วันพฤหัสบดีที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

บมจ.เอเชีย เอวิเอชั่น (AAV) ผู้ถือหุ้นใหญ่ของไทยแอร์เอชีย

บมจ. เอเชีย เอวิเอชั่น หรือ AAV ผู้ถือหุ้นใหญ่ของสายการบินไทยแอร์เอเชีย เดินสายให้ข้อมูลนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศได้รับความสนใจล้นหลาม พร้อมเทคออฟเปิดเสนอขายหุ้นไอพีโอ 1,212.5 ล้านหุ้น แก่นักลงทุนในเร็วๆ นี้ พร้อมตั้งเป้าให้บริการผู้โดยสารปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 8 ล้านคน หวังสร้างรายได้ปี 55 เติบโต 20-25%

นายทัศพล แบเลเว็ลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV ผู้ถือหุ้นใหญ่และผู้บริหารสายการบินไทยแอร์เอเชีย ผู้นำในธุรกิจสายการบินราคาประหยัด เปิดเผยว่า ได้นำทีมผู้บริหารเดินสายให้ข้อมูลของบริษัทฯ แก่นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ หลังบริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน นำบริษัท "เอเชีย เอวิเอชั่น" ยื่นไฟลิ่งต่อ ก.ล.ต. เพื่อเสนอขายหุ้นไอพีโอจำนวน 1,212.5 ล้านหุ้น หวังนำเงินระดมทุน มาเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในไทยแอร์ เอเชีย และมีแผนขยายฝูงบินเพิ่ม โดยตั้งเป้าเป็นสายการบินต้นทุนและค่าโดยสารต่ำที่สุด และตั้งเป้าให้บริการผู้โดยสารปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 8 ล้านคน โดยคาดว่ารายได้ปี 25555 น่าจะเติบโต 20-25%

“ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเดินสายให้ข้อมูลกับนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศหลังจากที่บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน)(AAV) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของสายการบินไทยแอร์เอเชีย จำกัด ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟล์ลิ่ง)ของAAV ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO)จำนวน1,212.5 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 25% ของทุนชำระแล้วทั้งหมด” นายทัศพลกล่าว

สำหรับผลการให้ข้อมูลปรากฎว่าได้รับความสนใจจากนักลงทุนสถาบันและกองทุนต่างๆอย่างมาก เนื่องจากเห็นศักยภาพและทิศทางการเติบโตในธุรกิจสายการบินราคาประหยัดหรือสายการบินต้นทุนต่ำของไทยแอร์เอเชีย ซึ่งคาดว่าหุ้น AAV จะเปิดให้ประชาชนทั่วไปจองซื้อได้ในเร็วๆนี้ และคาดว่าจะสามารถนำหุ้นเข้าจดทะเบียนและเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้ภายในไตรมาส 2 ของปีนี้ โดยเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ AAV จะนำเงินส่วนใหญ่ไปจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่ออกใหม่ของบริษัท ไทยแอร์เอเชีย จำกัด ซึ่งจะทำให้สัดส่วนการถือหุ้นในไทยแอร์เอเชียเพิ่มขึ้นจาก 51% เป็น 55%

นายทัศพล กล่าวเพิ่มเติมว่า AAV ประกอบธุรกิจด้านการลงทุนโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ซึ่งปัจจุบันถือหุ้นในบริษัท ไทยแอร์เอเชีย จำกัด เพียงแห่งเดียว ดังนั้น ในการพิจารณาโครงสร้างรายได้ของ AAV จึงต้องพิจารณาจากโครงสร้างรายได้ของไทยแอร์เอเชียเป็นหลัก ส่วนบริษัท ไทยแอร์เอเชีย ก็จะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นสามัญใหม่ที่ขายให้กับเอเชีย เอวิเอชั่น นี้ไปใช้ในการขยายฝูงบิน ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและใช้ในการดำเนินธุรกิจ โดยบริษัท ไทยแอร์เอเชีย ซึ่งเป็นผู้นำในธุรกิจสายการบินราคาประหยัดของประเทศไทย มีแผนที่จะขยายฝูงบินเพิ่มเพื่อรองรับความต้องการใช้บริการสายการบินราคาประหยัดที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากที่มีอยู่ 24 ลำในปัจจุบัน เพิ่มอีก 24 ลำ รวมเป็น 48 ลำ ภายในระยะ 5 ปีข้างหน้าหรือภายในปี 2555-59 โดยการซื้อเครื่องบินรุ่นแอร์บัส A320 มาจากเงินที่ได้จากการขายหุ้นเพิ่มทุน เงินกู้ยืมและกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน สำหรับเครื่องบินในส่วนที่เหลือนั้น คาดว่าจะจัดหาภายใต้สัญญาเช่า

“ไทยแอร์เอเชีย ต้องการเป็นสายการบินราคาประหยัดที่มีต้นทุนต่ำที่สุดในทุกๆตลาด โดยไม่ลดทอนคุณภาพการให้บริการ และมุ่งเน้นการให้บริการด้วยจำนวนเที่ยวบินที่สูง ในเส้นทางบินระยะใกล้แบบไม่มีการเชื่อมต่อ ทั้งเส้นทางบินระหว่างประเทศและภายในประเทศ การเดินหน้าเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงเป็นอีกก้าวสำคัญของสายการบินไทยแอร์เอเชียที่จะทำให้บริษัทฯ มีฐานะทางการเงินที่มั่นคง และสามารถดำเนินการธุรกิจได้ เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้”นายทัศพล กล่าว

สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัท ไทยแอร์เอเชีย ในช่วงที่ผ่านมานั้นถือว่ามีอัตราการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่องโดยบริษัทประสบความสำเร็จในการขยายธุรกิจทั้งด้านการเติบโตของจำนวนผู้โดยสารและรายได้ โดยนับจากปี 2552 ถึง 2554 มีจำนวนผู้โดยสารเข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 5 ล้านคน เพิ่มเป็น 5.7 ล้านคน และ 6.8 ล้านคนตามลำดับ และสามารถทำรายได้เพิ่มขึ้นจาก 9,281.2 ล้านบาท ในปี 2552 เป็น 12,098.7 ล้านบาท ในปี 2553 และเพิ่มขึ้นเป็น 16,157.6 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิ 2,011 ล้านบาท และ 2,020.1ล้านบาท ในปี 2553 และ 2554 ตามลำดับ โดยกำไรสุทธิในปี 2553-54 ปรับตัวดีขึ้น มีสาเหตุมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าโดยสาร ซึ่งปรับตัวสูงขึ้นจาก 7,582.3 ล้านบาท ในปี2552 เพิ่มขึ้น 35.3%ในปี 2553 เป็น 10,260.3 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นต่อเนื่องอีก 26.8% เป็น 13,007.5 ล้านบาท ในปี 2554 รวมถึงมีค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมและบำรุงที่ลดลงในปี 2553 อันเป็นผลมาจากการทยอยเปลี่ยนฝูงบินจากเครื่องบินโบอิ้ง 737-300 เป็นเครื่องบินใหม่รุ่นแอร์บัส A320 ทั้งฝูงบิน

นายทัศพล กล่าวว่า ผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นมาอย่างต่อเนื่องในปี 2555 นี้ บริษัทจึงตั้งเป้ารายได้ว่าจะยังคงเติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 20-25% จากปี 2554 ทั้งจากการเพิ่มฝูงบินใหม่ แผนการเพิ่มเส้นทางบิน และการเพิ่มความถี่ในจุดหมายปลายทางที่มีความต้องการใช้บริการที่ขยายตัวมากขึ้น

อนึ่ง สายการบินไทยแอร์เอเชีย ในปัจจุบันบริษัทประกอบธุรกิจด้วยเครื่องบินจำนวน 24 ลำ ให้บริการ 504 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ไปยัง 25 จุดหมายปลายทางใน 8 ประเทศของเอเชีย โดยมีศูนย์ปฎิบัติการการบิน(Hub)จำนวน 3 แห่งในประเทศไทย ได้แก่กรุงเทพมหานคร(สนามบินสุวรรณภูมิ) จังหวัดภูเก็ตและจังหวัดเชียงใหม่ และมีแผนเปิดศูนย์ปฎิบัติการการบินแห่งที่ 4 ที่หาดใหญ่ในปี 2556 และแห่งที่ 5 ที่จังหวัดอุดรธานี ในปี 2557 ณ วันที่ 31 ม.ค. 2555 บมจ. เอเชีย เอวิเอชั่น มีทุนจดทะเบียน 485 ล้านบาท และมีทุนชำระแล้ว 410 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.10 บาท ภายหลังการเสนอขายหุ้น IPO ในครั้งนี้จะมีทุนชำระแล้วไม่เกิน 485 ล้านบาท

ส่วนโครงสร้างผู้ถือหุ้น AAV หลังเข้าตลาดหลักทรัพย์จะประกอบด้วยกลุ่มผู้บริหารซึ่งนำโดยนายทัศพล แบเลเว็ลด์ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่และที่เหลือเป็นผู้ลงทุนทั่วไปในตลาดหลักทรัพย์ ส่วนบริษัท ไทยแอร์เอเชีย มีทุนจดทะเบียน 400 ล้านบาท โดยชำระค่าหุ้นเต็มมูลค่าที่ตราไว้ แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 40 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท หลัง บมจ. เอเชีย เอวิเอชั่น เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัท ไทยแอร์เอเชีย 55% ส่วนอีก 45% ถือโดย AirAsia International(AAI)



www.newswit.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม