วันอังคารที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ทริสเรทติ้งจัดอันดับหุ้นกู้มีการค้ำประกัน Medium-term วงเงินไม่เกิน 2,000

ทริสเรทติ้งจัดอันดับหุ้นกู้มีการค้ำประกัน Medium-term วงเงินไม่เกิน 2,000 ล้านบาท“บ. โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย)” ที่ระดับ “AAA” และคงอันดับหุ้นกู้มีการค้ำประกันชุดเดิม:Medium-term ที่ระดับ “AAA” และ Short-term ที่ระดับ “T1+” แนวโน้ม “Stable”

 

 

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้มีการค้ำประกันภายใต้โครงการ Medium-term Debenture มูลค่ารวมไม่เกิน 2,000 ล้านบาทของ บริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด (TLT หรือ ผู้ออกหุ้นกู้) ที่ระดับ “AAA” พร้อมคงอันดับเครดิตหุ้นกู้มีการค้ำประกันภายใต้โครงการ Medium-term Debenture ในวงเงินรวม 40,000 ล้านบาทของบริษัทที่ระดับ “AAA” และภายใต้โครงการ Short-term Debenture มูลค่า 20,000 ล้านบาท (1/2555) ที่ระดับ “T1+” โดยแนวโน้มอันดับเครดิตยังคง “Stable” หรือ “คงที่”

หุ้นกู้ทั้งหมดของบริษัทได้รับการค้ำประกันโดย Toyota Motor Finance (Netherlands) B.V. (TMF หรือ ผู้ค้ำประกัน) โดย TMF เป็นบริษัทลูกของ Toyota Financial Service Corporation (TFS) ที่ถือหุ้น 100% โดย Toyota Motor Corporation (TMC) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกลุ่มโตโยต้า บริษัททั้ง 3 แห่งคือ TMF, TFS, และ TMC ได้รับการจัดอันดับเครดิตระดับ “AA-” จาก Standard & Poor’s (S&P) และระดับ “Aa3” จาก Moody’s Investors Service (Moody’s) รวมทั้งได้รับการจัดอันดับเครดิตตราสารหนี้ระยะสั้นที่ระดับ “A-1+” จาก S&P และ “P-1” จาก Moody’s ด้วย อันดับเครดิตหุ้นกู้ระยะสั้นและระยะปานกลางของ TLT สะท้อนถึงการค้ำประกันแบบไม่มีเงื่อนไขและไม่สามารถเพิกถอนได้โดย TMF ซึ่งอันดับเครดิตของ TMF อยู่บนพื้นฐานของสถานะอันดับเครดิตของ TMC ภายใต้โครงสร้างการค้ำประกันดังกล่าว TMC ได้ทำสัญญาให้การสนับสนุนสินเชื่อ (Credit Support Agreement - CSA) กับ TFS ในขณะเดียวกัน TFS ก็ได้ทำสัญญา CSA กับ TMF ด้วยเช่นกัน ภายใต้เงื่อนไขของสัญญา CSA ดังกล่าว TMC จะทำหน้าที่รักษาสภาพคล่องทางการเงินให้อยู่ในระดับที่เพียงพอสำหรับรองรับภาระหนี้หุ้นกู้ หรือพันธบัตร และตราสารทางการเงิน (Commercial Paper) อื่น ๆ ของบริษัทลูกซึ่งได้แก่ TFS และ TMF นอกจากนี้ TMC จะเป็นผู้จัดหาสภาพคล่องทางการเงินที่เพียงพอสำหรับเงื่อนไขการค้ำประกันของ TMF ด้วย ทั้งนี้ การค้ำประกันของ TMF บังคับใช้ภายใต้กฎหมายของประเทศเนเธอร์แลนด์โดยเป็นการค้ำประกันแบบไม่มีเงื่อนไขและไม่สามารถเพิกถอนได้ ซึ่งผู้ค้ำประกันจะเป็นผู้รับผิดชอบในการชำระเงินตามกำหนดเวลาของหุ้นกู้แต่ละชุดที่ออกให้แก่ผู้ถือหุ้นกู้ของ TLT ทั้งนี้ ภาระการค้ำประกันของ TMF มีสถานะทางกฎหมายอยู่ในระดับเดียวกับตราสารหนี้ไม่มีประกันและไม่ด้อยสิทธิอื่น ๆ ของผู้ค้ำประกันที่ออกทั้งในปัจจุบันและในอนาคต อีกทั้งยังไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขหรือเพิกถอนโดยปราศจากการยินยอมทั้งจากตัวแทนผู้ถือหุ้นกู้และผู้ค้ำประกันได้ อย่างไรก็ตาม ผู้ค้ำประกันไม่มีภาระในการชำระหนี้ใดใดแทนในกรณีที่ผู้ออกหุ้นกู้ไม่สามารถชำระหนี้ด้วยเหตุอันเกิดจากการเข้าแทรกแซงหรือการกระทำต่าง ๆ โดยองค์กรใดใด ของรัฐบาลไทย ดังนี้ (1) ชะงักการชำระเงินเนื่องจากผู้ออกหุ้นกู้ไม่สามารถโอนเงินไปให้นายทะเบียน หรือผู้ถือหุ้นกู้ หรือไม่สามารถแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเป็นสกุลเงินที่ต้องชำระตามหุ้นกู้ (2) ทำให้ต้องมีการโอนการถือหุ้นข้างมากหรือการควบคุม

ผู้ออกหุ้นกู้ไปยังองค์กรอื่นซึ่งมิใช่สมาชิกของกลุ่มโตโยต้า (3) การเวนคืนหรือการโอนซึ่งทรัพย์สินของผู้ออกหุ้นกู้ให้เป็นของรัฐซึ่งมีมูลค่ารวมอย่างน้อย 10% ของมูลค่าสุทธิของสินเชื่อเช่าซื้อสุทธิของผู้ออกหุ้นกู้และบริษัทลูกของผู้ออกหุ้นกู้ และ (4) การเวนคืนหรือการโอนทรัพย์สินให้เป็นของรัฐอันมีผลทำให้ผู้ออกหุ้นกู้และบริษัทลูกของผู้ออกหุ้นกู้ไม่สามารถประกอบธุรกิจได้ ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งเห็นว่าโอกาสที่จะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวมีน้อยมาก

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนความน่าเชื่อถือของบริษัทแม่ลำดับสุดท้ายของ TLT คือ TMC ซึ่งมีสถานะที่เข้มแข็งในตลาดการค้าสำคัญแม้ว่าจะอ่อนตัวลงจากผลกระทบของปัญหาด้านคุณภาพสินค้ารถยนต์ รวมถึงเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิในประเทศญี่ปุ่น และอุทกภัยใหญ่ในประเทศไทย โดยความเข้มแข็งดังกล่าวเกิดจากการขยายขอบเขตธุรกิจสู่ภูมิภาคต่าง ๆ และการเพิ่มความหลากหลายของสินค้า ปัจจุบัน TMC ได้รับแนวโน้มอันดับเครดิต “Negative” หรือ “ลบ” ทั้งจาก S&P และ Moody’s ซึ่งสะท้อนถึงความกังวลในผลกระทบจากแผ่นดินไหวและอุปสรรคต่าง ๆ ที่อาจกระทบต่อผลประกอบการของ TMC รวมถึงความกังวลต่อการสูญเสียส่วนแบ่งทางการตลาดและสถานะทางการแข่งขัน อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตในปัจจุบันที่ระดับ “AA-” ซึ่งจัดโดย S&P และ “Aa3” โดย Moody’s ยังคงสะท้อนสถานะเครดิตที่แข็งแกร่งของ TMC เมื่อเทียบกับบริษัทต่าง ๆ ในประเทศไทยที่ได้รับอันดับเครดิตในระดับ National Scale ที่ “AAA” จากทริสเรทติ้ง

ทริสเรทติ้งรายงานว่า ในช่วง 3 ไตรมาสแรกของรอบปีบัญชี 2555 (เมษายน 2554-มีนาคม 2555) ยอดการผลิตและยอดขายรถยนต์ของ TMC ได้รับผลกระทบจากเหตุภัยพิบัติ 2 เหตุการณ์ในปี 2554 คือ เหตุแผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิในประเทศญี่ปุ่น และอุทกภัยครั้งใหญ่ในประเทศไทย อย่างไรก็ตาม ยอดการผลิตและยอดขายของบริษัทกลับมาฟื้นตัวในไตรมาสสุดท้ายของรอบปีบัญชี 2555 โดย TMC มียอดการผลิตรวมในรอบปีบัญชี 2555 ที่ 7.435 ล้านคัน ซึ่งเพิ่มขึ้น 3.7% จาก 7.169 ล้านคันที่ผลิตได้ในรอบปีบัญชี 2554 ในขณะที่ยอดขายรวมในรอบปีบัญชี 2555 อยู่ที่ 7.352 ล้านคัน ใกล้เคียงกับยอดขายจำนวน 7.308 ล้านคันในรอบปีบัญชี 2554

ทริสเรทติ้งกล่าวว่า แม้ว่ายอดขายของ TMC ในรอบปีบัญชี 2555 จะใกล้เคียงกับยอดขายในรอบปีบัญชี 2554 แต่ผลประกอบการทางการเงินของบริษัทยังคงได้รับผลกระทบ โดยการผลิตที่ต้องหยุดชะงักลงจากเหตุภัยพิบัติผนวกกับการที่เงินเยนแข็งค่าขึ้น ส่งผลให้กำไรของบริษัทปรับลดลง บริษัทมีกำไรจากการดำเนินงานที่ 356 พันล้านเยน โดยมีอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานที่ 1.9% ในรอบปีบัญชี 2555 ลดลงจาก 468 พันล้านเยน และ 2.5% ในรอบปีบัญชีก่อนหน้า

ผลประกอบการของ TMC ปรับตัวดีขึ้นนับตั้งแต่รอบปีบัญชี 2553 หลังจากได้รับผลกระทบจากปัญหาที่เกี่ยวข้องกับคุณภาพสินค้ารถยนต์ของบริษัทในรอบปีบัญชี 2552 โดย TMC รายงานผลกำไรสุทธิ 209 พันล้านเยนในรอบปีบัญชี 2553 หลังจากที่มีผลขาดทุนสุทธิจำนวน 437 พันล้านเยนในรอบปีบัญชี 2552 ผลประกอบการของบริษัทปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในรอบปีบัญชี 2554 ด้วยกำไรสุทธิ 408 พันล้านเยน แต่ปรับลดลงเป็น 284 พันล้านเยนในรอบปีบัญชี 2555

TMC คาดว่าผลประกอบการจะปรับตัวดีขึ้นในรอบปีบัญชี 2556 เนื่องจากมียอดความต้องการคงค้างที่ยังไม่ได้ส่งมอบและบริษัทจะนำรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ ออกวางจำหน่าย ผลประกอบการทางด้านการเงินก็คาดว่าจะปรับดีขึ้นจากการลดต้นทุน สถานะทางการตลาดและการแข่งขันที่เข้มแข็งของบริษัทได้รับแรงหนุนจากการตลาดและผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายและกระจายตัว ตลอดจนความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี และความเสี่ยงทางการเงินในระดับต่ำ ทริสเรทติ้งกล่าว



www.newswit.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม