วันอังคารที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

บ๊วย ช้ำคนมองรักลูกไม่เท่ากัน

เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 9 ก.ค.55 ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการแถลงข่าว ของ ''เชษฐวุฒิ วัชรคุณ'' หรือ ''บ๊วย'' พิธีกรอารมณ์ดี หลังจากตกเป็นข่าวใหญ่เมื่อหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา กับกรณีที่พิธีกรอารมณ์ดี ''บ๊วย'' และ อดีตภรรยา

''ตุ๊ก-ชนกวนัน'' ได้ไปเซ็นใบหย่ากันเป็นที่เรียบร้อย เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 4 ก.ค.55 ที่ผ่านมา ที่เขตสะพานสูง ปิดฉากชีวิตคู่ 7 ปีอย่างไม่ค่อยสู้ดีนัก โดยได้รับการยืนยันจากคนใกล้ชิดว่า ทั้งคู่ตกลงกันได้ด้วยดี โดยฝ่ายหญิงคือ ''ตุ๊ก'' อยู่

กับลูก ส่วนสินสมรสแบ่งกันคนละครึ่ง และ ''บ๊วย'' จะรับผิดชอบในเรื่องค่าเลี้ยงดูและค่าเรียนของลูกๆ ทั้ง 2 คน คือ ''น้องเแพรว'' และ ''น้องภูมิ''

เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้หลายคนช็อกไม่น้อย เนื่องจากเป็นที่ทราบดี ว่าทั้ง ''บ๊วย'' และ''ตุ๊ก'' นับเป็นคู่รักที่รักกันมากอีกคู่หนึ่ง หลายคนแอบเสียดายแทนไม่ได้ โดยแอบลุ้นเล็กๆ ว่าทั้งคู่จะสามารถเคลียร์ปัญหาชีวิตคู่ที่เกิดขึ้นกับทั้งสองคน

ได้ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นทั้งคู่ไปไม่รอด

ทั้งนี้นับตั้งแต่ทั้งคู่หย่ากัน ทั้งตุ๊กและบ๊วยก็เก็บตัวเงียบ ทราบจากคนใกล้ชิดว่าทั้งคู่ยังไม่พร้อมพูดถึงเรื่องนี้ ล่าสุดเป็นทางฝ่ายของพิธีกรหนุ่ม ''บ๊วย'' ที่ตัดสินใจออกมาเปิดใจต่อสื่อมวลชนอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นการ

เปิดใจสดๆ ผ่านรายการ''คันปาก'' ทางช่อง 7 ซึ่งในวันนี้มี ''อ้น-ศรีพรรณ'' และ ''ไก่-สมพล'' เป็นพิธีกรร่วมรายการ โดยทั้งคู่เป็นคนช่วยป้อนคำถามสัมภาษณ์ต่อ ''บ๊วย'' แต่ไม่เปิดโอกาสให้สื่อยิงคำถามแต่อย่างใด ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจาก

การสังเกต ตั้งแต่เดินเข้ามายังห้องส่ง พิธีกรหนุ่มมีอาการเครียดอย่างเห็นได้ชัด

''บ๊วย'' บอกก่อนอื่นในทำนองตัดพ้อว่าตนนั้นไม่ได้หนีการให้สัมภาษณ์สื่อ โดยแจงว่าตนนั้นยังทำงานปกติ เพียงแต่ก่อนหน้านี้ตนยังไม่พร้อมออกมาพูด เพราะยังรู้สึกไม่สบายใจ เรื่องที่เกิดขึ้นถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของชีวิตตน


''อย่างที่ผมเคยให้สัมภาษณ์ว่าถ้าเกิดมีอะไรเปลี่ยนแปลง เราก็จะบอกกันเพราะว่าผมไม่ได้ไปไหน ยังทำงานอยู่ บางคนอาจจะบอกว่าผมหนีหน้านักข่าวหรือเปล่า เปล่าครับ ผมก็ยังทำงานตามปกติ แล้วก็ไม่มีการแคนเซิลแต่อย่างใด และที่ยัง

ไม่อยากออกมาพูด เพราะหนึ่งพอเกิดเรื่องแบบนี้ปุ๊บ มันก็ไม่สบายใจ แล้วเรื่องแบบนี้ คือมันเป็นการเปลี่ยนแปลงชีวิต ที่มีผลกระทบต่อผมเหมือนกัน ไม่ว่าใครจะมองยังไง มันมีผลกระทบต่อผมมาก กับตุ๊กก็มีผลกระทบ มันเป็นเรื่องที่ไม่

อยากจะพูด และยังไม่พร้อมที่จะพูด แต่ถ้าเกิดปล่อยให้ช้าเนิ่นนาน ก็จะโดนหาว่าหนีหน้าหรือเปล่า ตอนนี้มันก็ไม่ได้เหมือนว่าทำใจได้แล้ว มันอยู่ที่ว่าต้องทำอะไรมากกว่า หน้าที่ของเราตอนนี้คือทำอะไรมากกว่า และเรื่องแบบนี้มันมีผลกระทบต่อลูกอยู่แล้ว จะทำอย่างไรให้มีผลกระทบให้น้อยที่สุด''

ส่วนเรื่องที่มีข่าวออกมาก่อนหน้านี้ว่าวันที่ทั้ง 2 คนเดินทางไปหย่าแล้ว ''ตุ๊ก'' เป็นลมล้มพับนั้น ''บ๊วยปฏิเสธว่าไม่จริง เป็นเรื่องเข้าใจผิด โดยแจงว่าในวันดังกล่าวตุ๊กได้เดินทางไปตรวจสุขภาพพอดี และไม่ได้เป็นลมล้มพับแต่อย่างใด'' ''เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เข้าใจผิด ตุ๊กไม่ได้รับโทรศัพท์ ตุ๊กเข้าโรงพยาบาลไปตรวจร่างกายพอดีครับ แล้วก็ไม่ได้เป็นลมแต่อย่างใดครับ'' 2 พิธีกร ''อ้น-ศรีพรรณ'' และ ''ไก่-สมพล'' ถาม ''บ๊วย'' ต่อว่า ''จริงๆ แล้วเหมือนสถานการณ์ต่างกำลังดีแล้ว ทำไมอยู่ๆ จึงตัดสินใจหย่า ปัญหาที่แท้จริงคืออะไร'' กับคำถามนี้ ''บ๊วย'' ปฏิเสธที่จะตอบโดยอ้างว่า มันเลยจุดดังกล่าวมาแล้วที่จะย้อนไปพูดถึง พร้อมกับยืนยันว่าความสัมพันธ์ตนกับอดีตภรรยานั้นยังดีอยู่เหมือนเดิม โดยเป็นในลักษณะพ่อและแม่ของลูกที่จะช่วยดูแลกัน ''เอาเป็นว่าถ้าตอนนี้พูดอะไรไปอีก มันก็เหมือนการที่ย้อนกลับไปพูดเรื่องเดิมๆ อีก มันก็เกิดผลกระทบ มันข้ามตรงนั้นมาแล้ว แล้วตอนนี้สัมพันธ์ผมกับตุ๊กดีมาก เราไม่ได้โกรธกัน และสัมพันธ์ตอนนี้เรามีความสัมพันธ์กันแบบพ่อแม่ของลูก

และเราจะเป็นแบบนี้ตลอดชีวิตครับ ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงได้ครับ ทุกอย่างมันดีขึ้นและดีขึ้นจริงๆ ครับ ถึงตอนนี้ผมคุยกับตุ๊กได้ทุกอย่าง โดยเฉพาะเรื่องลูก เราเลี้ยงลูกไปในทิศทางเดียวกัน ตกลงปรึกษากัน จังหวะชีวิตของลูกในทุกๆ วันความสัมพันธ์ของเราดีขึ้นจริงๆ''

''ตอนนี้ผมอยู่บ้านแม่ครับ ตอนนี้ตุ๊กอยู่บ้านที่รามอินทรา เวลาที่ผมจะกลับเข้าบ้าน ผมจะบอกตุ๊กว่าผมกำลังจะเข้าไปนะ เพื่อให้เขารู้ เพราะว่าเราไม่ได้อยู่กันในฐานะสามีภรรยากันแล้ว เพื่อให้เขารู้ว่ากำลังจะมีใครมา'' ส่วนข่าวลือที่หาว่าทั้ง ''ตุ๊ก'' และ ''บ๊วย'' ไม่สามารถแบ่งเรื่องทรัพย์สินได้ลงตัว เกี่ยวกับเรื่องนี้ ''บ๊วย'' แจงว่าตนนั้นไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องของทรัพย์สินเท่าไหร่นัก เพราะมองเป็นเรื่องนอกกาย เรื่องที่สำคัญและเป็นเรื่องที่ทั้งคู่

คุยกันคือเรื่องของลูกมากกว่า ตนจะเป็นคนส่งเสียเลี้ยงดู ส่วนตุ๊กเป็นคนเลี้ยงลูก โดยตนเชื่อว่าผู้เป็นแม่น่าจะเลี้ยงลูกได้ดีกว่า ตนสามารถเจอลูกได้ตลอดเวลา จากการตกลงกับตุ๊ก

''เรื่องทรัพย์สินเป็นเรื่องของภายนอกมากเลย ผมกับตุ๊กรักลูกมาก เราคุยกันว่าเราจะเลี้ยงลูกอย่างไร แบ่งเวลากันยังไงมากกว่า ตรงนี้คือประเด็นสำคัญหลักมากกว่า แล้วลูกผมให้ตุ๊กเป็นหลักในการดูแลได้เลย เพราะผมคิดว่าแม่น่าจะดูลูกได้ดีกว่า ส่วนผมก็รับผิดชอบในหน้าที่ของพ่อ ส่งเสียเลี้ยงดูไปครับ''


''แล้วในเรื่องของการเจอลูก ''ตุ๊ก'' ก็อนุญาตให้ผมเจอลูกได้ตลอดเวลา ตรงนี้ผมก็ต้องขอบคุณตุ๊กด้วย ที่เข้าใจว่าผมก็รักลูก อยากเจอลูกตลอดเวลาเหมือนกัน ตั้งแต่หย่ามา ผมก็ยังทำอะไรได้เหมือนเดิมทุกอย่าง แต่เรื่องนี้ลูกไม่ทราบ

หรอกครับ เพราะผมจะพูดให้น้อยที่สุด เพื่อให้กระทบต่อลูกให้น้อยที่สุดครับ ให้ลูกได้รู้ตอนวุฒิภาวะที่จะรู้ดีกว่า เพราะผมจะพูดให้น้อยที่สุด เพราะยิ่งพูดมันก็ยิ่งมีกระแสเข้ามาอีก''

ไม่รับและไม่ปฏิเสธ กรณีที่ ''บ๊วย'' ขอหย่า ''ตุ๊ก'' หลังคลอด ''น้องภูมิ'' ลูกคนเล็กได้ 20 วัน อ้างเป็นเรื่องของคนสองคน ''เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าเรื่องอะไรก็แล้วแต่ มีเพียงผมกับตุ๊กเท่านั้นที่รู้ มันเป็นเรื่องของคนสองคน และผมก็ไม่รู้ว่าข่าวแบบนี้มันออกมายังไง มันออกมาจากปากใคร ใครจะบอกว่าผมรักลูกคนนี้ไม่เท่าคนนี้ ใครจะรู้ความรู้สึกผมครับ'' นอกจากนี้บ๊วยยังได้แก้ข่าวที่ว่าจะดูแลแต่ลูกคนโต ลูกคนเล็กไม่ดูแลเพราะไม่สนิท โดยบอกว่ารักลูกทุกคนเท่ากัน ส่วนโอกาสในอนาคตที่ทั้งคู่จะกลับมาคืนดีกัน ''บ๊วย'' บอกให้เป็นเรื่องอนาคต ''คนเป็นพ่อเป็นแม่รักลูกไม่เท่ากันอยู่แล้วครับ ลูกคนนึงฉอเลาะ รักนะ รักเท่ากันแหละครับ แต่รักคนละแบบ อย่างภูมิตอนนี้ก็เล่นจุ๊บเหม่ง มันเป็นเรื่องของความรู้สึก ใครจะคิดยังไงก็ได้ แต่ผมรู้ว่าผมรักลูกอย่างไร และผมรู้สึกยังไง ผมทำอะไรอยู่ ย้ำเลยนะครับว่าผมไม่ได้โกรธกัน ความสัมพันธ์ดีขึ้นเรื่อยๆ เราคุยกันตลอด อย่างวันนี้ผมก็บอกว่า วันนี้พี่ให้สัมภาษณ์นะ (ในอนาคตมีโอกาสกลับมาคืนดีไหม) ปล่อยให้เป็นเรื่องของอนาคต แต่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้คือความเป็นพ่อเป็นแม่ของลูกตลอดชีวิต เพราะเรามีเป้าหมายเดียกันคือลูก เรื่องวางแผนอนาคต ผมก็อยู่กับปัจจุบันครับ ''ตุ๊ก'' กับผมก็

บอบช้ำ ตุ๊กบอบช้ำอย่างหนึ่ง ผมก็บอบช้ำอย่างหนึ่ง บางทีชีวิตมันไม่ได้มีแค่ขาวกับดำ ตอนนี้ที่ผมเจอคือ ถ้าไม่ดีก็เลวไปเลย จริงๆ มันมีเส้นสีเทาๆ''

ในขณะที่สัมภาษณ์ ''บ๊วย'' ได้หยิบหนังสือพิมพ์บันเทิงฉบับหนึ่งขึ้นมาซึ่งลงข่าว ''บ๊วย'' ว่ามีสาวคนใหม่ไปนั่งเฝ้าที่ร้านไก่ทอดเดชา ธุรกิจของเจ้าตัวซึ่ง ''บ๊วย''ได้ชี้แจงในเรื่องนี้ว่า สาวคนดังกล่าวเป็นเพียงแฟนเก่าของรุ่นน้องที่รู้จักกันไม่ได้มีอะไรไปมากกว่านั้น
''ทุกวันนี้ผมทำอะไรก็เป็นข่าว อย่างเช่นข่าวในหนังสือพิมพ์ น้องผู้หญิงคนนี้ชื่อแก้ว รู้จักจริง แล้วเป็นแฟนเก่าของน้องผม แล้วเขาไปช่วยงานที่ร้าน แล้วก็มีการพูดคุยธรรมดา คืออย่าไปคิดว่าผมมีเรื่องแบบนี้ต้องเศร้าอยู่ตลอดเวลา การที่เศร้าหรือไม่เศร้า เราไม่ต้องไปบอกใครตลอดเวลา ผมถึงบอกว่าชีวิตไม่ได้มีแค่ขาวกับดำ มันมีเส้นเทาๆ และความรู้สึกของผมไม่จำเป็นที่จะต้องไปบอกใคร ผมทำหน้าที่ของผมให้ดีที่สุดทำหน้าที่ของพ่อให้ดีที่สุด ทำหน้าที่อดีตสามีที่จะคอยดูแลอดีตภรรยาให้ดีที่สุด''


สุดท้าย 2 เพื่อนพิธีกร ได้ถามคำถามถึงสาเหตุที่ทำให้ชีวิตคู่ของทั้ง ''บ๊วย'' และ ''ตุ๊ก'' มีอันต้องพังลงว่าเป็นเพราะมือที่สามหรือไม่ ซึ่ง ''บ๊วย'' กล่าวยืนยันแบบหนักแน่นว่า ไม่ใช่เรื่องดังกล่าวแน่นอน ตนไม่ว่าอะไรหากใครจะมองตนไม่ดีแต่ขออย่างเดียวว่าอย่ามองตนไม่รักลูก

''เรื่องมือที่สาม ไม่มีแน่นอนครับ ไม่เกี่ยวข้อง เป็นการตัดสินใจของผมกับตุ๊กครับ ใครจะมองว่าผมไม่ดีก็ได้ แต่อย่ามองว่าผมไม่รักลูก ขออย่างเดียวอย่าคิดว่าผมไม่รักลูกเท่านั้นเอง (ร้องไห้) ผมไม่ได้ฆ่าคนนะครับ คือผมรับไม่ได้ไง ที่คนมองว่าผมไม่รักลูก กับตุ๊กผมก็รัก และต้องแคร์ความรู้สึกในฐานะที่เป็นแม่ของลูก และยังรับผิดชอบเหมือนเดิม''
''ลูกต้องอยู่ในโรงเรียน เป็นเรื่องของสังคม ก็อยากให้กระทบต่อลูกให้น้อยที่สุด ขอสัมภาษณ์เป็นครั้งสุดท้าย เข้าใจว่าเป็นการทำข่าว แต่นั่นแหละพูดไปแล้วนะครับ ผมไม่อยากพูดถึงแล้ว ไม่ได้เอามาอ้างจะให้ตัวเองรอดหรืออะไรนะครับ

ขอให้เข้าใจ เอาใจเขามาใส่ใจเราบ้าง บอกแล้วว่าเรื่องเป็นอย่างไร ก็น่าจะจบ ขอบคุณครับ''
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากให้สัมภาษณ์ในรายการเสร็จ เจ้าตัวก็รีบเดินออกจากสตูดิโอไปเลย โดยที่ไม่ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวต่อแต่อย่างใด ช่วงเย็นวันเดียวกัน บ๊วยได้โพสต์ข้อความลงในอินสตาแกรมอธิบายสิ่งที่ตนพูดไปว่ารักลูกไม่เท่ากันนั้นหมายความว่าอย่างไร โดยมีข้อความดังต่อไปนี้ ''ประกาศ!! ณ ตรงนี้เลยนะครับ ที่ผมบอกว่า ''พ่อแม่รักลูกไม่เท่ากัน'' หมายถึง รักคนละแบบนะครับ ไม่มีบอกว่ารักใครมากกว่าใคร ผมรักลูกทั้งสองคนมาก ทั้งภูมิ ทั้งแพรว รักมากกกเท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะรักได้ ไม่ชอบผม โปรดอย่า Follow เพราะคุณเองจะอารมณ์ขุ่นมัว ผมก็ยังเป็นพ่อที่รักลูกมากเหมือนเเดิม ขอบคุณที่สงสารลูกผมครับ''

www.siamsport.co.th

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม