เจ้าหน้าที่ตำรวจลุยตรวจแหล่งผลิตพลุ ดอกไม้ไฟ ที่ใหญ่ที่สุดใน จ.สุพรรณบุรี จำนวน 4 จุด พร้อมวางมาตรการป้องกันเหตุระเบิดซ้ำซ้อน สั่งห้ามนำออกพื้นที่ไปประกอบตามบ้าน ต้องทำในโรงงานเพียงอย่างเดียวเท่านั้น หวั่นเกิดอันตราย ...
จากกรณีเมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 9 มิ.ย.ที่ผ่านมา โรงงานพลุ “สุจินต์ดอกไม้ไฟ” ของนายสุจินต์ จ่าพันธ์ อายุ 50 ปี สมาชิก อบต.หมู่ 5 ต.สวนแตง ตั้งอยู่เลขที่ 74 หมู่ 5 บ้านป่าสามดำ ต.สวนแตง ได้เกิดระเบิดขึ้น จนทุกฝ่ายตื่นตัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยหลังเกิดเหตุนายสมศักย์ ภูรีศรีศักดิ์ ผวจ.สุพรรณบุรี ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ร่วมกันออกตรวจสอบในพื้นที่ว่ามีที่ไหนบ้างที่มีโรงงาน หรือแหล่งผลิตพลุ ดอกไม้ไฟ ที่ไม่ได้รับอนุญาต หากมีการตรวจพบว่าโรงงานไหนที่ไม่มีใบอนุญาต ให้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด เนื่องจากที่ผ่านมา จังหวัดสุพรรณบุรี ได้เกิดเหตุพลุระเบิดมาแล้วหลายครั้ง แต่ละครั้งสร้างความเสียหายทั้งชีวิตทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นายบรรหาร ศิลปอาชา ได้กำชับหน่วยราชการหากมีการจัดงานพิธีห้ามมีการจุดพลุโดยเด็ดขาด แต่ในส่วนของภาคเอกชน และประชาชนทั่วไป หากจะมีการจุดพลุในงานพิธีต่างๆ ขอให้ระมัดระวังเรื่องความปลอดภัย และต้องรับผิดชอบถ้าเกิดพลุระเบิดขึ้น ที่ผ่านมามีตัวอย่างความสูญเสียให้เห็นมาแล้ว ดังนั้นจึงขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายปกครองเข้มงวดและในการตรวจสอบและดำเนินการอย่างจริงจังเพื่อป้องกันความสูญเสียดีกว่าปล่อยให้เกิดเหตุแล้วมาตามแก้ไข
ล่าสุด เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 12 มิ.ย. นายสมศักย์ ภูรีศรีศักดิ์ ผวจ.สุพรรณบุรี ได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.ชัชชรินทร์ สว่างวงศ์ รอง ผบก.ภ.จ.สุพรรณบุรี พร้อมด้วย พ.ต.อ.อภิชิต สุรพินิจ ผกก.กก.สส. พ.ต.ท.อิทธิฤทธิ์ ช่วยชูชิต รอง ผกก.ป.สภ.เมือง พ.ต.ท.เสกสิทธิ์ จันทร สว.กก.สส. พ.ต.ต.รัชพล กิตติคุณชนก สว.กก.สส. ร.ต.ท.รังสรร ไทยศรี รอง สว.กก.สส. ร.ต.ท.ชัจจ์ชัย เฉลี่ยสมบูรณ์ รอง สว.กก.สส. และ ร.ต.ท.รุ่งทิวา คงแจ่ม รอง สว.กก.สส. (หน.เก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด) นำกำลังเจ้าหน้าที่สืบสวนกว่า 20 นาย เข้าตรวจสอบแหล่งผลิตพลุ ดอกไม้ไฟ ที่ใหญ่ที่สุดใน จ.สุพรรณบุรี จำนวน 4 จุด
โดยจุดแรกเข้า ตรวจสอบโรงงานพลุของนายสำรวย ทิมขำ อายุ 61 ปี เลขที่ 69/1 หมู่ 1 ต.บ้านโพธิ์ อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี พบสารโพแทสเซียมคลอเรต สารดังกล่าวเป็นสารตั้งต้นของวัตถุระเบิดร้ายแรง และอยู่ภายใต้การควบคุมของกระทรวงกลาโหม เนื่องจากเป็นยุทธภัณฑ์หากการใช้ไม่ถูกต้องอาจเกิดอันตรายได้จากการระเบิด เมื่อถูกการกระแทก หรือลุกติดไฟในที่จำกัด พบจำนวน 53 ถัง (2,650 กก.) สารดินประสิว หรือโพแทสเซียมไนเตรต (Potassium Nitrate) จำนวน 3 กระสอบ และกำมะถัน อีก 2 กระสอบ ในจุดที่ 2 บ้านนางสะอิ้ง คำศรี อายุ 59 ปี ภรรยานายสำรวย อยู่บ้านเลขที่ 150 หมู่ 2 ต.พิหารแดง อ.เมือง พบสารโพแทสเซียมคลอเรต 40 ถัง (2,000 กก.) โพแทสเซียมไนเตรต 20 กระสอบ กำมะถัน อีก 10 กระสอบ ส่วนในจุดที่ 3 ซึ่งเป็นโรงงานของ น.ส.บุปผาทิพย์ ทิมขำ อายุ 39 ปี บุตรสาวนายสำรวย อยู่บ้านเลขที่ 223 หมู่ 2 ต.พิหารแดง พบเพียงอุปกรณ์สำหรับบรรจุดอกไม้เพลิงจำนวนหนึ่ง เนื่องจากเจ้าของไม่ได้เป็นผู้ผลิต แต่รับงานจุดพลุตามงานพิธีสำคัญใหญ่ โดยจะสั่งนำเข้าพลุจากประเทศจีน เมื่อมีงานใหญ่เท่านั้น และจุดสุดท้ายที่บ้านนายธงชัย บัวทอง ที่บ้านเลขที่ 71/1 หมู่ 6 ต.ไร่รถ อ.ดอนเจดีย์ จ.สุพรรณบุรี พบโพแทสเซียมคลอเรต จำนวน 10 กระสอบ และอุปกรณ์บรรจุดอกไม้ไฟอีกจำนวนหนึ่ง
พ.ต.อ.ชัชชรินทร์ สว่างวงศ์ รอง ผบก.ภ.จ.สุพรรณบุรี ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า หลังได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้เร่งตรวจสอบ และดำเนินการป้องกันเหตุร้ายที่เกิดจากดอกไม้เพลิงใน จ.สุพรรณบุรี อย่างเร่งด่วน จึงได้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยกำหนดมาตรการการทำงานที่เกี่ยวกับพลุและดอกไม้เพลิงจะต้องควบคุมสารตั้งต้น คือสารโพแทสเซียมคลอเรต ให้อยู่ในปริมาณที่เราสามารถรู้ว่ากำลังผลิตของแต่ละโรงงานเขาเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่เคยมีการดูแลในเรื่องนี้เลย และอย่างที่ 2 จะต้องทำความเข้าใจ ชี้แจงกับโรงงานให้ทำตามออร์เดอร์ แล้วรีบส่งออกไม่ให้มาเก็บเป็นสต๊อกไว้เหมือนที่ผ่านมา
ส่วนมาตรการสุดท้ายจะต้องควบคุมการผลิตให้ชัดเจนตรงไปตรงมาตามคำขออนุญาต ซึ่งการขออนุญาตไม่ได้ขอจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นมีหน้าที่ลงมาดูเพื่อความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน และสังคม คิดว่าน่าจะควบคุมได้ ในส่วนของ จ.สุพรรณบุรี ที่เราตรวจพบ โรงงานผลิตพลุ ดอกไม้ไฟใหญ่นั้นจะมีอยู่ 3 โรงงาน เป็นโรงงานในครอบครัวของนายสำรวย ทิมขำ และครอบครัว 2. โรงงาน “สุจินต์ดอกไม้ไฟ” ของนายสุจินต์ จ่าพันธ์ อายุ 50 ปี ที่เพิ่งเกิดระเบิดขึ้นเมื่อเช้ามืดของวันที่ 9 มิ.ย.ที่ผ่านมา และโรงงานของนายธงชัย บัวทอง ที่บ้านเลขที่ 71/1 หมู่ 6 ต.ไร่รถ อ.ดอนเจดีย์ และใน 3 โรงงานใหญ่นี้ก็ยังมีเครือข่ายออกไปอีก แต่จะได้รับใบอนุญาต หรือไม่จะต้องให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อไม่ให้เกิดการทำพลุดอกไม้เพลิงแบบตามอำเภอใจ จนไปก่อความเดือดร้อนให้กับประชาชนในสังคม จากการตรวจสอบในวันนี้พบว่าทุกโรงงานมีใบอนุญาตถูกต้อง เพียงแต่ว่าใบอนุญาตเป็นใบอนุญาตลอยๆ ว่าได้สต๊อกมาจำนวนเท่านี้ แต่การใช้และการควบคุมไม่มีการดำเนินการเลย ซึ่งต่อไปนี้เราจะต้องวางมาตรการ โดยจะจัดเจ้าหน้าที่มาทำทะเบียน ทำเลขถัง แล้วติดสติกเกอร์ของเจ้าหน้าที่เรา เมื่อหมดแล้วทางเจ้าหน้าที่จะเป็นคนเก็บถัง เก็บกระสอบกลับไป เราจะได้รู้ว่าในมือของเขามีอยู่เท่าไหร่ และใช้ไปเท่าไหร่ เพราะที่ผ่านมาโอกาสที่สั่งเข้ามามันเกิดอยู่แล้ว เกินแน่นอน แต่จากนี้ไปไม่ได้แล้ว ที่สำคัญส่วนที่เป็นสาขาย่อยนำไปประกอบตามบ้านเพื่อสร้างรายได้เลี้ยงครอบครัวนั้น ต้องไม่มีอย่างเด็ดขาด กลุ่มนี้ต้องเข้ามาทำในโรงงานที่มีใบอนุญาตเท่านั้น หากไม่เชื่อฟังต้องถูกจับดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด ทั้งนี้ เพื่อความปลอดภัยทั้งชีวิตทรัพย์สินของผู้ที่รับส่วนผสมไปประกอบพลุ กระจับ และระเบิดแบบลูกปิงปอง ไปทำที่บ้าน และเพื่อความปลอดภัยของบ้านข้างเคียงกรณีหากเกิดระเบิดขึ้นอีกด้วย.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น