วันจันทร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

2 ข่าวใหญ่ สังหารหมู่คนดูภาพยนตร์ แบทแมน& คาร์บอมบ์

ท่านผู้อ่านที่ตื่นขึ้นมาตอนเช้าของวันเสาร์ที่แล้ว ไม่ว่าจะเปิดดูข่าวทีวี ฟังวิทยุ หรืออ่านหนังสือพิมพ์ คงจะรู้สึกใจหายกับข่าวใหญ่ 2 ข่าว ที่สื่อทุกแขนงนำมารายงานอย่างละเอียดลออข่าวแรกเกิดที่สหรัฐอเมริกา แม้จะดูเหมือนไกลตัว แต่เนื่องจากเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโรงหนังที่กำลังฉายหนังเรื่องเดียวกันนี้ทั้งโลก รวมทั้งบ้านเราด้วย จึงกลายเป็นเรื่องใกล้ตัวขึ้นมาทันที เพราะคนไทยจำนวนไม่น้อยที่เป็นแฟนหนังเรื่องนี้ส่วนข่าวที่ 2 เป็นข่าวที่เกิดใน 3 จังหวัดภาคใต้ของบ้านเรา เกี่ยวกับพฤติกรรมโหดเหี้ยมของกลุ่มผู้ไม่หวังดีต่อบ้านเมือง ซึ่งความจริงก็เป็นข่าวที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า และทุกครั้งที่เกิด ก็ได้แต่รู้สึกเสียใจ ระคนโกรธแค้น รวมทั้งครั้งนี้ที่สุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาสผมคงจะเขียนถึงข่าวเศร้าๆที่สุไหงโก-ลกค่อนข้างยาวหน่อย แต่ขออนุญาตแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวสังหารหมู่คนดูภาพยนตร์ เรื่อง “แบทแมน” ภาค 3 ที่เดนเวอร์เสียก่อนสักเล็กๆน้อยๆ ในฐานะคนชอบดูหนังและเป็นแฟนหนังเรื่องนี้อยู่ด้วยเหมือนกันค่อนข้างชัดเจนจากข่าวที่ตามมาในตอนหลังว่าการ “สังหารหมู่” คนดูจนเสียชีวิตถึง 12 คน และบาดเจ็บอีกเกือบ 60 คนในโรงภาพยนตร์ที่ศูนย์การค้าย่านออโรรา ชานเมืองเดนเวอร์นั้น เป็นนักศึกษาหนุ่มวัย 24 ปี จากซานดิเอโก ที่สมัครมาเรียนแพทย์ในคณะแพทยศาสตร์ของมหาวิทยาลัยโคโลราโด วิทยาเขตเดนเวอร์รายงานข่าวบอกว่า นาย เจมส์ โฮล์ม มือสังหารเพิ่งพ้นจากสภาพนักศึกษาเมื่อเร็วๆนี้

โดยไม่มีรายละเอียดว่าเพราะอะไร แต่ค่อนข้างชัดเจนว่าเขาเป็นคนชอบอยู่เงียบๆ ชอบทำอะไรคนเดียว และกว้านซื้อปืน ทั้งปืนสั้น ปืนยาวมาหลายกระบอกก่อนก่อเหตุ รวมทั้งลูกกระสุนอีกหลายพันนัดเป็นไปได้ที่เขาจะมีอาการทางจิต หรือความเก็บกดอะไรอยู่ในใจตามแบบฉบับของ “ฆาตกร” ยุคใหม่ ที่เคยมีพฤติกรรมในลักษณะนี้มาแล้วสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ และสำหรับตอนนี้ คาดว่าจะทำเงินได้เป็นกอบเป็นกำอีกตอนหนึ่ง แต่เมื่อเกิดเหตุแล้วไม่ทราบว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรมีข่าวว่าตำรวจที่อเมริกาหันมาคุมเข้มเพิ่มระบบ รปภ.ของโรง ภาพยนตร์ที่ฉาย “แบทแมน 3” ขึ้นอีกเท่าหนึ่ง เพราะกลัวจะมีโรคติดต่อของบ้านเราคงไม่มีอะไรหรอก และความจริงเราก็คุมเข้มกันอยู่แล้ว จะดูหนังแต่ละเรื่องสมัยนี้ มีการตรวจตรากันพอสมควร หวังว่าคงไม่มี โรคระบาด โรคเดียวกันนี้มาถึงเมืองไทยนะครับสำหรับข่าวที่ 2 เกี่ยวกับเหตุการณ์คาร์บอมบ์กลางเมืองสุไหงโก-ลก ตอนเช้าตรู่ วันที่ 20 กรกฎาคม นั้น มีผลให้เกิดเพลิงลุกไหม้อาคารพาณิชย์ไปหลายคูหา เสียหายไม่ต่ำกว่า 150 ล้านบาทโชคดีที่ไม่มีผู้เสียชีวิต เพราะเจ้าหน้าที่สามารถช่วยเหลือผู้เคราะห์ร้ายที่ติดอยู่ในตึก ขณะเพลิงกำลังโหมไหม้ออกมาได้ทั้งหมด จึงมีแต่ผู้ได้รับบาดเจ็บประมาณ 7-8 รายทางฝ่ายเจ้าหน้าที่แจ้งว่าการลงมือของกลุ่มโจรก่อการร้ายในช่วงเช้าๆเช่นนี้ ผู้ก่อเหตุคงไม่ได้มุ่งหวังจะสร้างความเสียหายให้แก่ชีวิตผู้คนแต่ต้องการสร้างความปั่นป่วนในลักษณะขู่ขวัญ เพื่อสร้างความตระหนกตกใจและหวังผลทางจิตวิทยาต้อนรับเดือนรอมฎอนมากกว่าอย่างไรก็ตาม

เมื่อเกิดเหตุขึ้นก็คงจะต้องติดตามหาตัวผู้ก่อเหตุต่อไป และก็คงจะต้องเพิ่มความระมัดระวังให้มากยิ่งขึ้นผมขอให้กำลังใจทั้งเจ้าหน้าที่บ้านเมืองและพี่น้องชาวสุไหงโก-ลกที่ต้องเผชิญเหตุการณ์อันหนักหนาสาหัสในครั้งนี้การแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นเรื่องใหญ่ ซึ่งจะต้องใช้เวลาและใช้ความอดทน ดังที่ผมเคยเขียนไว้หลายครั้งขณะเดียวกัน ก็จะต้องดำเนินควบคู่กันไปทั้งการเร่งรัดพัฒนาและการปราบปราม...จะดำเนินการเพียงด้านใดด้านหนึ่งคงไม่ได้อย่างกรณีนี้ ทางเจ้าหน้าที่บ้านเมืองดูเหมือนจะรู้ตัวคนร้ายแล้วด้วยซํ้า เพียงแค่รอหลักฐานที่ชัดเจนเพิ่มเติมอีกเล็กน้อย ก่อนจะดำเนินการตามกฎหมายต่อไปมาคิดอีกทีก็ดีเหมือนกันครับ ที่โจรก่อการร้ายยังคงดำเนินการอย่างโหดเหี้ยมโดยไม่หยุดยั้งอย่างที่เขาทำอยู่ในขณะนี้เพราะเป็นการแสดงให้เห็นว่า เรายังมีศัตรูที่จะต้องช่วยกันขจัดปัดเป่า และจะต้องร่วมแรงร่วมใจต่อสู้ในทุกวิถีทาง เพื่อนำความร่มเย็นมาสู่พี่น้องชายแดนภาคใต้ให้จงได้ไม่อย่างนั้นนักการเมืองบ้านเราก็จะเอาแต่ทะเลาะกันรํ่าไป ทำยังกับว่าบ้านเมืองเราไม่มีปัญหาอะไรอย่างนั้นแหละครับ.

www.thairath.co.th

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม