วันจันทร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ชวลิต หวั่นผล ศาลรัฐธรรมนูญยุติการวินิจฉัยมาตรา 68

ที่ริเวอร์ไรน์คอนโดมิเนียม จ.นนทบุรี พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เปิดแถลงข่าวเรียกร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญยุติการวินิจฉัยมาตรา 68 กรณีล้มล้างการปกครองในระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขว่า ไม่ว่าคำตัดสินจะเป็นอย่างไรก็จะเกิดความเสียหายต่อบ้านเมืองขึ้นทันที และจะเป็นชนวนเหตุให้เกิดความขัดแย้งรอบใหม่ที่รุนแรงขึ้น จนนำไปสู่การที่คนไทยลุกขึ้นจับอาวุธต่อสู้กันอีก ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญก็รู้ว่ามันจะต้องเกิด ดังนั้นในฐานะที่ศาลรัฐธรรมนูญเป็นอำนาจอธิปไตยอย่างหนึ่ง ก็สามารถที่จะหยุดยั้งหรือมีทางออกให้กับประเทศได้ ถ้าคำตัดสินนั้นไม่เกิดขึ้นก็จะทำให้ความขัดแย้งที่จะเกิดขึ้นในระยะเวลาอันใกล้นี้ก็ยุติลงได้

“ตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 โดยคณะราษฎร ที่ต้องการให้เกิดการปกครองในระบบประชาธิปไตย แต่หลังจากนั้นอีก 16 ปี ความขัดแย้งก็เกิดขึ้น แม้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯพระปกเกล้าฯ ท่านทรงช่วยทุกอย่างที่ต้องการให้บ้านเมืองเกิดประชาธิปไตย แต่ก็ไม่สามารถทำให้เกิดขึ้นได้ จนเป็นที่มาของการสละราชสมบัติ ซึ่งความขัดแย้งก็ยังมีอยู่ต่อไป จนเกิดการแตกหักมีการจับอาวุธขึ้นมาต่อสู้กัน เป็นเหตุให้มีการหนีเข้าป่า ขณะนี้ประเทศไทยกำลังกลับเข้าสู่วงรอบเดิมที่ 40 ปี ประเทศไทยจะต้องเกิดความรุนแรงครั้งใหญ่ขึ้น และทุกคนในประเทศต่างห่วงและกังวล กลัวว่าเหตุการณ์และจะเข้าสู่วงรอบความรุนแรงนั้นในเร็ว ๆ นี้ เพราะจากที่เห็นภาพการไต่สวนในศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 5-6 ที่ผ่านมา เป็นบรรยากาศที่น่ากลัวมาก ว่าประเทศไทยจะต้องประสบกับความล่มจม ซึ่งจริง ๆ แล้วประเทศไทยไม่เคยมีการปกครองในระบบประชาธิปไตยที่แท้จริงเลย"อดีตนายกรัฐมนตรีกล่าว

พล.อ.ชวลิตกล่าวต่อว่า ประเทศไทยไม่เคยปกครองด้วยระบบประชาธิปไตยที่แท้จริงเลย ศาลรัฐธรรมนูญควรใช้โอกาสนี้เรียกทั้งสองฝ่ายมาชี้แจง และช่วยกันหาทางออกว่าจะทำอย่างไรให้เกิดประชาธิปไตยที่แท้จริงได้ โดยเป็นอำนาจที่มาจากประชาชน และท่ามีความตั้งใจจริงเพียงชั่วข้ามคืนก็สามารถเกิดขึ้นได้ แล้วค่อยแก้รัฐธรรมนูญกันภายหลังเมื่อเกิดบรรยากาศที่เป็นประชาธิปไตยแล้ว เมื่อนั้น พ.ร.บ.ปรองดองไม่ต้องมีก็ได้

อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า อำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร และอำนาจตุลาการ ทั้ง 3 อำนาจต้องถ่วงดุลกัน แต่ในประเทศไทยใช้การปกครองในระบบรัฐสภา โดยรัฐสภาที่มาจากเสียงส่วนใหญ่ของประเทศเป็นผู้เลือกฝ่ายบริหาร และเสียงส่วนใหญ่ในประเทศขณะนี้มีการเรียกร้องประชาธิปไตยกันมาก จะเห็นได้จากเวทีของคนเสื้อแดงเมื่อวันที่ 27 มิ.ย. ที่ผ่านมา ก็ยังเรียกร้องว่า 80 ปี ยังไม่เกิดประชาธิปไตย และแม้แต่คนเสื้อเหลืองหรือเสื้อขาวก็ยังเรียกร้องให้ยุติระบบเผด็จการรัฐสภา ดังนั้นศาลรัฐธรรมนูญจะต้องทำในสิ่งที่ถูกต้อง คือยังไม่ต้องวินิจฉัยในประเด็นมีการล้มล้างระบบการปกครองหรือไม่ ศาลรัฐธรรมนูญควรทำหน้าที่สืบสวนเพื่อให้แน่ใจเสียก่อนว่า มีการกระทำเช่นนี้เกิดขึ้นจริง จึงถือว่าจะเป็นการทำหน้าที่ของตุลาการอย่างสมบูรณ์ในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งของบ้านเมือง เพื่อไปสู่ทางออกที่ทุกฝ่ายร่วมมือกันได้ โดยไม่ต้องมีการออกมาเดินขบวนกดดันใช้ความรุนแรงเข้าแก้ไขปัญหากันอีก

“ผมมั่นใจว่าศาลรัฐธรรมนูญสามารถทำได้ที่จะหยุดยั้งวิกฤตความรุนแรงของประเทศ เพราะเมื่อเกิดความรุนแรงแต่ละครั้ง กว่าจะแก้ไขให้กลับคืนมาได้ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 20 ปี ขึ้นไป ในอดีตที่ประเทศถูกแบ่งแยกโดยลัทธิคอมมิวนิสต์ ซึ่งขณะนั้นเป็นปัญหาใหญ่โตมากลุกลามไปทั้งภูมิภาค ประเทศไทยเป็นผู้นำที่เข้าไปช่วยเหลือ ลาว เขมร พม่า จนขณะนี้ประเทศเหล่านี้มาเป็นอาเซียน แต่ประเทศไทยกลับไม่เหลือความยิ่งใหญ่อะไรแล้ว เพราะเรามัวแต่ทะเลาะกัน เถียงกันกับสิ่งที่มันอยู่ในกระดาษ แต่ไม่เคยเกิดขึ้นจริงในแผ่นดินไทย อย่างไรก็ตามรัฐบาลต้องค่อย ๆ หาทางแก้ไข ตนเชื่อว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เอาอยู่ และจะทำให้ปัญหาต่าง ๆ คลี่คลายได้ รู้อย่างนี้มีนายกรัฐมนตรีเป็นผู้หญิงมาตั้งนานแล้ว เพราะเป็นคนเก่งมีความสามารถและสวยน่ารักด้วย



www.dailynews.co.th

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม