วันเสาร์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2555

กรณีนายสุชาติ จงศิริการค้า อายุ 53 ปี เจ้าของร้านทองเจริญไทย เลขที่ 14-14

กรณีนายสุชาติ จงศิริการค้า อายุ 53 ปี เจ้าของร้านทองเจริญไทย เลขที่ 14-14/1 ถนนมุขศาลา ต.ท่าอิฐ อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ แจ้งความร้องทุกข์ต่อ พ.ต.ท.ชวนันท์ ม่วงมิตร พนักงานสอบสวน สภ.เมือง จ.ตาก เพื่อดำเนินคดีกับนายเกียรติวงษ์ ศรายุทธ อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 34 หมู่ที่ 2 ต.ท่าเสา อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ ผู้จัดการธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) สาขาตาก ปลอมแปลงเอกสาร ยักยอกทรัพย์ ลักทรัพย์ในบัญชีเงินฝาก 52 ล้านบาทนั้น

เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน นายสุชาติในฐานะผู้เสียหายได้กล่าวว่า หลังมีข่าวออกทางหนังสือพิมพ์ไปแล้ว ทางธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) สำนักงานใหญ่ ยังไม่มีการติดต่อกลับมาว่าจะคืนเงิน 28 ล้านบาท ตามที่รับปากหรือไม่ หลังเจ้าหน้าที่ธนาคารสำนักงานใหญ่มาตรวจสอบแล้วแจ้งว่าจะคืนเงินเพียงจำนวนดังกล่าวให้ อ้างว่าจากการตรวจสอบสมุดบัญชีฝากถอน 2 เล่มของตนที่โดนยักยอกเงินไปนั้น มีเพียง 28 ล้านบาทเท่านั้น ส่วนที่เหลือไม่รับผิดชอบให้ไปฟ้องเรียกค่าเสียหายเอง แม้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับผู้จัดการสาขาตาก แต่สำนักงานใหญ่จะปัดความรับผิดชอบไม่ได้ ต้องแสดงความรับผิดชอบโดยคืนเงินทั้งหมด 52 ล้านบาท จะให้ลูกค้าไปหาหลักฐานได้อย่างไร เพราะการฝากเงินถอนเงินทุกรายการของลูกค้า ธนาคารสาขามีหลักฐานและต้องส่งรายงานให้สำนักงานใหญ่อยู่แล้ว

"สำนักงานใหญ่พยายามโต้แย้งโดยอ้างพยานหลักฐานบางอย่างไม่ตรงกัน ส่วนที่ผู้บริหารธนาคารกล่าวว่า สมุดบัญชีของผมบันทึกข้อมูลรายละเอียดฝากถอนที่พิมพ์ด้วยเครื่องพิมพ์ดีด ไม่ใช่เครื่องคอมพิวเตอร์ของเคาน์เตอร์ธนาคาร ถือเป็นการเบี่ยงเบนประเด็นโดยจะไม่รับผิดชอบ สำนักงานใหญ่รู้ว่าความจริงคืออะไร กลับไม่มองว่ากระบวนการตรวจสอบของธนาคารหละหลวม พนักงานธนาคารสาขาตากทั้งหมดรู้ว่าลายมือผู้เบิกเป็นการปลอมแปลงขึ้นของผู้จัดการ แต่กลับปล่อยให้เบิกเงินออกไป และมีใครเกี่ยวข้องบ้าง ทำไมไม่แจ้งสำนักงานใหญ่ และเจ้าของเงิน แสดงให้เห็นว่ามีการกระทำเป็นขบวนการภายในธนาคารสาขาตาก" นายสุชาติ กล่าว และว่า เสียใจที่ญาติของนายเกียรติวงษ์ออกมาปกป้อง โดยเบี่ยงเบนว่าญาติของตนถูกฟ้องเป็นบุคคลล้มละลาย ซึ่งไม่เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ญาตินายเกียรติวงษ์น่าจะรู้ดีที่สุดว่าเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวตัวเอง ทำไมนายเกียรติวงษ์ไม่ซื่อสัตย์กับลูกค้า ทุจริตต่ออาชีพตัวเอง หากญาติรู้ว่านายเกียรติวงษ์อยู่ที่ใดก็ควรบอกให้ออกมารับผิดชอบ และบอกสังคมว่าเกิดอะไรขึ้น หากนำเงินไปก็ควรนำกลับมาคืน

"ก่อนหน้านี้ผมกับธนาคารสนิทกันดี เวลาต้องการยอดเงินก็มาขอร้องให้นำเงินไปฝาก ปัจจุบันผมนำเงินไปฝากกว่า 90 ล้านบาท แต่เมื่อเกิดเรื่องกลับไม่มีเจ้าหน้าที่มาพูดคุยหรือให้ความร่วมมือในการติดตามผู้จัดการสาขาตากมาดำเนินคดีและนำเงินคืนผม เมื่อไม่ให้ความร่วมมือ ผมจะปิดทุกบัญชีที่นำเงินฝากไว้กับธนาคารทหารไทย แล้วไปฝากที่ธนาคารแห่งอื่น ผมเสียความรู้สึกมาก เรื่องนี้เกิดขึ้นมานานแล้ว ทำไมไม่แจ้งให้ทราบ แต่กลับไปแจ้งความดำเนินคดีกับนายเกียรติวงษ์แล้วนำหมายมาแจ้งให้ผมไปเป็นพยาน"

นายสุชาติกล่าวต่อว่า ไม่มั่นใจว่าจะมีการดำเนินการเรื่องนี้อย่างไร จึงต้องว่าจ้างทนายความยื่นฟ้องเอง อยากเรียกร้องให้สำนักงานใหญ่แสดงความรับผิดชอบมากกว่านี้ เพราะไม่จริงใจกับปัญหาที่เกิดขึ้น และอยากฝากถึงธนาคารแห่งประเทศไทยว่า ทุกวันนี้ ธนาคารกำลังทำเรื่องผิดระเบียบการปฏิบัติต่อลูกค้า เพราะลูกค้าต้องการถอนเงินตั้งแต่ 1 ล้านบาทขึ้นไป ธนาคารไม่มีเงิน โดยให้เซ็นชื่อในใบถอนเงินทิ้งไว้ พอก่อนปิดเวลาทำการ เจ้าหน้าที่ธนาคารจะก็โทรศัพท์มาแจ้งให้ไปรับเงิน ซึ่งมารู้ภายหลังว่าเหตุที่ธนาคารไม่ยอมให้เงินถอนทันที เนื่องจากต้องรอลูกค้านำเงินมาฝากก่อน และไปเปิดตู้เอทีเอ็มตามจุดต่างๆ มาให้ลูกค้า อยากให้ธนาคารแห่งประเทศไทยช่วยตรวจสอบและดูแลให้ธนาคารปฏิบัติให้ถูกต้องด้วย" นายสุชาติกล่าว

แหล่งข่าวจากธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถทราบจำนวนเงินความเสียหายที่ชัดเจนหรือผู้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ได้ เนื่องจากต้องรอให้ทางตำรวจได้ตัวของอดีตผู้จัดการสาขามาก่อนถึงจะสามารถสืบหาข้อเท็จจริงต่อไป โดยให้ทางตำรวจออกหมายจับตัวอดีตผู้จัดการสาขาก่อน ธนาคารยังยืนยันว่าเมื่อได้ตัวผู้กระทำผิดได้แล้ว ธนาคารพร้อมรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ หากผลการสอบสวนของธนาคารและพนักงานสอบสวนสามารถสรุปได้ว่าพนักงานของธนาคารเป็นผู้กระทำความผิดและเป็นเหตุให้ลูกค้าได้รับความเสียหายเป็นจำนวนเงินเท่าใด ธนาคารจะได้พิจารณาเกี่ยวกับการชดใช้คืนเงินให้แก่ลูกค้าต่อไป

www.khaosod.co.th

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม