรือนจำจังหวัดนครสวรรค์,เรือนจำจังหวัดร้อยเอ็ด,เรือนจำจังหวัดหนองบัวลำภู,เรือนจำอำเภอเบตง,เรือนจำจังหวัดน่าน,เรือนจำจังหวัดมหาสารคาม และเรือนจำเกาะสมุย

ด้าน นายณรงค์ รัตนากูล ที่ปรึกษาการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ปปส.) กล่าวว่า สำนักงาน ปปส.ได้จัดประเภทของผู้กระทำความผิดเรื่องยาเสพติดออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ ผู้กระทำความผิดในการลักลอบขนยาเสพติด และการสั่งยาเสพติดจากเรือนจำ โดยการสั่งยาเสพติดจากเรือนจำนั้นเป็นปัญหาสำคัญที่เป็นตัวแปรสำคัญในการเคลื่อนไหวของยาเสพติด

ทั้งนี้การแบ่งผู้ต้องหาว่าใครเป็นมาเฟียเรื่องยาเสพติดหรือไม่นั้นปัจจุบันทำได้ยาก เพราะผู้ต้องหาบางรายถูกจับกุมในจำนวนยาเสพติดที่ไม่มาก แต่มีเครือข่ายกว้างขวาง แต่หลังจากถูกจับกุมก้มารวมกับกลุ่มนักโทษค้ายาในเรือนจำ ซึ่งมีเงินจำนวนมาก แต่ขาดอิทธิพล ทำให้เกิดเป็นเครือข่ายมาเฟียที่ใหญ่มากในเรือนจำและยากต่อการควบคุม

อย่างไรก็ตามจากการตรวจค้นเรือนจำตั้งแต่เดือนม.ค.-เม.ย.ปีนี้พบเรือนจำที่มียาเสพติด 37 แห่งมีเรือนจำที่พบว่ามีการใช้โทรศัพท์ 52 แห่ง พบโทรศัพท์ 3,253 เครื่อง รวมทั้งได้ยึดทรัพย์ผู้ค้ายาเสพติดจำนวน 2,677 ราย คิดเป็นมูลค่า 1,038 ล้านบาท



www.posttoday.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม