วันพฤหัสบดีที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2555

.ไขความลับ ศุกร์ปาดหน้าอาทิตย์

เมื่ออัยการทำตัวเหนือศาล แต่อยู่ใต้ระบอบทักษิณแล้ว ก็ไม่มีอะไรต้องพูดกันอีก นอกจากรอ "เก็บศพ" ประชาชนในสงครามมหาสยามยุทธ์ ฉะนั้น วันนี้ "ดาวพุธเสีย" ไม่พูดดีกว่า ให้อาจารย์ "วิโรจน์ กรดนิยมชัย" พูดในเรื่อง "ดาวศุกร์โคจรผ่านหน้าดวงอาทิตย์ เหนือประเทศไทย ๒๕๕๕" อ่านเลยครับ
ในปี ๒๕๕๕ นี้ นอกจากมีปรากฏการณ์การเกิดคราสเป็นปกติแล้ว มีปรากฏการณ์พิเศษซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยครั้งนัก คือปรากฏการณ์ดาวศุกร์โคจรผ่านหน้าดวงอาทิตย์ จึงเกิดคำถามว่า ในอดีตมีเหตุการณ์สำคัญใดบ้างที่เคยเกิดขึ้นในช่วงดาวศุกร์โคจรผ่านหน้าดวงอาทิตย์ เพื่อนำมาศึกษาเปรียบเทียบตามหลักปรัชญา อดีต ปัจจุบัน และอนาคต ล้วนเป็นสิ่งเดียวกัน
ปรากฏการณ์ศุกร์โคจรผ่านหน้าอาทิตย์ (Transit of Venus) นั้น เป็นปรากฏการณ์ที่ศุกร์โคจรมาอยู่ในตำแหน่งระหว่างโลกและดวงอาทิตย์ โดยจะเกิดขึ้นเพียง ๔ ครั้งในรอบ ๒๔๓ ปี โดยมีรอบปรากฏการณ์เป็นคู่ แต่ละคู่จะห่างกัน ๑๒๑.๕ (+/-๘) ปี (และแต่ละครั้งใน ๑ คู่นั้นจะเกิดห่างกัน ๘ ปี) หากครั้งแรกของคู่แรกเกิดห่างจากครั้งแรกของคู่หลัง ๑๒๙.๕ ปี ครั้งแรกของคู่หลังจะห่างจากครั้งแรกของรอบถัดไป ๑๑๓.๕ ปี
ตัวอย่างเช่น เหตุการณ์ศุกร์ผ่านหน้าอาทิตย์ในศตวรรษนี้ ครั้งแรกของคู่ ๖ มิ.ย.๕๕ นี้ คือ ๘ มิย.๔๗ ซึ่งเกิดห่างจากครั้งแรกของคู่ก่อนหน้า เมื่อ ๙ ธ.ค.๑๗ เป็นเวลา ๑๒๙.๕ ปี และห่างจากครั้งแรกของคู่ถัดไปซึ่งจะเกิดขึ้นในวันที่ ๑๑ ธ.ค.๒๖๖๐ เป็นเวลา ๑๑๓.๕ ปี ส่วนอีกครั้งถัดไปหลังจากนั้น จะเกิดขึ้นในวันที่ ๘ ธ.ค.๒๖๖๘ (ข้อความบางตอนมาจาก : http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9550000069145)
เหตุการณ์ในอดีตเมื่อดาวศุกร์โคจรผ่านหน้าดวงอาทิตย์
ในรอบ ๔๐๐ ปี มีการบันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ณ ขณะเดียวกับปรากฏการณ์ศุกร์โคจรผ่านหน้าอาทิตย์ ดังนี้
๗ ธันวาคม ๒๑๗๔ (๑๖๓๑)
มองเห็นได้ในไทย - ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาในยุโรป ไม่กี่ปีหลังจากเคปเลอร์เผยแพร่กฎการเคลื่อนที่ของดาวเคราะห์ ตรงกับสมัยกรุงศรีอยุธยา รัชสมัยพระเจ้าปราสาททอง (๒๑๗๓-๒๑๙๙) เพิ่งปราบดาภิเษกเมื่อปี ๒๑๗๓ ภายหลังจากการแย่งชิงสมบัติกันระหว่างเจ้าพระยากลาโหมสุริยวงศ์ กับพระอาทิตยวงศ์
๔ ธันวาคม ๒๑๘๒ (๑๖๓๙)
มองไม่เห็นในไทย - หนึ่งปีหลังจากกาลิเลโอตีพิมพ์หนังสือ Dialogues Concerning Two New Sciences อธิบายเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ของการเคลื่อนที่ ตรงกับรัชสมัยพระเจ้าปราสาททอง (ไม่สามารถหาข้อมูลเหตุการณ์มารองรับได้)
๖ มิถุนายน ๒๓๐๔ (๑๗๖๑)
มองเห็นได้ในไทย - ๓ ปีหลังจากดาวหางฮัลเลย์ปรากฏในปี ๑๗๕๘ ตรงกับปลายสมัยกรุงศรีอยุธยา ช่วงสมัยรัชกาลสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ เกิดการแย่งชิงราชสมบัติระหว่างพระเจ้าเอกทัศกับพระเจ้าอุทุมพร เนื่องจากพระองค์ทรงเลือกพระอนุชาขึ้นเป็นกษัตริย์ไม่เป็นไปตามราชประเพณี แต่พระเจ้าเอกทัศก็ทวงบัลลังก์ ได้ขึ้นเป็นกษัตริย์องค์สุดท้ายแห่งกรุงศรีอยุธยา
ครั้นในปี พ.ศ.๒๓๐๓ พระเจ้าอลองพญาทรงนำทัพมารุกรานอาณาจักรอยุธยา พระเจ้าอุทุมพรทรงถูกเรียกตัวไปบัญชาการตั้งรับพระนคร แต่ภายหลังจากที่กองทัพพม่ายกกลับนั้น พระองค์ก็ได้ลาผนวชดังเดิม
๓ มิถุนายน ๒๓๑๒ (๑๗๖๙)
หลังการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ ๒ เมื่อปี ๒๓๑๐ "สมเด็จพระเจ้าตากสิน" ทรงกอบกู้สร้างกรุงธนบุรีขึ้นมาท่ามกลางการตั้งตนเป็นใหญ่ของหัวเมืองต่างๆ ที่ต้องการจะรวบรวมหัวเมืองต่างๆ เพื่อแข็งเมือง ในราวปี พ.ศ.๒๓๑๑ สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงเริ่มจากยกทัพไปตีชุมนุมพิษณุโลกเป็นก๊กแรก แต่กระสุนปืนต้องถูกพระองค์ จึงต้องยกทัพกลับและรักษาพระองค์ยังพระนคร
ชุมนุมพิษณุโลกนี้ภายหลังอ่อนแอลงจนกระทั่งถูกชุมนุมเจ้าพระฝางผนวกไป หลังหายจากพระอาการประชวรแล้ว สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีได้ทรงใช้เวลาในการปราบปรามชุมนุมอื่นๆ เพื่อรวบรวมแผ่นดินให้เป็นปึกแผ่นต่อไป โดยเริ่มจากชุมนุมเจ้าพิมาย กรมหมื่นเทพพิพิธทรงถูกปราบปรามและถูกสำเร็จโทษในปี พ.ศ.๒๓๑๒
ตามด้วยชุมนุมเจ้านครศรีธรรมราช ซึ่งพระปลัดผู้รั้งเมืองนครศรีธรรมราชได้ตั้งตัวเองขึ้นเป็นเจ้า เจ้านครศรีธรรมราชสู้ไม่ได้ หนีต่อลงไปยังหัวเมืองทางใต้ พระยาปัตตานีกลัว ก็จับตัวมาส่งให้ "สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี" ในปี พ.ศ.๒๓๑๓ สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงยกทัพไปตีชุมนุมเจ้าพระฝาง รักษาเมืองสวางคโลกได้เพียง ๓ วัน ก็แตกหนี เมื่อทรงปราบปรามชุมนุมต่างๆ ลงอย่างราบคาบแล้ว รัฐบาลจีนก็เริ่มให้การยอมรับสถานะพระมหากษัตริย์ของพระองค์อย่างเป็นทางการ
๙ ธันวาคม ๒๔๑๗ (๑๘๗๔)
๒๗ ธันวาคม เกิดไฟไหม้ในวังหลวง มีการเรียกประชุมนายทหารในกรณีหวาดระแวงกับวังหน้า
๑ มกราคม ๒๔๑๘ กรมพระราชวังบวร หวาดระแวงจนต้องเสด็จไปอยู่สถานกงสุลอังกฤษ
๖ ธันวาคม ๒๔๒๕ (๑๘๘๒)
มองไม่เห็นในไทย ครบ ๑๐๐ ปี กรุงรัตนโกสินทร์ในสมัย "พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว" รัชกาลที่ ๕
๑๒ ส.ค. พวกอั้งยี่ปิดตลาดพลูต่อสู้กัน ต้องส่งทหารไปปราบ
๑๕ ส.ค. ออกพระราชบัญญัติอั้งยี่
๘ มิถุนายน ๒๕๔๗ (๒๐๐๔)
๔ มกราคม คนร้ายเผาโรงเรียนในพื้นที่ จ.นราธิวาส ๒๐ แห่ง รวม ๑๑ อำเภอ บุกเข้าไปยึดค่าย ร.๕ พันพัฒนาที่ ๔ ค่ายปิเหล็ง อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส ยิงทิ้งทหาร ๔ นาย
๒๘ เมษายน เหตุการณ์ที่มัสยิดกรือเซะ มีผู้ชุมนุมเสียชีวิตในเหตุการณ์นี้ ๑๐๘ คน เจ้าหน้าที่เสียชีวิต ๕ นาย
๑๖ มิถุนายน จอมพลถนอม กิตติขจร นายกฯ คนที่ ๑๐ ผู้มีบทบาทสำคัญกรณี ๑๔ ต.ค.๑๖ และ ๖ ต.ค.๑๙ ถึงแก่อสัญกรรมด้วยภาวะหัวใจล้มเหลวและเส้นโลหิตในสมองแตก
๒๕ ตุลาคม เหตุการณ์ที่ตากใบ เกิดเหตุปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่กับผู้ชุมนุมหลายร้อยคน หน้า สภ.อ.ตากใบ นราธิวาส หลังสลายการชุมนุมแล้วมีผู้เสียชีวิต ๔ คน และเจ้าหน้าที่ได้ส่งผู้ชุมนุมจำนวนมากขึ้นรถบรรทุก หลังจากนั้นพบว่ามีผู้ชุมนุมอีก ๗๘ คนเสียชีวิตบนรถ เนื่องจากขาดอากาศหายใจ
๑๔ พฤศจิกายน ตัวแทนอาจารย์จากหลายมหาวิทยาลัยเข้าพบนายกฯ ยื่นหนังสือต่อรัฐบาลกรณีการแก้ไขปัญหาความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเสนอให้นายกฯ ขอโทษต่อครอบครัวผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ที่ตากใบ ใช้สันติวิธีเสนอให้ร่วมกันก่อตั้ง "คณะกรรมการสมานฉันท์แห่งชาติ" เพื่อระดมความคิดเห็นจากทุกฝ่าย
๒๖ ธันวาคม แผ่นดินไหวในมหาสมุทรอินเดีย ระดับ ๙.๐ ริกเตอร์ ก่อให้เกิดคลื่นยักษ์สึนามิซัดเข้าฝั่งรอบมหาสมุทรอินเดีย อาทิ ศรีลังกา, อินเดีย, อินโดนีเซีย, ไทย รวมถึงชายฝั่งบางส่วนของทวีปแอฟริกา มียอดผู้เสียชีวิตกว่า ๒๒๙.๘๖๖ คน โดยในประเทศไทยมีผู้เสียชีวิตถึง ๕,๓๙๕ คน
มุมมองจากเหตุการณ์ในอดีต
จากเหตุการณ์ในอดีตจะพบว่า เมื่อมีปรากฏการณ์ดาวศุกร์โคจรผ่านหน้าดวงอาทิตย์ จะมีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นในประเทศไทยแบ่งได้เป็น ๒ มุมมอง คือ
๑.มุมมองของช่วงเวลา คือ ช่วงก่อนเปลี่ยนแปลงการปกครองก่อนปี ๒๔๗๕ และเหตุการณ์หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง กล่าวคือ
๑.๑ ในช่วงก่อนเปลี่ยนแปลงการปกครอง พระมหากษัตริย์จะต้องทรงเหน็ดเหนื่อยกับการปราบปรามพวก "กบฏ" แข็งเมืองตั้งแต่ก่อนการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ ๒ และเหตุการณ์ที่มีผลกระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์
๑.๒ ในช่วงหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง สถานการณ์ที่เกิดขึ้นคือ รัฐบาลมีปัญหากับผู้ชุมนุมเพื่อเรียกร้องสิ่งที่ต้องการ และการใช้ความรุนแรงของรัฐบาลในการใช้อาวุธเข้าปราบปรามประชาชน
๒.มุมมองทางโหราศาสตร์ พิจารณาจากวันที่มีปรากฏการณ์ คือ
๒.๑ ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในเดือนมิถุนายน คือ ราศีมิถุน ธาตุลม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะเป็นเรื่องของการก่อกบฏ การแข็งข้อของบรรดาหัวเมืองต่างๆ และการก่อความไม่สงบ
๒.๒ ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในเดือนธันวาคม คือ ราศีธนู ธาตุไฟ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะเกี่ยวข้องกับปัญหาในราชสำนัก
ตัวละครที่มีบทบาทสำคัญต่อเหตุการณ์ในปี ๒๕๕๕
ราศีมิถุน (ธาตุลม) ซึ่งมีความหมายถึง การทำกิจกรรมเกี่ยวกับพี่น้อง เพื่อน การเจรจา การต่อรองผลประโยชน์ การสื่อสาร การคมนาคมและการขนส่ง การกระทำต่างตอบแทน การเป็นนอมินี การเป็นตัวแทน/นายหน้า
ราศีมิถุน หมายถึง บุคคลที่เกิดระหว่างวันที่ ๒๑ พฤษภาคม - ๒๐ มิถุนายน ของทุกปี
ราศีตุล (ธาตุลม) มีความหมายถึง การให้ การทำให้เกิดความปรองดอง การสมานฉันท์ ความสงบ สันติสุข พวกสุขนิยม การประณีประนอม การสมยอมกัน
ราศีตุล หมายถึง บุคคลที่เกิดระหว่างวันที่ ๒๓ กันยายน - ๒๐ ตุลาคม ของทุกปี
จะพบว่า บุคคลที่มีบทบาทสำคัญในรัฐบาลปี ๒๕๕๔-๒๕๕๕ นี้ เกิดในราศีมิถุนและราศีตุล ซึ่งเป็นราศีธาตุลม ได้แก่
๑.น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เกิด ๒๐ มิถุนายน ๒๕๑๐ ธาตุลม อุภยราศี (ปลายราศี)
๒.ร.ต.ท.เฉลิม อยู่บำรุง เกิด ๑๐ มิถุนายน ๒๔๙๐ ธาตุลม อุภยราศี (ปลายราศี)
๓.นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เกิด ๔ มิถุนายน ๒๕๑๘ ธาตุลม อุภยราศี (ปลายราศี)
๔.พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน เกิดวันที่ ๒ ตุลาคม ๒๔๘๙ ธาตุลม จรราศี (ต้นราศี)
๕.นายจตุพร พรหมพันธุ์ เกิดวันที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๐๘ ธาตุลม จรราศี (ต้นราศี)
รายละเอียดแห่งพฤติกรรมของบุคคลเหล่านี้ คงเป็นที่ทราบกันดีว่า แต่ละคนล้วนแสดงบทบาทของตนเองตามราศีเกิด ทั้งด้านบวกและด้านลบทั้งสิ้น ซึ่งสถานการณ์ ณ ขณะนี้ ๖ มิถุนายน ๒๕๕๕ บุคคลเหล่านี้กำลังมีบทบาทสำคัญทั้งต่อดวงชะตาของตนเองและประเทศไทย ที่จะต้องกล่าวขานกันไปอีกนานเท่านาน
ปรากฏการณ์ ดาวศุกร์โคจรผ่านหน้าดวงอาทิตย์ในวันที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๕๕ ซึ่งเปรียบเสมือนการนำความสุข ความสงบ ความอุดมสมบูรณ์ของบุคคลเหล่านี้ให้ผ่านพ้นไปต่อหน้าต่อตาของดวงอาทิตย์ ซึ่งในทางโหราศาสตร์ ดวงอาทิตย์จะเป็นตัวแทนของราศีสิงห์ ธาตุไฟ สถิรราศี ซึ่งหมายถึงบุคคลสำคัญของประเทศ อันได้แก่ พระมหากษัตริย์ ประมุขแห่งรัฐ ผู้นำในระดับต่างๆ
สรุปเหตุการณ์ในปี ๒๕๕๕ ดาวศุกร์โคจรผ่านหน้าดวงอาทิตย์
ดาวศุกร์ผ่านหน้าดวงอาทิตย์ในวันที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๕๕ จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ณ ปัจจุบันนี้ ประเทศไทยจึงเข้าสู่วงรอบการเกิดซ้ำอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งจะสอดคล้องในลักษณะของกรณีการเกิดการก่อกบฏและการก่อความไม่สงบในราชอาณาจักร ซึ่งสามารถสรุปเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น และกำลังอาจจะเกิดขึ้นได้ ดังนี้
๑.มีความพยายามจากบางฝ่ายที่ต้องการเปลี่ยนแปลงพระราชอำนาจของสถาบันพระมหากษัตริย์
๒.มีการจัดตั้งชุมชนเพื่อแสดงอำนาจและอิทธิพลเหนืออำนาจตามกฎหมาย
๓.มีการกระทำที่ไม่ยอมรับอำนาจตามรัฐธรรมนูญฉบับที่ใช้งานในปัจจุบัน
๔.มีความพยายามที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงระบบการเมืองให้แตกต่างไปจากปัจจุบัน
และผลสรุปของเหตุการณ์ในอดีตนั้น บรรดาผู้ก่อการต่างๆ ล้วนไม่ประสบความสำเร็จทั้งสิ้น พระมหากษัตริย์ในอดีตทรงสามารถนำพาประเทศเข้าสู่ภาวะปกติได้ในเวลาไม่นานนัก ซึ่งเท่ากับว่า ผลสรุปในปี ๒๕๕๕ ก็จะมีผลลัพธ์ของเหตุการณ์ไม่น่าจะแตกต่างจากในอดีต ตามหลักปรัชญา อดีต ปัจจุบัน และอนาคต ล้วนเป็นสิ่งเดียวกัน
--------------------------------------
แหล่งข้อมูล : สมาคมดาราศาสตร์ไทย - http://thaiastro.nectec.or.th Wikipedia

www.thaipost.net

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม