วันเสาร์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ตุ๊ก ปัดตอบมือที่ 3 รับขายเรือนหอแล้ว

หลังจากยื้อชีวิตคู่มาพักใหญ่ จนแล้วจนรอดแน่ใจว่าไปกันไม่ได้จึงตัดสินใจด้วยการหย่าร้าง สำหรับอดีตคู่รักพิธีกรอารมณ์ขัน ''บ๊วย'' เชษฐวุฒิ วัชรคุณ และนักแสดงก้านยาว ''ตุ๊ก-ชนกวนัน'' ซึ่งก่อนหน้านั้นฝ่ายชายได้ออกมาเปิดใจสัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเป็นที่เรียบร้อยแล้วถึงเรื่องหย่าร้างว่า ไม่มีมือที่สามเกี่ยวข้องแน่นอนและทิ้งประเด็นคาใจเรื่องรักลูกไม่เท่ากันไว้ จนวันนี้ถึงคิวแม่ม่ายลูก 2 ออกมาเปิดใจกับสื่อมวลชนถึงมูลเหตุและความจริงรวมถึงข้อสงสัยในเรื่องนี้ว่าตอนนี้ตนเองเข้มแข็งขึ้นมากเพื่อลูก ปัดตอบเรื่องมือที่ 3 เป็นเหตุ พร้อมแสดงความเห็นใจอดีตสามีที่โดนโจมตีจากการหย่าร้างครั้งนี้แพลนพักผ่อนเกาหลีกับลูกๆ ปัดหนีปัญหาที่เกิดขึ้น เมื่อผู้สื่อข่าวสยามดาราเจอม่ายสาวสวย ''ตุ๊ก'' ในงานกิจกรรม ''หนึ่งผนังรวมพลังรักษ์สะอาดกับสีเบเยอร์ชิลด์'' เมื่อวันที่ 13 ก.ค. 55 ณ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนิน สาวตุ๊กได้พูดถึงสภาพจิตใจหลังหย่าร้างว่าตอนนี้เข้มแข็งขึ้นมากเพื่อลูก พร้อมปัดพูดถึงมือที่ 3 สาเหตุการหย่า ''ตอนนี้ก็เป็นปกติค่ะ โดยรวมแล้วก่อนหน้านี้ก็อยู่ในช่วงที่อ่อนแอ ยอมรับว่ามีการอ่อนแอแล้วมันก็อ่อนแอมาระยะหนึ่ง ทุกอย่างก็ดำเนินไป เราก็ทำทุกอย่างที่เราคิดว่าลูกผู้หญิงคนหนึ่งจะทำได้ที่สุด และตุ๊กก็จะทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้ว และเมื่อมันไม่ได้เป็นอย่างที่เราปรารถนา เมื่อเราจบ ความอ่อนแอเราก็พับเก็บไป ก็โอเค น่าจะเป็นเรื่องราวของความโล่งใจ เราก็สบายใจค่ะ ทุกสถานการณ์น่าจะมีทางออกของมันในทางที่ดีที่สุดของมันในแต่ละสถานการณ์ ต้องเข้มแข็งค่ะ ก็น่าจะเป็นวิธีคิดมากกว่าเพราะว่าคือเราไม่ได้ตัวคนเดียว การที่เรารู้ว่าเรารู้สึกอย่างไร เราก็ไม่อยากแม้แต่เพียงเสียวของความรู้สึกของเราไม่อยากให้ลูกรู้สึก เพราะฉะนั้นเราต้องเข้มแข็งเพราะเขาเองยังต้องพึ่งพา น่าจะเชื่อมความรู้สึกกับเราตลอดเวลาเพราะยังเด็ก ถ้าถามตุ๊กสาเหตุที่แท้จริงตุ๊กไม่มีเพราะตุ๊กไม่มีความต้องการที่จะจบแบบนี้ ตุ๊กไม่มีสาเหตุ ถ้าจะให้ถามคือชีวิตคู่จะต้องถูกเห็นชอบด้วยคน 2 คน ถ้าแม้นเพียงใครคนหนึ่งคิดว่าจะยกเลิกเพราะฉะนั้นอีกคนหนึ่งก็ดำเนินต่อไปไม่ได้แน่ๆ'' (เป็นเรื่องของมือที่ 3 ?) ''คำถามนี้ไม่ถามแล้วมั้ง ตุ๊กก็พยายามของตุ๊ก ตุ๊กยังเห็นแก่ความต้องการของตัวเอง ยังเห็นแก่ตัวที่ยังเพื่อตัวเอง เพื่อความต้องการของตัวเองอยู่ค่ะ แต่เราก็ไม่มือเปล่า ซ้ายก็ลูกคนหนึ่ง ขวาก็ลูกอีกคนหนึ่ง อีกคนต้องอุ้ม อีกคนก็ยังต้องจูง เพราะฉะนั้นมันจะไปไหนกันไม่ได้ และอาจจะล้มกันทั้งหมด ทุกอย่างต้องถึงจุดที่ต้องเคลียร์'' ผู้สื่อข่าวถามว่าก่อนหย่าเหมือนความสัมพันธ์ของครอบครัวดีขึ้น มีรูปไปทานข้าวกันในวันเกิดลูก ตุ๊กตอบทันทีว่า แม้จะหย่าร้างไปแล้วแต่เชื่อว่าวันเกิดลูกทุกปีก็จะมีภาพเช่นนี้ออกมา พร้อมแก้ต่างให้หนุ่มบ๊วยถึงประเด็นรักลูกไม่เท่ากันว่าไม่เชื่อ พ่อแม่ทุกคนรักลูกเท่ากัน รับเห็นใจฝ่ายชาย ''จากภาพวันเกิดน้อง ตุ๊กเชื่อว่าวันเกิดน้องปีต่อไป ภาพก็ยังเป็นอย่างนั้น เชื่อว่าจะเป็นแบบนั้น วันเกิดลูกเราก็ยังต้องเป็นพ่อเป็นแม่เพราะฉะนั้นกิจกรรมยังต้องดำเนินอยู่ ยังต้องทำ เราก็อยากทำด้วย ตุ๊กไม่เชื่อว่าพ่อแม่จะรักลูกไม่เท่ากันค่ะ ตุ๊กเชื่อว่าลูกทั้ง 2 ซึมซับความรักจากพี่บ๊วยได้'' (ประเด็นที่บ๊วยตอบว่ารักลูกไม่เท่ากัน ?) ''ตุ๊กไม่เชื่อว่าจะเป็นแบบนั้น บางครั้งการถูกสัมภาษณ์ คนที่ถูกสัมภาษณ์ก็จะกังวลหลายอย่างและทุกอย่างมันเร็ว พะวักพะวนก็มีความเครียดความกดดัน น่าจะเป็นการพูดแบบเร็วมากกว่า น่าจะไม่ได้หมายความแบบนั้นชัดๆ น่าจะหมายความคนละแบบ'' (บ๊วยโดนโจมตีประเด็นรักลูกไม่เท่ากัน ?) ''ก่อนหน้านี้ตุ๊กน่าจะเป็นคนที่สนิทที่สุดและก็ผูกพันกันมากเพราะฉะนั้นอะไรที่เขาไม่สบายใจ ตุ๊กก็น่าจะรู้สึกไม่สบายใจนะ อาจจะใช้คำว่าเห็นใจหรือเปล่า ตุ๊กก็ไม่สบายใจ อยากเห็นเขามีความสุข ไม่อยากให้รู้สึกแบบนี้และก็น่าจะเป็นทุกชีวิต มีเรื่องราว เป็นช่วงที่มันต้องเกิดขึ้น'' ผู้สื่อข่าวถามต่อข่าวว่าวันหย่าตุ๊กเป็นลมจนเข้าโรงพยาบาล ตุ๊กรับเป็นลมจริงแต่ไม่ใช่หย่าแล้วเป็นลม พร้อมแจงเรื่องสินสมรส เรื่องบ้านว่ายังไม่ชัดเจน ถ้าขายคงต้องย้ายออกหรือไม่ก็หนุ่มบ๊วยอาจจะมีความประสงค์ยกให้ลูก ไม่ยุ่งหากฝ่ายชายจะแต่งงานใหม่ ''จริงๆ แล้วไปอยู่โรงพยาบาลจริงๆ และก็อย่างที่พี่บ๊วยบอกพี่นัดตรวจสุขภาพ เรื่องเป็นลมมันมีบ้างอยู่แล้วในระหว่าง เพราะตุ๊กก็เป็นโรคไมเกรน โรคอะไรบ้าง แต่สรุปแล้ววันนั้นไม่ได้หย่าแล้วเป็นลม อาจจะสื่อสารกันผิด'' (เรื่องสินสมรส การดูแลลูก ?) ''ตุ๊กก็รับดูแลลูกเป็นหลักและก็เรื่องทรัพย์สินต่างๆ สินสมรสก็ปฏิบัติกันและทำตามที่เราตกลงกันไว้ตามนั้น ส่วนบ้านก็อาจจะต้องใช้วิธีนั้น ทุกคู่ก็ต้องจัดการเรื่องสินสมรส ถ้าสมมติว่าบ้านถูกขายจริงๆ ก็คงต้องย้ายออกไป เพราะว่าขายไปแล้ว ตอนนี้ยังไม่ชัดเจนอะไร ถ้าเป็นไปได้ ตอนนี้บ้านพี่บ๊วยเป็นคนผ่อนเพียงผู้เดียว ถ้าเป็นไปได้ถ้าทุกอย่างเรียบร้อย เขาก็มีความประสงค์จะยกให้ลูก'' (บ๊วยสามารถแต่งงานมีครอบครัวใหม่ ตุ๊กโอเคไหม ?) ''ก็คงไม่ได้อยู่ที่การตัดสินใจของตุ๊กอยู่แล้ว โอหรือไม่โอไม่ได้อยู่ในสิทธิของตุ๊ก'' ต่อข้อซักถาม...ว่าข่าวตุ๊กจะพาลูกๆ ไปต่างประเทศ ไปอยู่เลยหรือไปพักใจ ตุ๊กปัดไปพักใจแค่ไปเที่ยวตามปกติที่เคยไป เชื่อลูกๆ จะเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้น ''ไปเที่ยวตามปกติที่ไปอยู่ประจำค่ะ จะไปอาทิตย์กลางคืนนี้แล้ว ไปกับครอบครัว ไปเที่ยวค่ะไม่ได้ไปพักใจ ปกติเราก็จะไปกันอยู่แล้ว ครั้งนี้ก็จะไปเกาหลี ไปประมาณ 6 วันไม่ได้หนีไปพักใจ ข่าวไม่ใช่น้ำท่วมหนีไม่ได้ ไม่มีที่ไหนในโลกที่หนีได้'' (เตรียมคำตอบให้ลูกๆ แล้วหรือยัง ?) ''ยังไม่รู้ว่าเขาจะรู้เพิ่มแค่ไหน เขาอาจจะรู้ไปโดยปริยาย โดยที่เราไม่ต้องอธิบายก็ได้ จริงๆ แล้วไม่ได้มีอะไรปิดบัง อธิบายให้เหมาะสมกับวัยของเขาและก็รวมถึงเรื่องข่าวด้วย ขอความกรุณา ถ้าเกิดครั้งนี้จะเป็นแค่ครั้งเดียว เขาเองก็มีอาการบ้าง มันก็มีส่วน ก็มีทั้งเรื่องนี้และเรื่องน้องด้วย เขาก็อาจจะต้องปรับตัวหลายๆ อย่าง เขาอาจจะมีอาการรู้สึกจะอาเจียน ปวดท้องบ้าง ในใจเขาก็คงแกว่งบ้างแต่ทุกอย่างก็เป็นหน้าที่ของพ่อและแม่ที่จะทำให้เขารู้สึกดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ จริงๆ แล้วไม่ได้ทำอะไรเลย ทำปกติแต่เราก็ไม่ลืมที่จะใส่ใจ ไม่ละเลย'' พร้อมกันนี้ สาวตุ๊กได้ฝากถึงคนที่เป็นห่วงใยเธอกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและพร้อมเป็นกำลังใจให้เธอว่า ''อันนี้อยากฝากเลยค่ะ ขอบคุณที่ให้โอกาส จริงๆ แล้ว อันดับแรกต้องขอโทษจริงๆ ที่เรื่องราวมันยืดยื้อมานาน หลายๆ คนที่ลุ้น ก็ขอบคุณที่ลุ้น เอาใจช่วยหรือเป็นกำลังใจให้ ครั้งนี้สอนให้ตุ๊กรู้ว่าความรักของคน 2 คนมันจะไม่ประสบความสำเร็จ แต่มันเกิดความรักในมุมมองต่างเพิ่มขึ้นอีกเยอะเลย ทั้งเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันตั้งนานส่งกำลังใจมาให้หรือเพื่อนที่สนิทกันอยู่แล้วก็รู้ว่าเขารักเราจริงๆ รวมถึงเพื่อนที่เราไม่รู้จักเลย รวมถึงโลกไอทีด้วย ต้องขอบคุณนะคะที่เป็นกำลังใจให้ เอ็นดูลูกของตุ๊กทั้ง 2 ก็เอาใจช่วยครอบครัวเรา ขอบคุณจริงๆ ประทับใจและซึ้งใจจริง ขอบคุณมากๆ ค่ะ'' ตุ๊ก กล่าวด้วยสีหน้าซึ้งใจ

www.siamsport.co.th

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม