นิสสัน เผยผลประกอบการปีงบฯ 54 ยอดขาย 7.65 หมื่นคัน ตั้งเป้าปีงบฯ 55 ขาย 1 แสนคัน คาดเพิ่มส่วนแบ่งตลาดเป็น 10%
นายทาคายูกิ คิมูระ ประธานบริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) เปิดเผยถึงผลประกอบการปีงบประมาณ 2554 ว่า ที่ผ่านมานิสสันมียอดขายทั่วโลกสูงเป็นประวัติการณ์ที่จำนวน 4.845 ล้านคันเติบโตขึ้น 15.8% เมื่อเทียบกับปีก่อนซึ่งสูงกว่าอัตราการเติบโตของทั้งตลาดทั่วโลก
สำหรับประเทศไทย นิสสันมียอดขายทั้งปีอยู่ที่ 76,524 คัน เพิ่มขึ้น 18% เมื่อเทียบกับปีก่อนและมีส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 9.2% เป็นไปเป้าหมายตามแผนธุรกิจที่ได้มีการประกาศไว้ นอกจากนี้ บริษัทได้ปิดปีงบประมาณ 2554 ด้วยยอดขายเดือนมีนาคมที่ 12,698 คัน นับเป็นยอดขายที่สูงสุด ตั้งแต่นิสสันก่อตั้งธุรกิจในประเทศไทยมากว่า 59 ปี
ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ 2555 นี้ บริษัทคาดว่าจะสามารถจำหน่ายได้มากกว่า 100,000 คันและมีส่วนแบ่งทางการตลาดที่ 10% และตั้งเป้าที่จะเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดเป็น 15% ได้ภายในปี 2559
"ล่าสุดยอดจำหน่าย 5 เดือนแรกของปี 2555 (ม.ค.-พ.ค.) บริษัทมียอดจำหน่ายอยู่ที่ 4.3 หมื่นคัน และ ยอดค้างส่งมอบ (แบ็คออเดอร์) ของบริษัทเฉลี่ยอยู่ที่ 3-4 เดือน" นายคิมูระ กล่าว
นายคิมูระ กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทฯ มีเป้าหมายในการเปิดโชว์รูมและศูนย์บริการเพิ่มขึ้นอีก 20 แห่งทั่วประเทศ และนิสสันเตรียมแนะนำผลิตภัณฑ์สู่ตลาดรถยนต์ในประเทศไทย ด้วยการเปิดตัวรถยนต์นั่งคอมแพ็คระดับกลาง แบบ 4 ประตู รุ่นใหม่ล่าสุดในไตรมาสที่ 2 ของปีงบประมาณนี้ และอีก 2 รุ่นใหม่ในปลายปีนี้ ซึ่งรวมถึงรถยนต์นั่งคอมแพ็คระดับกลางรุ่นใหม่ อีกหนึ่งตัวถังอีกด้วย
นายประพัฒน์ เชยชม รองผู้จัดการใหญ่อาวุโสตลาดและขาย บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) กล่าวถึงกระแสข่าวการต่ออายุโครงการรถยนต์คันแรก ออกไปอีก 3 เดือนว่า บริษัทเห็นด้วยหากมีการต่ออายุโครงการดังกล่าวออกไปและเชื่อว่าบริษัทต่างๆจะมีความเห็นตรงกัน แม้ว่าจะเป็นการดึงความต้องการซื้อจากปีหน้ามาอยู่ในปีนี้ ซึ่งจากการเก็บข้อมูลพบว่า ตัวเลขยอดจำหน่ายของบริษัทในปีนี้จากโครงการรถคันแรกเพิ่มขึ้นเป็น 40 -50% จากยอดจำหน่ายปกติที่ประมาณ 25% ซึ่งหากโครงการดังกล่าวสิ้นสุดลง ยอดจำหน่าายจะลดลงอย่างแน่นอน
"อย่างไรก็ตามจะต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของรัฐบาลในการต่ออายุโครงการหรือไม่ โดยอยากให้รัฐบาลพิจารณาอย่างรอบครอบและเป็นธรรม และศึกษาข้อกำหนดและกติกาอย่างชัดเจนว่าสามารถทำได้หรือไม่ ซึ่งหากปรับข้อกำหนดในการยึดวันที่ในใบจองเป็นหลัก รัฐบาลอาจได้ยอดจองเป็นแสนๆคัน" นายประพัฒน์ กล่าว
นอกจากนี้ สำหรับสถานการณ์การผลิตล่าสุดของบริษัทหลังจากการให้บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) ผลิตรถยนต์เพิ่มขึ้น 4 หมื่นคัน ส่งผลให้กำลังการผลิตรวมของบริษัทเป็น 2.8 แสนคัน ซึ่งบริษัทมองว่า หากกำลังความต้องการในตลาดในประเทศและการส่งออกยังดีอยู่บริษัทอาจมีการเพิ่มกำลังการผลิตขึ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น