วันพฤหัสบดีที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

นายกฯอย่านำบ้านเมืองอัปลักษณ์

เฮ้อ...ยังบ้าน-ยังเมืองซะทีครับ หลังจากไปเที่ยวซะหลายวัน หะแรกเข้าใจว่า การไม่ต้องนั่งตะบี้ตะบันเขียนหนังสือทุกวัน..ทุกวัน ได้หนีไปเที่ยวไหนต่อไหนไกลๆ เสียบ้าง นั่นคือสวรรค์ แต่เอาเข้าจริง พอห่างตรงนี้ พูดกันตรงๆ คือห่างจากท่าน ทำให้ผมได้พบ "ไส้ตะเกียงแห่งชีวิต" ว่า การได้พูด-ได้คุย-ได้บ่นกับท่านตรงนี้ตะหาก คือสวรรค์ที่ใฝ่หา จากจิตปรารถนาอันซ่อนรากลึก เพราะสิ่งที่ท่านเทไหลผ่านเป็นการตอบสนอง ทั้งด้านบวก และด้านลบให้ผมได้รับ นั่นคือ "น้ำมัน" ที่หล่อเลี้ยงให้ "คนไส้ตะเกียง" อย่างผม โชนแสงอยู่ได้..ในทุกภาวะแรงลม ก็ไปเที่ยวสเปนมาครับ สนุกมากกกก....! แต่ค้นหาจนทั่วทุกซอก-ทุกมุมของประเทศสเปนแล้ว ไม่พบ "แมลงวันสเปน" อย่างที่ได้ยินกล่าวขานเป็นตำนานกันมานับแต่อ้อน-แต่ออกซักตัว หรือท่านใดที่ไปมาแล้ว และเคยพบ ช่วยแบ่งผมซักแข้ง-ครึ่งขา ก็จะเป็นพระคุณ ถามว่าไปกับใคร? ก็ไปกับบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) โดยคุณวีรศักดิ์ โฆสิตไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือที่ผมได้ยินใครต่อใครเรียกกันว่า ซีอีโอ..ซีอีโอ...นั่นแหละ ถามอีกว่า...ไปทำไม ไปร่วมฉลองแชมป์ยูโรคัพ กับสเปนงั้นรึ? ไม่เกี่ยวกันหรอก ก็แค่แวะเข้าไปปัสสาวะที่สนามคัมป์นู ของทีมบาร์เซโลนาเป็นการ "ตัดไม้ข่มนาม" สอง-สามหยดเท่านั้นแหละ เพราะโปรแกรมที่จะไป ทางไทยออยล์เขาวางไว้ก่อนบอลยูโรจะเตะเป็นเดือน ยังไม่รู้หรอกว่าใครจะชนะ ตอนที่ไทยออยล์มาชวน ผมก็สงสัยเหมือนกันว่า... เป้าหมาย..ทำไมจึงต้องเป็นสเปน มันไกลแสนไกล ผมเป็นคนไม่ชอบอั้นแก๊สไว้ในท้องซะด้วย แต่ที่ไหนได้ ไปถึงสเปนแล้วถึงได้รู้.... สเปนอยู่ใกล้ๆ กับบางอ้อนี่เอง! คือคุณวีรศักดิ์ท่านบินล่วงหน้าไปประชุมด้วยเรื่องน้ำมูก-น้ำมันที่สหรัฐ มอบให้ "คุณสมชัย วงศ์วัฒนศานต์" ผู้ช่วยผู้อำนวยการด้านบริหารองค์กร นำทัพสมทบตามไป พอถึงสเปนท่านก็บินจากสหรัฐมารอ รุ่งขึ้นก็บินไปประชุมต่อที่มาเลย์อีก ครับ...เห็นแล้วก็เวียนหัวกับการที่บรรดาซีอีโอแต่ละองค์กรระดับโลกต้องไปเบรนสตอร์มหรือ "สุมหัว" ระดมวิสัยทัศน์เจาะวิกฤติเศรษฐกิจให้ทะลุสู่อนาคตอันไกลโพ้น พอมีจังหวะผมก็เลยถามกับคุณสมชัย ผู้ที่ซีอีโอวีรศักดิ์มอบหมายให้ควบคุมภารกิจการนำคนสื่อผู้บริหารข่าวสารด้านเศรษฐกิจไปสเปนครั้งนี้ โดยมีผมซึ่งไม่ประสาด้านเศรษฐกิจติดไปด้วยหนึ่งหน่อ คุณสมชัยก็เล่าให้ฟังว่า การไปสเปนเที่ยวนี้เป็นแนวคิดซีอีโอวีรศักดิ์ โดยท่านบอกว่า ไม่ต้องไปบอกว่าไปดูงานนั่น-นี่ให้ยุ่งยาก เพราะลำพังไทยออยล์สมบูรณ์พร้อมอยู่แล้ว ไม่มีงานเกี่ยวกับพลังงานอะไรในสเปนที่ต้องไปดู แต่มุมมองซีอีโอวีรศักดิ์มีว่า สิ่งที่ต้องไปดูก็คือ "ปัญหาด้านเศรษฐกิจ" ยุโรป ที่กำลังเกิดวิกฤติขณะนี้ และกำลังเป็นโรคระบาดสู่ประเทศกลุ่มสมาชิกยูโรโซนไปทีละประเทศ จากกรีซ กำลังจะไปอิตาลี และสเปน ซึ่งใหญ่อันดับ ๔ ของยูโรโซน บ้านเรา คือไทย เป็นประเทศผู้ผลิตสินค้าส่งออก สหรัฐ-ยุโรป รวมกันก็กว่าครึ่งของรายได้จากการส่งออกทั้งหมดทั่วโลก ฉะนั้น ถ้ายุโรปซึ่งเป็นประเทศ "ผู้บริโภค" เป็นอะไรไป เราในฐานะ "ผู้ผลิต" ก็ยากจะอยู่เป็นสุข ดังนั้น เพื่อเป็นการ "รู้เขา-รู้เรา" ล่วงหน้า ยึดคติตามโบราณว่า "สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น สิบตาเห็น ไม่เท่าหนึ่งมือคลำ" ซีอีโอวีรศักดิ์จึงแนะว่า "อีกสิ่งหนึ่งที่ไทยออยล์ควรจะทำเพื่อสังคมในวงกว้างได้ยามนี้ก็คือ การอาศัย 'สายตาสื่อ' ให้ไปดู ไปเห็นพื้นที่จริง-สภาพเศรษฐกิจและสังคมจริง เพื่อให้สื่อได้ทำหน้าที่ "ผู้นำข่าวสาร" จากพระเจ้าเศรษฐกิจกลับมาประกาศให้พวกเรา ซึ่งอยู่ในอีกซีกโลกหนึ่งได้ทราบความจริง (นอกเหนือจากข่าวทั่วไป) จากพื้นที่จริง-สภาพจริงว่า จริงๆ แล้ว ปัญหาวิกฤติในยุโรปนั้น มันร้ายแรงขนาดไหน สาเหตุมันมาจากอะไรกันแน่?" ไทยออยล์ ต้องการให้สื่อช่วยไปดู แล้วนำสิ่งที่รู้-ที่เห็นสะท้อนออกมาให้ "สังคมไทย" ได้ทราบ เป็นการเตือนสติ-เตือนภัยด้วยข่าวสารที่เข้าถึงประชาชนได้เร็ว จากกรีซ ก็จะถึงอิตาลี และจากอิตาลี ตานี้ก็สเปนแหละ! สเปนยังวิกฤติอ่อนๆ ระดับแก่ เหมือนไทยที่ขณะนี้ยังไม่ถูกโรคมือ-เท้า-ปากจากเขมรระบาดเต็มที่ คุณวีรศักดิ์จึงแนะคุณสมชัยว่า จุดที่ควรนำสื่อไปดูเพื่อนำ "ข่าวสาร" มาบอก เหมาะที่สุดตอนนี้คือ ที่สเปน ด้วยเหตุดังนี้แล ผมจึงได้ตามแห่ไปรับกระแสรังสีพลังสุริยะเมืองสเปนกะเขาด้วย เรียกว่าไปเที่ยวนั่นแหละตรงตัว ๔ ทุ่มแล้วแดดยังแจ๋ผ่ากระบาลร้อนจี๋ ผมซอกซอนไปเมืองนั้น-เมืองนี้ เรียกว่าปีนเขาซะลิ้นห้อยถึงหู เป็นการสำรวจข้อมูลอันนำมาสู่ปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจ ก็ดมปัญหาถึง "ก้นครัว" คนสเปน ตามวิธีการของผมนั่นแหละครับ ดมแล้วจึงพอเข้าใจหละว่า ปัญหามันอยู่ตรงไหน จะแก้ได้ หรือไม่ได้ และมันจะส่งผลบวก-ลบมาถึงไทยมากน้อยขนาดไหน ก็ต้องค่อยๆ ฝอยกันไปตามจังหวะเป็นครั้ง-เป็นคราว ส่วนวันนี้เอาเป็นกราวหน้าพาทย์ พอหอมปาก-หอมคอ ไปต่อกันวันหน้า ว่าด้วยปัญหาจริงจากระดับ "รากหญ้าสเปน" เลยทีเดียว นี่...ไม่ได้โม้นะ จะบอกให้! ผมไปสเปนไม่แปลก แต่ที่ท่านนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะไปเขมรวันพรุ่งนี้ (๑๓ ก.ค.๕๕) นั่นซิถึงแปลก อย่าว่าโง้น-งี้เลยนะครับ ขอตำหนิโดยตรงเลยทีเดียว ฮุน เซน จะยกเขมรเป็นเมืองขึ้นสหรัฐ ให้นางฮิลลารี คลินตัน แค่ระดับรัฐมนตรีต่างประเทศเข้ามาชี้นิ้วสั่งการ นั่นก็เรื่องของบ้านเขา-เมืองเขา เราไม่เกี่ยว แต่การที่นางคลินตัน ระดับเดียวกับนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล "คนเช็ดเกือกทักษิณ" จะมากระดิกนิ้วเรียกคนระดับ "นายกรัฐมนตรี" ประเทศไทย ไปหา ไปพบ ไปเจรจา บ้าๆ บอๆ กับเขาที่เขมรอย่างที่ทำอยู่ขณะนี้ ผมพูดได้คำเดียวว่า "นายกรัฐมนตรี" ต้องไม่ทำลายเกียรติ-ศักดิ์ศรีประเทศ ด้วยการวิ่งตามนิ้วนางคลินตันที่กระดิกเรียกไปพบ! ท่านนายกฯ ยิ่งลักษณ์ครับ โดยตัว คุณคือนาง หรือนางสาวก็แล้วแต่ เป็นน้องสาวอดีตนายกฯทักษิณ คุณจะไปไหน ไปขึ้นช้าง-ลงม้า ชั้น ๕ ชั้น ๗ ได้ทั้งนั้น มันเรื่องสิทธิเสรีภาพส่วนตัวของคุณ แต่วันนี้ "นางสาวยิ่งลักษณ์" อยู่ในสถานภาพ "นายกรัฐมนตรี" ของประเทศไทย ถือเป็นตัวแทนประเทศ เป็นบุคคลสาธารณะ มีกรอบ มีกฎ มีกติกา มีศักดิ์ มีศรี ในความเป็นชาติ ในความเป็นประเทศ สิ่งประพฤติปฏิบัติ "ตามเคย-ตามชอบ" ต้องไม่ทำ สิ่งประพฤติปฏิบัติ "ตามกรอบ-ตามกติกา" ต้องทำ! แล้วท่าน...ในฐานะนายกฯ เส้นผมมากกว่านายสุรพงษ์ผู้เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ ท่านต้องมีความคิด-ความรับผิดชอบเหนือกว่าคนเช็ดเกือกขึ้นชั้น คิดดูซิ...เราเป็นนายกฯ นางคลินตันเป็นแค่รัฐมนตรี แถมเป็นแขกของรัฐบาลเขมรเขา แล้ว...ขอโทษที่ต้องใช้ภาษาไทยที่ตรงกับการกระทำว่า "เสือก" เจ้ากี้-เจ้าการ เป็นแขกเขา แต่กลับเป็นฝ่ายเชิญนายกฯ ของอีกประเทศ คือนายกฯ ไทยให้ไปพบในบ้านคนอื่น แค่อาศัยคำโก้ๆ ว่า "เชิญไปแสดงวิสัยทัศน์" สหรัฐต้องมาอาศัยความคิด-ความอ่านนายกฯ ไทยขนาดนั้นเชียวเรอะ ฟังแล้วตลก หน้าฉากที่ชาวโลกเข้าใจ เท่ากับสหรัฐแสดงอำนาจบาตรใหญ่อวดให้เข้าใจว่า ทั้งขมร ทั้งไทย คือ "เมืองขึ้น" สหรัฐกลายๆ เป็นเด็กในคาถา สั่งได้-เรียกได้-ใช้ได้ เรียกว่าใช้มือกวักเรียก แทนกวักด้วยนิ้วเท้า แค่นี้ก็ถือว่าให้เกียรติมากแล้ว!? "กระทรวงการต่างประเทศ" ใครเป็นปลัดกระทรวง ยอมทำตามนักการเมืองที่ขายศักดิ์ศรีชาติบ้านเมืองโดยไม่ท้วงติงขนาดนี้เชียวหรือ ผมอ่านข่าวจากสเปนว่า "นางคลินตันเรียกนายกฯ ไทยไปพบที่เขมร" โกรธจนอยากลงไปแทงวัวกระทิงเขาอ่อนให้หงายท้องคาสนาม บอกไม่เชื่อ? ไม่มีการทูต การประเทศที่ไหนในโลกเขาทำหยาบคาย และหยาบหยามกันแบบนี้หรอก ที่รัฐมนตรีต่างประเทศเป็นแขกนั่งอยู่ประเทศหนึ่ง แล้วเชิญนายกรัฐมนตรีของอีกประเทศไปพบ แล้วก็ไม่มีนายกฯประเทศไหนยอมทำลายเกียรติศักดิ์ศรีประเทศตัวเองด้วยการวิ่งแรดๆ ไปตามที่เขาเรียกด้วย ทั้งหมดนี้ มันเหมือนซื้อข้อสอบนายสิบตำรวจที่รั่วออกไปนั่นแหละ นางคลินตันพานักธุรกิจสหรัฐมาดูการลงทุนญวน-ลาว-เขมร บริษัทน้ำมันก็อยู่ในกลุ่มนี้ เขมร-ไทย เป็นเจ้าของร่วมแหล่งพลังงานในอ่าวไทยมหาศาล นางคลินตันไปเยือนญวนได้ เยือนลาวได้ เยือนเขมรได้ แต่กับไทย อยากคุยก็มาซี ตัวแค่ รมว.ต่างประเทศ กลับไม่ยอมมาให้นางสาวยิ่งลักษณ์ได้โอเวอร์คัม กลับไปยึดเขมรเป็นฐานบัญชาการประเทศกลุ่มอนุภาคลุ่มแม่น้ำโขง กระดิกนิ้วเรียกนายกฯ ไทยไปพบ จะไปแสดงวิสัยทัศน์ ไปเจรจาเรื่องพลังงาน หรือขอบอก-ขอบใจวีซ่าพี่ชาย ก็สุดแท้แต่เถอะ แต่นางสาวยิ่งลักษณ์สมควรต้องทราบ และต้องสำนึกว่า....เราเป็นผู้นำบริหารประเทศไทย ศักดิ์ศรีเหนือกว่านางคลินตัน จะเอาประโยชน์ตัวหรือวงศ์ตระกูลเป็นที่ตั้ง แล้วเอาตำแหน่งประเทศไปแลก ด้วยการบินไปเขมรตามคำเรียก ไม่สมควร! สหรัฐมันหงายไพ่เล่นแล้ว นางคลินตันคือเบี้ยในกระดาน "องค์กรอำนาจเดียวครองโลก" การเดินหมากซึ่งๆ หน้าตานี้ เป็นแต้ม "รุกจีน" ด้วยการกวาดต้อน ญวน-เขมร-ลาว-พม่า และไทย ในกลุ่มลุ่มน้ำโขง ๕ ประเทศไปจากจีน ให้ไปอยู่ฝั่งเขาคือสหรัฐ และนี่คือ....การ "ประกาศสงคราม" ได้เกิดขึ้นแล้ว!

www.thaipost.net

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม