วันพุธที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2555

เที่ยวเมืองไทย ช่วยเศรษฐกิจไทย

เศรษฐกิจไทยในปัจจุบันสถานการณ์ถือว่าไม่ค่อยน่าไว้วางใจเท่าใดนัก อันเนื่องมาจากหลาย ๆ ปัจจัยทั้งนอกและในประเทศไทย ยิ่งเรื่องราวทางการเมืองของไทยยามนี้มี
วี่แววน่าเสียวไส้อีกครั้ง ก็ยิ่งวางใจไม่ได้

ยามนี้คนไทยต้องช่วยกัน ’ช่วยเมืองไทย“ ให้มาก

ช่วยเมืองไทยนั้น ’ทำได้ไม่ยาก“ ที่ทำแล้วสนุกก็มี

ทั้งนี้ การท่องเที่ยวก็เป็นช่องทางหนึ่งที่สามารถจะช่วยเมืองไทย-ช่วยเศรษฐกิจไทยได้ ซึ่งเดือน มิ.ย.นี้ทาง ททท.-การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ก็ตีฆ้องเชิญชวนไปร่วมสนุกสุขหรรษากับ 2 งานใหญ่แห่งปีของภาคอีสาน ใน 2 จังหวัด ซึ่งแม้จะมีกำหนดจัดในเดือนเดียวกัน แต่ก็มีการสลับสับหลีกได้อย่างลงตัวโดยไม่ชนกัน

งานแรกเป็นเรื่องของ “อาหารปาก” สำหรับใครที่ชอบลิ้มชิมความอร่อยของผลไม้ มีทั้ง... เงาะ ทุเรียน ลองกอง มังคุด ส้มโอ กระท้อน ฝรั่ง ลำไย ฯลฯ แม้กระทั่ง สะตอ ที่ปลูกมากทางภาคใต้ ก็ยังสามารถซื้อหาติดมือกลับบ้านได้อย่างสบาย ๆ ถ้าไปร่วมงาน ’เทศกาลเงาะ-ทุเรียน และของดีศรีสะเกษ“ ปี 2555 ซึ่งจะจัดขึ้นในช่วงวันที่ 15-21 มิ.ย. ณ บริเวณสนามวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีศรีสะเกษ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ

ไม่น่าเชื่อ...แต่ก็จริง ที่ศรีสะเกษก็มีการปลูกเงาะและทุเรียนมาก ด้วยสภาพที่เป็นดินภูเขาไฟจึงมีระดับความอุดมสมบูรณ์ของแร่ธาตุต่าง ๆ เหมาะแก่การทำเกษตร และผลผลิตก็มีคุณภาพดีจนกลายเป็นแหล่งผลิตเพื่อการส่งออกทำรายได้เข้าจังหวัดปีละกว่า 340 ล้านบาท จากพื้นที่เพาะปลูกผลไม้ประมาณ 4,000 ไร่เท่านั้น

กับทุเรียนและเงาะของศรีสะเกษนั้น นอกจากรสชาติที่อร่อย หอม และกรอบแล้ว ยังมีคุณลักษณะที่แตกต่างตรงที่มีเนื้อแห้ง ไม่เละหรือมีน้ำเยิ้ม ด้วยเหตุที่พื้นที่ที่ปลูกไม่มีฝนชุก โดยแหล่งปลูกมากที่สุดอยู่ใน อ.กันทรลักษ์ ที่บ้านซำตารมย์ และ อ.ขุนหาญ ที่บ้านซำขี้เหล็ก ซึ่งก็ยังมีผลผลิตผลไม้อื่น ๆ ที่มีคุณภาพดีอีกมาก

สำหรับใครที่สนใจจะไปพิสูจน์ความเป็น “ดินแดนมหัศจรรย์แห่งการปลูกผลไม้ที่มีคุณภาพของภาคอีสาน” ที่ศรีสะเกษ ทาง ททท.มีแพ็กเกจง่าย ๆ ราคาถูกให้เลือก 2 แบบ ถ้าเดินทางไปเองก็สามารถไปเลือกทัวร์สวนผลไม้ “อร่อยทุกไร่ ชิมไปทุกสวน” โดยจ่ายเพียง 100 บาทเท่านั้น ก็เตรียมล้างท้องไปชิมกันให้พุงกางได้เลย ส่วนอีกแพ็กเกจคือ “เที่ยวอีสานสุขใจ อิ่มบุญอิ่มท้องกับเงาะ-ทุเรียนแสนอร่อย” ที่ศรีสะเกษ วันที่ 15-18 มิ.ย. รวม 4 วัน ค่าใช้จ่ายคนละ 3,490 บาท เดินทางด้วยรถโค้ชปรับอากาศแสนสบาย พักโรงแรมชั้นดี

งานนี้ทั้งเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดอีสาน

และยังช่วยเพิ่มช่องทางการตลาดให้เกษตรกรด้วย!!

ทั้งนี้ เสร็จสิ้นจากงานที่เน้นเรื่องอาหารปาก ก็ต่อกันด้วย “อาหารตา-อาหารใจ” กับงานประเพณีที่ลือชื่อ นั่นคือ ’ประเพณีบุญหลวง และการละเล่นผีตาโขน อ.ด่านซ้าย จ.เลย“ ซึ่งไม่น่าเชื่อ...แต่ก็จริงอีกเช่นกัน งานนี้ใช่ว่าจะมีแต่คนไทยให้ความสนใจไปร่วมงานเท่านั้น แต่ยังมีนักท่องเที่ยวต่างชาติจากหลาย ๆ ประเทศ อย่างจีน ญี่ปุ่น เกาหลี และแม้กระทั่งฝรั่งจากชาติตะวันตก แห่ไปร่วมงานนับหมื่นคนเป็นประจำทุกปี

เริ่มงานวันแรก 22 มิ.ย. ตั้งแต่ 03.00 น. ด้วยพิธีเบิก พระอุปคุต จากริมแม่น้ำหมัน เป็นพิธีกรรมที่ไม่มีการแต่งแต้มสร้างสีสันทันสมัย ชาวบ้านจะนุ่งขาวห่มขาวเข้าพิธี ซึ่งก็เป็นเสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้ร่วมตามไปชม และต่อเนื่องไปทุกพิธีกรรม โดย
มีการจัดให้พุทธศาสนิกชนได้ทำบุญตักบาตรในตอนย่ำรุ่ง ตอนสายมี พิธีบายศรีสู่ขวัญ เจ้าพ่อกวน-เจ้าแม่นางเทียม รอพิธีเปิด งานบุญผะเหวด (พระเวสสันดร) ในวันถัดไป

ส่วน “ผีตาโขน” ที่เล่าขานกันว่าแฝงตัวเข้าร่วมขบวนส่งเสด็จพระเวสสันดรกลับเข้าเมืองตามตำนานชาดก โดยแปลงกายเป็นมนุษย์แต่ไม่อาจปิดโฉมหน้าผีได้สำเร็จนั้น ยุคปัจจุบันจะออกแสดงแผลงฤทธิ์เป็นกลุ่ม ๆ ในช่วงบ่ายแก่ ๆ วันแรกของงาน ตลอดเส้นทางถนนแก้วอาสาไปจนถึงวัดโพนชัยที่เป็นศูนย์กลางการจัดงาน

วันที่ 23 มิ.ย. จะมีพิธีเปิดงานประเพณีบุญหลวง (บุญผะเหวด) และการละเล่นผีตาโขน ซึ่งมีขบวนแห่เอิกเกริก โดย ททท.จัด รถบุปผชาติ เข้าร่วม 2 คัน พร้อมจัดอัฒจันทร์ให้นักท่องเที่ยวได้นั่งชมถนัดตา หรือใครใคร่โดดร่วมขบวนวาดลวดลายกับผีตาโขนก็เชิญได้ไม่ผิดกติกา ซึ่งเมื่อขบวนแห่ไปถึงวัดโพนชัยแล้วจะมีพิธีกรรมปิดท้ายคือประเพณีถอดหน้ากากทิ้งลงแม่น้ำหมัน โดยเชื่อว่าเป็นการปล่อยสิ่งไม่ดีทิ้งไป รอรับสิ่งดี ๆ เข้ามาแทน

และปิดท้ายด้วย พิธีจุดบั้งไฟ ช่วงบ่าย ๆ เฉลิมฉลองสิ่งดี ๆ ที่จะเข้ามาทำให้เกิดความร่มเย็นเป็นสุขในบ้านเมือง ก่อนจะถึงวันที่มีประเพณี เทศน์มหาชาติ วันปิดท้าย อาทิตย์ที่ 24 มิ.ย. ซึ่งก็เป็นงานบุญที่ยิ่งใหญ่

“นักท่องเที่ยวที่ไปร่วม 2 งานนี้ ยังสามารถใช้โอกาสนี้วางแผนเก็บเกี่ยวความสุข ความเพลิดเพลิน ประสบการณ์ชีวิต เพิ่มเติมให้ตนเองและครอบครัว ด้วยการแวะเยือนแหล่งท่องเที่ยวตามรายทาง เช่น... ภูเรือ อ่างเก็บน้ำห้วยกระทิง เชียงคาน ท่าลี่
เป็นต้น” ...ผอ.ททท.ภาคอีสาน พัฒน์มาศ จึงพัฒนศิริ เสริมทิ้งท้าย

เพียงไปร่วมกิจกรรมดังที่ว่ามา...ก็ถือว่าได้ช่วยชาติ

’ช่วยเมืองไทย“ ทำได้ง่าย ๆ...แค่ ’เที่ยวเมืองไทย“.



www.dailynews.co.th

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม