วันศุกร์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

กรณีปลาบู่ชนเขื่อน กับ เศรษฐกิจ "ฟื้นตัว" ใต้ธง "ยิ่งลักษณ์"

แล้ววาทกรรม "แพงทั้งแผ่นดิน" อันมาจากพรรคประชาธิปัตย์ ก็ค่อยๆ แผ่วเสียง โรยราลง กระทั่งเป็นไปได้ว่าจะยุติบทบาท

มิใช่เพราะปรากฏการณ์ "ปลาบู่ชนเขื่อน"

หากแต่เป็นเพราะการประสานเสียงอย่างพร้อมเพรียงกันทั้งภาคเอกชนอย่าง นายชาตรี โสภณพนิช บอสใหญ่จากแบงก์กรุงเทพ และภาครัฐอย่าง นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ

ว่า เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว

"ราคาสินค้าที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นช่วงนี้ไม่ได้มีปัญหาต่อเศรษฐกิจเนื่องจากค่าครองชีพที่ปรับสูงขึ้นแต่รายได้ของประชาชนก็เพิ่มขึ้นด้วย ถือว่าเป็นการปรับที่มีการสมดุลกัน"

เป็นบทสรุปสั้นกระชับจาก นายชาตรี โสภณพนิช

เมื่อประสานเข้ากับบทสรุปจากที่ประชุมในการจัดทำรายงานแนวโน้มเงินเฟ้อของธนาคารแห่งประเทศไทย ก็ทำให้การไล่จี้จากพรรคประชาธิปัตย์ต้องคลายมนต์ขลัง

เหมือนอาการนะจังงัง เงียบสนิท ไม่ว่าจะมาจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ไม่ว่าจะมาจากสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ซึ่งเคยเป็นลูกคู่ให้กับพรรคประชาธิปัตย์มาอย่างต่อเนื่อง

นะจังงังในความขลังของธนาคารแห่งประเทศไทย

ในความเห็นของ นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย

ขณะนี้เห็นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยชัดเจนทั้ง 4 ด้าน ทั้งด้านการผลิต การใช้จ่าย การลงทุนและการส่งออก

โดยด้านการอุปโภคบริโภคและการลงทุน ตัวเลขล่าสุดขยายตัวสูงกว่าในช่วงก่อนเกิดอุทกภัย ขณะที่การส่งออกและการผลิตกำลังฟื้นตัว ทำให้เห็นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาสแรกและเชื่อว่าน่าจะยังขยายตัวได้ดีในระยะต่อไป

สอดรับกับ นายไพบูลย์ กิตติศรีกังวาน ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายการเงิน ธปท.

การประเมินภาพเศรษฐกิจล่าสุดของธนาคารแห่งประเทศไทยพบว่า เศรษฐกิจไทยในช่วงต่อไปยังขยายตัวได้ดีกว่าที่ธนาคารแห่งประเทศไทยคาดการณ์ไว้ เชื่อว่าในช่วงที่เหลือของปีนี้น่าจะขยายตัวได้ในระดับที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประมาณการคือ ประมาณร้อยละ 6

ยิ่งกว่านั้น สำนักงานคณะกรรมการสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติยังระบุเศรษฐกิจไทยไตรมาส 1 ปี 2555 ขยายตัวอย่างอ่อนๆ แค่ร้อยละ 0.3

นี่ย่อมส่งผลสะเทือนอย่างลึกซึ้งไปยังประมาณการของธนาคารแห่งประเทศไทย

นี่ย่อมทำให้พรรคประชาธิปัตย์และพันธมิตรอย่างเช่น สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ต้องเงียบเสียงลง

ยิ่งกว่าอาการของ "ปลาบู่ชนเขื่อน" หลายเท่า

ถึงแม้ว่าในความเห็นของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ระหว่างอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2556 จะถือว่า

เป็น "ภาพลวงตา"

แต่ภาพลวงตานี้ก็ได้รับการยืนยันจากบอสใหญ่แบงก์กรุงเทพ ได้รับการยืนยันจากสำนักงานคณะกรรมการสภาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ

ยิ่งกว่านั้น ธนาคารแห่งประเทศไทยก็เกิดการขยับตัว

เพราะว่าธนาคารแห่งประเทศไทยประมาณการเศรษฐกิจไทยไตรมาส 1 ปี 2555 ว่าจะขยายตัวติดลบร้อยละ 1.7 เมื่อสำนักงานคณะกรรมการสภาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติระบุว่า ขยายตัวร้อยละ 0.3

"จึงจำเป็นต้องมีการประเมินประมาณการใหม่"

ถามว่าที่เศรษฐกิจไทยขยายตัวเพราะอะไร เพราะไม่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตหนี้สาธารณะของยุโรปกระนั้นหรือ

หรือเพราะว่า 1 รากฐานเศรษฐกิจไทยแข็งแกร่งสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วขณะเดียวกัน 1 เพราะนโยบายกระตุ้นและการริเริ่มเพื่อสร้างความมั่นใจ

เป็นความมั่นใจภายในห้วงเวลา 9 เดือน

ความสำเร็จจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจไตรมาส 1 เช่นนี้ไม่น่าจะเป็นเรื่องโชคช่วย

ยากเหลือเกินที่พรรคประชาธิปัตย์จะยอมรับ ยากเหลือเกินที่นักวิชาการเสื้อเหลืองจะยอมรับ ยากเหลือเกินที่หอการค้า และสภาอุตสาหกรรมจะยอมรับด้วยความเต็มใจ

เต็มใจว่าเป็นฝีมือของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในฐานะนายกรัฐมนตรี

www.matichon.co.th

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม