เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาทั่วโลกต้องช็อกกับข่าวสะเทือนใจ ที่มีคนร้ายจิตไม่ปกติเข้าไปกราดยิงผู้คนในโรงภาพยนตร์รอบมิดไนท์ ซึ่งผมขอแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเหตุผลอะไรก็ตาม แต่เชื่อว่าความรุนแรงในเนื้อหาของภาพยนตร์นั้น อาจมีผลต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นก็ได้ หากไปจี้จุดบางอย่างของคนที่สภาพจิตใจไม่ปกติ
แต่ประเด็นที่กระผมจะเขียนขึ้นในวันนี้ เป็นเรื่องน่าประทับใจของคนไทยอีกแง่มุมหนึ่ง และผมเองก็อยากให้ผลงานเรื่องนี้เป็นที่สนใจของประชาชนทั่วไปด้วย เพราะสาระที่ได้จากการชมภาพยนตร์เรื่อง “เอคโค่ จิ๋วก้องโลก” (Echo Planet) ของ บริษัท กันตนา แอนิเมชั่น สตูดิโอ จำกัด นั้น มันแฝงมากกว่าความสนุกที่ได้นั่งชมด้วย ซึ่งผมเองมีโอกาสเข้าไปนั่งชมมาแล้ว ก่อนที่จะเข้าฉายจริงในโรงภาพยนตร์ประมาณวันที่ 2 ส.ค.นี้
หากมองผ่าน ๆ หรือเป็นใบปิดหนังหลายคนคงคิดว่ามันก็แค่ภาพยนตร์แอนิเมชั่นสามมิติเรื่องหนึ่ง แต่เชื่อไหมครับว่าหลังจากที่ชมผลงานเรื่องนี้ออกมาแล้ว เนื้อหาดีกว่าผลงานทั่วไปในระดับฮอลลีวูดด้วยซ้ำ ที่ผ่านมายังไม่มีผู้ผลิตหนังรายใดสร้างผลงานที่อิงกับเรื่อง ’โลกร้อน“ ออกมาเลย มีแต่ภาพยนตร์กึ่งสารคดีและภาพยนตร์ปกติออกมาเท่านั้น ซึ่งบ้างก็คิดว่าจะนำเสนอออกมาในรูปแบบที่ซ้ำซากจำเจ ต่างจากเรื่องนี้ ’เอคโค่ จิ๋วก้องโลก“ ที่สื่อผ่านทางตัวละครเพียงไม่กี่ตัวในรูปแบบของแอนิเมชั่น แต่สาระที่ผมสัมผัสได้นั้น มันเข้าใจง่าย ไม่ซ้ำซ้อน แถมมีอรรถรสของความสนุกสนานเทียบเท่าภาพยนตร์ฮอลลีวูดเลย เชื่อว่าบางซีนอาจทำให้ผู้ชมน้ำตาซึมด้วยซ้ำ
สำหรับเรื่องนี้เป็นการเล่าเรื่องผลพวงจากน้ำมือมนุษย์บนโลก ที่ก่อให้เกิดปัญหาโลกร้อน จนเป็นเหตุให้เกิดภัยพิบัติต่าง ๆ นานา ซึ่ง “เอคโค่ฯ” ได้บอกเล่าเรื่องราวผ่านการผจญภัยบนมิตรภาพของเด็กจากสองประเทศ ระหว่างพี่น้องชาวกะเหรี่ยง “หน่อวา” และเด็กน้อยที่ชื่อ “จ่อเป” ซึ่งเขาสามารถสื่อสารกับธรรมชาติได้ ผนวกกับ “แซม” บุตรชายของประธานาธิบดี อีกซีกโลก ทั้งหมดได้ร่วมมือกันปกป้องโลกให้ผ่านมหันตภัยครั้งใหญ่
เชื่อไหมครับ...เรื่องนี้เล่าเรื่องอย่างรวบรัด เข้าใจ ได้สาระ ผสมกับความสนุกตื่นเต้น ที่ไม่ใช่ดูได้แค่เด็กน้อยเท่านั้น แต่ความสนุกที่เกิดขึ้นนั้น ทำให้ผู้ใหญ่อย่างผมรู้สึกอินตามเรื่องราวที่เกิดขึ้นไปด้วย ซึ่งผมคิดว่าหากเรื่องนี้ได้เข้าฉายจริงแล้ว ก็ไม่อยากให้พลาดชม แถมยังได้ความภูมิใจว่าแอนิเมชั่นเรื่องนี้เป็นฝีมือของคนไทยอีกด้วย
เท่าที่ทราบมามีหลายประเทศกำลังติดต่อผลงานเรื่องนี้ไปฉายในหลายประเทศทั่วโลกแล้วด้วย!
แล้วทำไม “คนไทย” อย่างเรา ๆ จะไม่เห็นคุณค่าผลงานของความเป็นไทยกันเองล่ะครับ...
ลองเปิดใจให้ผลงานเรื่องนี้ ได้เข้าไปทำความรู้สึกกับโสตประสาทและความสนุกภายในตัวท่านดู แล้วจะไม่นึกเสียดายทีหลังนะครับ โดยเฉพาะผู้ใหญ่ในหน่วยงาน องค์กรรัฐ ควรเปิดมุมมองใหม่ ๆ ให้เยาวชนไทยคงดีไม่น้อยนะครับ.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น