กรุงเทพฯ 20 พ.ค. - นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จำนวน 443 บริษัท หรือร้อยละ 93.26 ของบริษัทจดทะเบียนทั้งหมด 475 บริษัท ได้นำส่งผลการดำเนินงานงวดสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2555 แล้ว โดยมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นใน 3 กลุ่มอุตสาหกรรม คือ กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร กลุ่มบริการ และกลุ่มทรัพยากร เฉลี่ยเพิ่มขึ้นร้อยละ 22.25 ในไตรมาส 1 ปี 2555 มียอดขายเติบโตเพิ่มสูงขึ้นในทุกกลุ่มอุตสาหกรรมเท่ากับ 2,501,279 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 18.64 และมีกำไรสุทธิรวม 212,318 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดไตรมาส 4 ปี 2554 ถึงร้อยละ 197.33 อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรลดลงร้อยละ 5.09 โดยมีบริษัทที่มีกำไรสุทธิ 301 บริษัท คิดเป็นร้อยละ 67.34 ของบริษัทที่ส่งงบทั้งหมด
“ยอดขายของ บจ. งวดไตรมาส 1 ปี 2555 ได้เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน และงวดไตรมาส 4 ปีที่ผ่านมา สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจของประเทศที่ฟื้นตัวอย่างรวดเร็วหลังประสบอุทกภัย ซึ่งยอดขายที่เพิ่มกระจายไปทุกหมวดธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคและการลงทุนในประเทศมียอดขายเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่น เช่น หมวดธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ธนาคารพาณิชย์ วัสดุก่อสร้าง และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร นอกจากนี้ หมวดธุรกิจยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วมเห็นสัญญาณการฟื้นตัวจากยอดขายของไตรมาส 1 ที่เพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 4 ที่ผ่านมา” นายจรัมพร กล่าว
ส่วนเรื่องที่ต้องคอยติดตามคือ ความสามารถในการทำกำไรของ บจ. เพราะตั้งแต่ไตรมาส 2 ปีที่ผ่านมา บจ. ส่วนใหญ่มีต้นทุนขายเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ในไตรมาส 1 ของปีนี้เริ่มเห็นความสามารถในการปรับตัวของ บจ. ทั้งด้านยอดขายและต้นทุนที่ดีขึ้น โดยสามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นได้ใกล้เคียงกับไตรมาส 4 ปี 2554 ที่ผ่านมา
บริษัทจดทะเบียนที่มีกำไรสุทธิสูงสุด 5 อันดับแรก คือ บมจ.ปตท. (PTT) บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) บมจ. เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) บมจ. ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) และ บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC)
ขณะที่กลุ่มอุตสาหกรรม 3 อันดับแรกจาก 8 กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีกำไรสูงสุดในช่วงไตรมาสแรกของปี 2555 ได้แก่ กลุ่มทรัพยากร กลุ่มธุรกิจการเงิน และกลุ่มบริการ
สำหรับหมวดธุรกิจที่มีกำไรรวมสูงสุด 3 อันดับแรก จาก 27 หมวดธุรกิจ ได้แก่ หมวดพลังงานและสาธารณูปโภค หมวดธนาคาร หมวดอาหารและเครื่องดื่ม โดยทั้ง 3 หมวดมีกำไรสุทธิรวม 138,968 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 65.45 ของกำไรสุทธิรวมทั้งหมด โดยยอดขายรวมของทั้ง 3 หมวดคิดเป็นร้อยละ57.57 ของยอดขายรวมทั้งหมด .- สำนักข่าวไทย
www.mcot.net
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น