แล้ววาทกรรม "แพงทั้งแผ่นดิน" อันมาจากพรรคประชาธิปัตย์ ก็ค่อยๆ แผ่วเสียง โรยราลง กระทั่งเป็นไปได้ว่าจะยุติบทบาท
มิใช่เพราะปรากฏการณ์ "ปลาบู่ชนเขื่อน"
หากแต่เป็นเพราะการประสานเสียงอย่างพร้อมเพรียงกันทั้งภาคเอกชนอย่าง นายชาตรี โสภณพนิช บอสใหญ่จากแบงก์กรุงเทพ และภาครัฐอย่าง นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ว่า เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว
"ราคาสินค้าที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นช่วงนี้ไม่ได้มีปัญหาต่อเศรษฐกิจเนื่องจากค่าครองชีพที่ปรับสูงขึ้นแต่รายได้ของประชาชนก็เพิ่มขึ้นด้วย ถือว่าเป็นการปรับที่มีการสมดุลกัน"
เป็นบทสรุปสั้นกระชับจาก นายชาตรี โสภณพนิช
เมื่อประสานเข้ากับบทสรุปจากที่ประชุมในการจัดทำรายงานแนวโน้มเงินเฟ้อของธนาคารแห่งประเทศไทย ก็ทำให้การไล่จี้จากพรรคประชาธิปัตย์ต้องคลายมนต์ขลัง
เหมือนอาการนะจังงัง เงียบสนิท ไม่ว่าจะมาจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ไม่ว่าจะมาจากสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ซึ่งเคยเป็นลูกคู่ให้กับพรรคประชาธิปัตย์มาอย่างต่อเนื่อง
นะจังงังในความขลังของธนาคารแห่งประเทศไทย
ในความเห็นของ นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย
ขณะนี้เห็นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยชัดเจนทั้ง 4 ด้าน ทั้งด้านการผลิต การใช้จ่าย การลงทุนและการส่งออก
โดยด้านการอุปโภคบริโภคและการลงทุน ตัวเลขล่าสุดขยายตัวสูงกว่าในช่วงก่อนเกิดอุทกภัย ขณะที่การส่งออกและการผลิตกำลังฟื้นตัว ทำให้เห็นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาสแรกและเชื่อว่าน่าจะยังขยายตัวได้ดีในระยะต่อไป
สอดรับกับ นายไพบูลย์ กิตติศรีกังวาน ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายการเงิน ธปท.
การประเมินภาพเศรษฐกิจล่าสุดของธนาคารแห่งประเทศไทยพบว่า เศรษฐกิจไทยในช่วงต่อไปยังขยายตัวได้ดีกว่าที่ธนาคารแห่งประเทศไทยคาดการณ์ไว้ เชื่อว่าในช่วงที่เหลือของปีนี้น่าจะขยายตัวได้ในระดับที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประมาณการคือ ประมาณร้อยละ 6
ยิ่งกว่านั้น สำนักงานคณะกรรมการสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติยังระบุเศรษฐกิจไทยไตรมาส 1 ปี 2555 ขยายตัวอย่างอ่อนๆ แค่ร้อยละ 0.3
นี่ย่อมส่งผลสะเทือนอย่างลึกซึ้งไปยังประมาณการของธนาคารแห่งประเทศไทย
นี่ย่อมทำให้พรรคประชาธิปัตย์และพันธมิตรอย่างเช่น สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ต้องเงียบเสียงลง
ยิ่งกว่าอาการของ "ปลาบู่ชนเขื่อน" หลายเท่า
ถึงแม้ว่าในความเห็นของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ระหว่างอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2556 จะถือว่า
เป็น "ภาพลวงตา"
แต่ภาพลวงตานี้ก็ได้รับการยืนยันจากบอสใหญ่แบงก์กรุงเทพ ได้รับการยืนยันจากสำนักงานคณะกรรมการสภาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ยิ่งกว่านั้น ธนาคารแห่งประเทศไทยก็เกิดการขยับตัว
เพราะว่าธนาคารแห่งประเทศไทยประมาณการเศรษฐกิจไทยไตรมาส 1 ปี 2555 ว่าจะขยายตัวติดลบร้อยละ 1.7 เมื่อสำนักงานคณะกรรมการสภาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติระบุว่า ขยายตัวร้อยละ 0.3
"จึงจำเป็นต้องมีการประเมินประมาณการใหม่"
ถามว่าที่เศรษฐกิจไทยขยายตัวเพราะอะไร เพราะไม่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตหนี้สาธารณะของยุโรปกระนั้นหรือ
หรือเพราะว่า 1 รากฐานเศรษฐกิจไทยแข็งแกร่งสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วขณะเดียวกัน 1 เพราะนโยบายกระตุ้นและการริเริ่มเพื่อสร้างความมั่นใจ
เป็นความมั่นใจภายในห้วงเวลา 9 เดือน
ความสำเร็จจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจไตรมาส 1 เช่นนี้ไม่น่าจะเป็นเรื่องโชคช่วย
ยากเหลือเกินที่พรรคประชาธิปัตย์จะยอมรับ ยากเหลือเกินที่นักวิชาการเสื้อเหลืองจะยอมรับ ยากเหลือเกินที่หอการค้า และสภาอุตสาหกรรมจะยอมรับด้วยความเต็มใจ
เต็มใจว่าเป็นฝีมือของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในฐานะนายกรัฐมนตรี
www.matichon.co.th
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น