ชาวบ้านลือแซดผวาอาถรรพณ์ หลังเกิดเหตุไม่คาดฝัน ฟ้าผ่าลงมาที่กุฏิเจ้าอาวาส วัดพนมพริก จ.ตราด ไฟลุกพรึบเผากุฏิไหม้เกือบวอดทั้งหลัง หลังเพลิงสงบ “หลวงพ่อไม้” พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประจำวัด อายุกว่า 100 ปี ถูกไฟเผาเสียหายทั้งองค์ รวมทั้งพระพุทธรูปโลหะอื่นๆ อีกหลายองค์ร้อนจนหลอมละลายไปด้วย ค่าเสียหายยังประเมินไม่ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 21 ก.ค.นี้ พ.ต.ท.วิเชียร ปั้นสุข พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธร อ.เขาสมิง จ.ตราด รับแจ้งเหตุจากนายอเนก นิลชาติ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 บ้านพนมพริก ต.แสนตุ้ง อ.เขาสมิง จ.ตราด ว่าเกิดเหตุไฟไหม้กุฏิพระครูสุวรรณ วรประสาสน์ เจ้าอาวาสวัดพนมพริก และเจ้าคณะตำบลเทพนิมิต หลังรับแจ้งจึงได้ประสานไปยังเจ้าหน้าดับเพลิงของเทศบาลตำบลแสนตุ้งให้เดินทางไประงับเหตุไฟไหม้ทันที
ที่เกิดเหตุเป็นกุฏิไม้ 2 ชั้น พบไฟกำลังลุกไหม้อย่างรุนแรงที่ชั้น 2 ของกุฏิ ขณะที่ชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงที่เห็นเหตุการณ์ต่างก็รีบวิ่งมาช่วยกันดับไฟ โดยบางส่วนช่วยกันทุบประตูชั้นล่างเข้าไปด้านในกุฏิ เพื่อขนทรัพย์สินที่อยู่ข้างล่างออกมาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะขนได้ เนื่องจากระหว่างเกิดเหตุพระทั้งหมดได้ออกไปทำกิจนิมนต์ที่วัดทางควาย และได้ล็อกประตูกุฏิไว้ เมื่อทุบประตูสำเร็จชาวบ้านได้ช่วยขนทรัพย์สินทุกชนิดออกมา โดยเฉพาะพระพุทธรูปเก่าแก่ที่เก็บรักษาไว้ในกุฏิ ระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่ดับเพลิงได้ระดมฉีกน้ำสกัดไฟไม่ให้ลุกลามมากไปกว่านี้ ซึ่งระหว่างที่เกิดเหตุนั้นฝนก็ยังตกลงมาอยู่ตลอดเวลา ทำให้การควบคุมเพลิงใช้เวลาไม่นาน โดยประมาณ 1 ชั่วโมงเพลิงจึงสงบ เมื่อเพลิงสงบก็พบว่า ชั้นบนของกุฏิถูกไฟไหม้วอดเสียหายหมด เหลือแต่ชั้นล่างที่มีแต่น้ำเจิ่งนอง
ต่อมาเมื่อเวลา 11.00 น. พ.ต.อ.ณัฐวัช ทองใบ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตราด เดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุตัวเอง โดยได้สอบถามสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้จากพระครูสุวรรณ วรประสาสน์ ทราบว่า สาเหตุที่เกิดไฟไหม้กุฏิมาจากฟ้าผ่า เนื่องจากตอนเกิดเหตุได้มีฟ้าร้องตลอดเวลา จากนั้นชาวบ้านเห็นฟ้าผ่าลงมาที่กุฏิทำให้เกิดไฟลุกไหม้ขึ้นดังกล่าว
พ.ต.อ.ณัฐวัช เปิดเผยว่า สาเหตุของการเกิดไฟไหม้ในครั้งนี้ตนเองได้ตั้งประเด็นไว้ 2 ประเด็น คือเกิดฟ้าผ่าลงมาที่กุฏิทำให้เกิดไฟไหม้ หรือเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร แต่ยังไม่สามารถสรุปสาเหตุที่แท้จริงได้ว่ามาจากสาเหตุใด ซึ่งจะแจ้งให้ทางกองพิสูจน์หลักฐานเข้ามาเก็บข้อมูลและหลักฐานเพิ่มเติมต่อไป ส่วนเรื่องการวางเพลิงคิดว่าไม่น่าจะเป็นไปได้เนื่องจากมีพยานเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด
ด้านพระครูสุวรรณ กล่าวว่า หลังรับแจ้งเหตุรีบเดินทางกลับมาที่กุฏิทันที และได้เข้าไปช่วยกันขนพระพุทธรูปและทรัพย์สินทั้งหมดออกมาจากกุฏิ ขณะที่ตนเองได้รับบาดเจ็บจากการถูกน้ำตาเทียนที่ละลายจากไฟไหม้ลวกใส่แขนทั้ง 2 ข้าง โดยชาวบ้านได้ช่วยแบกพระพุทธรูปออกมาได้เพียง 4 องค์ เท่านั้น เป็นพระโมคคัลลานะ และพระสารีบุตร 2 องค์ และพระพุทธรูปอีก 1 องค์ ทั้ง 3 องค์สร้างเมื่อปี 2497 ถูกไฟไหม้จนเกือบละลาย ส่วนพระพุทธรูปอีก 1 องค์ เป็นพระประธานสมัยอยุธยา มีอายุกว่า 300 ปี ซึ่งชาวบ้านเรียกว่า หลวงพ่อไม้ ถูกไฟเผาไหม้จนดำเสียหาย เพียงแต่ยังเหลือเป็นรูปร่างขององค์พระอยู่ นอกจากนี้ยังมีพระพุทธรูปอีกหลายองค์ที่เก็บไว้ภายในกุฏิที่เกิดเหตุอีกจำนวนมากที่ถูกไฟไหม้และละลายไป ซึ่งประเมินค่าไม่ได้เลย
ขณะที่ชาวบ้านที่ทราบเรื่องต่างจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์เป็นเสียงเดียวกันว่าเกิดอาถรรพณ์อะไรขึ้นกันแน่ ที่ทำให้ฟ้าผ่าวัดจนหลวงพ่อไม้พระศักดิ์สิทธิ์ประจำวัดที่ชาวบ้านนับถือถูกไฟไหม้เกรียม และต่างเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และเสียดายที่พระพุทธรูปที่มีอายุเก่าแก่ถูกไฟไหม้จนเสียหายไปหลายองค์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น