กสทช.-รัฐบาล เลือกระบบยุโรป แจ้งเกิดทีวีดิจิตอลในเมืองไทย ขณะที่แผนสนับสนุนผู้บริโภคยังไม่ชัด ย้ำปีนี้เริ่มออกอากาศ
พ.อ.นที ศุกลรัตน์ รองประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และประธานกรรมการกิจการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) บอร์ดกระจายเสียงฯ กล่าวว่า กสทช.ตัดสินใจเลือกระบบ DVB-T2 (ระบบยุโรป) สำหรับออกอากาศทีวีดิจิตอลภาคพื้นดิน ในประเทศไทย โดยเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบแล้วในการประชุมครม.เมื่อวันที่ 20 พ.ค.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ การเลือกระบบการออกอากาศทีวีดิจิตอล ได้รับการเห็นชอบจากที่ประชุมคณะอนุกรรมการและเป็นมติกสทช.ครั้งที่ 16/2555 โดยเห็นว่าเป็นระบบที่มีความเหมาะสมทั้งความก้าวหน้าของเทคโนโลยี การใช้คลื่นความถี่ที่มีประสิทธิภาพ จำนวนช่องที่มากพอในการจัดสรรให้กับการประกอบการแต่ละประเภท คุ้มค่าในการกระบวนการผลิตที่ทำให้ต้นทุนไม่สูงมากจนส่งผลกระทบต่อประชาชน สำหรับราคากล่องรับสัญญาณ (Set Top Box) ของทีวีดิจิตอลระบบนี้อยู่ที่ประมาณ 25-30 เหรียญสหรัฐ
“ขณะนี้ยังไม่มีแผนที่ชัดเจนในรายละเอียดในเรื่องของการสนับสนุนเรื่องกล่องรับสัญญาณ แต่ไม่มีประเทศไหนที่รัฐบาลไม่สนับสนุนหรือช่วยเหลือในเรื่องเซต ท็อป บอกซ์ ต้องมีการสนับสนุนบางส่วน อาทิ ในรูปแบบคูปองส่วนลด เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงระบบใหม่ได้มากที่สุด โดยที่ประชาชนไม่เดือดร้อน ซึ่งยังมีเวลาพิจารณาจนถึงปี 2558 จึงจะเริ่มยุติการออกอากาศในระบบเดิม ส่วนปลายปีนี้จะเริ่มระบบการออกอากาศทีวีดิจิตอล” พ.อ.นทีกล่าว
สำหรับแผนการดำเนินงานหลังจากนี้ กสท.จะต้องไปพิจารณาวางกฎเกณฑ์ เงื่อนไขต่างๆ ในการให้ใบอนุญาตทีวีดิจิตอล แผนการจัดสรรคลี่นความถี่สำหรับกิจการประเภทต่างๆ โดยต้องกำหนดสัดส่วนอย่างน้อย 20 ให้กับภาคประชาชน รวมทั้งกำหนดเงื่อนไขที่จะทำให้เกิดการแข่งขันอย่างเสรีและเป็นธรรมของผู้ประกอบการ และการทำความเข้าใจกับประชาชนต่อไป
นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลพร้อมสนับสนุนแผนการเปลี่ยนผ่านของระบบโทรทัศน์ในประเทศไทยจากระบบอนาล็อกไปสู่ดิจิตอลอย่างเต็มที่ และเป็นหนึ่งในนโยบายหลักของรัฐบาลที่ได้แถลงต่อรัฐสภา เหตุผลของการเลือกระบบนี้เพราะเป็นระบบที่ทันสมัยและมีประชาชนนิยมใช้มากที่สุด เชื่อมโยงกับประเทศต่างๆในอาเซียน อุปกรณ์มีราคาถูก
ส่วนแผนงานสนับสนุนในเรื่องเซต ท็อป บอกซ์ เป็นเรื่องที่ทางกสทช.และรัฐบาลจะทำงานร่วมกันเพื่อให้ประชาชนเดือดร้อนน้อยที่สุด ซึ่งจะต้องพิจารณาต่อไป ในส่วนของช่อง 9 อสมทและช่อง 11 ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักนายกรัฐมนตรี ต้องปรับองค์กรให้พร้อมกับการเปลี่ยนผ่านไปสู่ทีวีระบบดิจิตอลเช่นเดียวกัน ทั้งในเรื่องการผลิตด้วยตนเอง ที่ต้องเพิ่มขีดความสามารถเพื่อรองรับการแข่งขันที่จะเกิดขึ้น
นายสุระ เกนทะนะศิล รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.อสมท กล่าวว่า ระบบการออกอากาศทีวีดิจิตอลแบบไหนมีความใกล้เคียงกันทั้งเทคโนโลยี ราคา และคุณภาพ แต่คำถามคือระบบไหนจะเหมาะกับประเทศไทยมากที่สุด นี่คือสิ่งที่ทำให้ต้องทดลองก่อนจะตัดสินใจเลือก เพราะฉะนั้น อยากให้กสทช.ทดลองและศึกษาการใช้งานในแต่ละระบบเสียก่อน เพราะการตัดสินใจเลือกไปแล้ว แต่หากพบข้อผิดพลาดจะไม่สามารถแก้ไขได้
www.posttoday.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น