วันพุธที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

นศ.ดหด ฟันคู่อริปางตายคาห้องเรียน

อุกอาจ! อริควงสปาต้าฟันโหด นศ.ปี 2 ต่อหน้าครู และเพื่อนนักศึกษาร่วมชั้นปางตายขณะนั่งเรียน เบื้องต้น ตร.รู้ตัวมือฟันแล้วเตรียมรวบรวมพยานหลักฐานเสนอต่อศาล จ.ภูเก็ตออกหมายจับ คาดแย่งสาว-หึงหวง...เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 17 ก.ค. พ.ต.ต.เฉลียว ท้ายฮู้ สารวัตรเวร สภ.เมืองภูเก็ตได้รับแจ้งจากผู้ปกครองของนายรัชชานนท์ นัยนา อายุ 18 ปี นักศึกษาวิทยาลัยอาชีวศึกษาภูเก็ตปี 2 แผนกการท่องเที่ยวถูกคนร้ายเป็นนักศึกษาวิทยาลัยเทคนิคแห่งหนึ่งใน จ.ภูเก็ตใช้สปาต้าฟันได้รับบาดเจ็บสาหัส ขณะนั่งเรียนอยู่ภายในห้องต่อหน้าครู และเพื่อนร่วมชั้นเรียน โดยได้นำตัวผู้บาดเจ็บส่งรักษาตัวที่ รพ. อบจ.ภูเก็ตแล้ว เหตุเกิดเมื่อช่วงเวลา 13.20 น.วันเดียวกันจากนั้นจึงพร้อมด้วย พ.ต.ท.จำรูญ พลายด้วง รอง.ผกก.สส.นำกำลังชุดสืบสวนแบ่งออกเป็น 2 ชุด ชุดแรกตรวจสอบที่วิทยาลัยอาชีวศึกษาภูเก็ตจุดเกิดเหตุ พบคราบเลือดเป็นจำนวนมากที่พื้นห้องเรียน แต่ไม่พบอาวุธที่ใช้ทำร้ายนายรัชชานนท์ เบื้องต้นไม่มีผู้ใดกล้าให้ข้อมูลรูปพรรณคนร้ายหรือเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เกรงว่าจะถูกคนร้ายย้อนกลับมาทำร้าย และจุดที่ 2 ตรวจสอบที่ รพ.อบจ.ภูเก็ตสถานที่รักษาตัวของผู้บาดเจ็บ โดยแพทย์ยังไม่อนุญาตให้เยี่ยม เนื่องจากผู้บาดเจ็บยังไม่สามารถให้การได้ ต้องรอให้นายรัชชานนท์ฟื้นถึงจะสอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุนายรัชชานนท์ได้นั่งเรียนหนังสืออยู่กับเพื่อนๆ ภายในห้องเรียนตามปกติ โดยมีครูกำลังสอนอยู่หน้าชั้นเรียน จากนั้นได้มีชายวัยรุ่นแต่งกายคล้ายเครื่องแบบนักศึกษาช่างของวิทยาลัยเทคนิคแห่งหนึ่งเดินปรี่เข้ามาหานายรัชชานนท์ที่กำลังก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสืออยู่ พร้อมกับชักสปาต้าออกมาจากเอวแล้วฟันเข้าที่ไหล่ซ้ายเลือดกระฉูดต่อหน้าต่อตาเพื่อนร่วมชั้นและครูที่กำลังยืนสอนอยู่ ท่ามกลางความตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จากนั้นคนร้ายได้วิ่งออกไปขึ้นรถ จยย.ไม่ทราบยี่ห้อ สี และหมายเลขทะเบียนหลบหนีไป ครูประจำวิชาและเพื่อนๆ นักศึกษาจึงได้ช่วยกันนำนายรัชชานนท์ส่ง รพ.อบจ.ภูเก็ต เพื่อรักษาตัว พ.ต.ท.จำรูญ พลายด้วง รอง.ผกก.สส.สภ.เมืองภูเก็ต กล่าวว่า หลังได้รับแจ้งจากผู้ปกครองของนายรัชชานนท์ได้ส่งชุดสืบสวนออกหาข่าวและสืบหาคนร้ายแล้ว เบื้องต้นทราบแล้วว่าเป็นใคร ซึ่งจะต้องรวบรวมพยานหลักฐานเสนอต่อศาล จ.ภูเก็ตออกหมายจับตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป ส่วนสาเหตุคาดว่าอาจมาจากเรื่องชู้สาว-หึงหวง.

www.thairath.co.th

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม