วันพุธที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

Apartment 143 หนังสยองขวัญที่ใครๆ ต้องติดตาม

ขอต้อนรับสู่อพาร์ทเม้นท์หมายเลข 143 เมื่อพ่อ ลูกสาวคนโต และลูกชายคนเล็ก ย้ายเข้าไปอยู่ในห้องหมายเลขดังกล่าว ทั้งสามก็เริ่มพบกับเรื่องราวเหนือธรรมชาติ เสียงโทรศัพท์ที่ไม่มีผู้โทรจากปลายทาง เงาแปลกๆที่ก่อตัวขึ้น แสงสว่างจากจุดที่ดำมืด หลอดไฟที่ระเบิดอย่างไม่มีเหตุผล ในที่สุดพวกเขาก็ต้องเรียกทีมผู้เชี่ยวชาญเรื่องเหนือธรรมชาติเข้ามาร่วมกันค้นหาและพิสูจน์ และพยายามติดต่อกับสิ่งนั้น ซึ่งกลายเป็นจุดเริ่มต้นของความสยองที่ไม่มีวันหวนกลับ

Apartment 143 เป็นผลงานการสร้างและเขียนบทของ โรดริโก คอร์เทส ที่เพิ่งมีผลงานเรื่อง Buried นำแสดงโดย ไรอัน เรย์โนลด์ ที่เรื่องราวเกิดขึ้นเพียงแค่ในโลงแคบๆคนเดียวตลอดทั้งเรื่อง ซึ่งทำได้อย่างน่าตื่นเต้นและลุ้นระทึก หนังกำกับโดย คาร์เลส ทอร์เรนส์ ผู้กำกับหนังสั้นมือรางวัล โดยมีทีมงานคุณภาพ ไม่ว่าจะเป็นผู้กำกับภาพ ออสการ์ ดูแรน (Among Wolves, Bullet in the Head), ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย ฟราน ครูซ (Vicky Cristina Barcelona, [Rec]) และผู้คัดเลือกนักแสดง นิโคล แดเนียลส์ (Somewhere, Beginners)

Apartment 143 มีจุดเริ่มต้นมาจากการค้นคว้าหาข้อมูลของ โรดริโก คอร์เทส สำหรับการเขียนบทภาพยนตร์เรื่อง Red Lights (นำแสดงโดย โรเบิร์ต เดอนิโร, คิลเลี่ยน เมอร์ฟี่ย์ และ ซิกอร์นี่ย์ วีเวอร์) โดยในระยะเวลาตลอด 18 เดือน เขาก็ได้ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องราวเหนือธรรมชาติ สิ่งที่หาคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ไม่ได้ และเรื่องลี้ลับของพลังงานที่มองไม่เห็น ด้วยข้อมูลมหาศาลที่เขาเอาไว้ใช้กับโปรเจ็คที่ทะเยอทะยานอย่าง Red Lights คอร์เทส ก็ตัดสินใจที่จะนำเอาข้อมูลส่วนหนึ่ง มาเขียนบทภาพยนตร์อีกชิ้นเพื่อสร้างให้เป็นหนังสยองขวัญแบบเพียวๆ

เรื่องราวที่เกิดขึ้นใน Apartment 143 ถูกตั้งเอาไว้ง่ายๆ เมื่อครอบครัวหนึ่งต้องรับมือกับอันตรายที่ทั้งรุนแรงและหาคำอธิบายไม่ได้ เมื่อพวกเขาย้ายเข้าไปอยู่ในอพาร์ทเม้นท์หมายเลข 143 จนทำให้ต้องหาทีมงานเข้ามาตรวจสอบและเก็บข้อมูล เพื่อหวังที่จะหาคำอธิบายของความสยอง ทุกอย่างถูกบันทึกภาพภายในระยะเวลาสามวัน ตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน ภายในแนวทางที่ไม่ได้บอกนักแสดงให้รู้ล่วงหน้า ว่าพวกเขาจะต้องเจอกับอะไรบ้าง

ด้วยความที่ในขณะนั้น คอร์เทส มีหน้าที่กำกับ Buried ที่นำแสดงโดย ไรอัน เรยโนลด์ ทำให้เขาไม่สามารถควบหน้าที่กำกับหนังสองเรื่องได้ แต่เขาก็ได้วางโครงสร้างและแนวทางเอาไว้เรียบร้อย คอร์เทส ก็ได้มองหาผู้กำกับหน้าใหม่ที่มีความหลงไหลหนังสยองขวัญเข้ามากำกับ ซึ่งในที่สุดเขาก็ได้ คาร์เลส ทอร์เรนส์ ผู้กำกับหนังสั้นมือรางวัลจาก Delaney และ Coming to Town เข้ามารับหน้าที่ในการถ่ายทอดเรื่องราว โดยได้ทำการคัดเลือกนักแสดงจากทั้งในลอสแองเจลิส ลอนดอน และบาร์เซโลน่า โดยได้ทีมแคสติ้้ง นิโคล แดเนียลส์ และ คอร์ทนี่ย์ เชนิน ที่เคยมีผลงานในเรื่อง Somewhere ของ โซเฟีย คอปโปล่า และ Beginners ของ ไมค์ มิลส์ เข้ามาร่วมงาน

ในเดือนสิงหาคม ปี 2010 ในสภาพอากาศสุดร้อน และอพาร์ทเม้นท์ย่านดาวน์ทาวน์ในบาร์เซโลน่า ก็กลายเป็นสถานที่ที่เป็นต้นกำเนิดของความสยอง ทุกอย่างถูกจับภาพเอาไว้โดยกล้องทั้งหมด 16 ตัว ตั้งแต่กล้องที่มีความละเอียดสูงไปจนถึงกล้องไนท์แคม ตั้งแต่กล้องอัดม้วนวิดีโอไปจนถึงกล้องวงจรปิดติดอินฟาเรด แม้กระทั่งกล้องจากมือถือ ความสมจริงคือเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของการทำหนังเรื่องนี้ และก็เป็นความท้าทายทั้งในเรื่องผลงานด้านภาพและการเล่าเรื่อง โดยกล้องทุกตัวก็ไม่ได้ถ่ายทอดจากมุมมองของทีมงาน หากแต่เป็นกล้องจริงๆที่ตัวละครภายในเรื่องใช้งาน เพื่อที่จะสร้างประสบการณ์สุดสยองราวกับคุณคือผู้อยู่ในเหตุการณ์

Apartment 143 คือผลผลิตจากการบันทึกเทปกว่า 70 ชั่วโมง จากกล้องที่ถูกติดตั้งอยู่ทุกจุดภายในตัวอพาร์ทเม้นท์ และถูกตัดต่อออกมาให้เป็นหนังความยาว 80 นาที เพื่อให้มุมมองที่สมจริงและมีอารมณ์ร่วมมากที่สุด โดยเฉพาะการสืบสวนเรื่องราวเหนือธรรมชาติ โดยเมื่อผมได้อ่านบทภาพยนตร์โดย โรดริโก คอร์เทส ผมก็รู้สึกได้ว่านี่คือความท้าทายที่พิเศษและยิ่งใหญ่ เป็นสิ่งที่แตกต่างและน่าสะพรึงกลัวกว่าหนังสยองขวัญทุกเรื่อง

ตลอดทั้งเรื่องเราจะได้เห็นทีมงานพิสูจน์เรื่องลี้ลับสามคน ต้องรับมือกับเหตุการณ์เหนือธรรมชาติ ที่ขัดแย้งกับสิ่งที่วิทยาศาสตร์พิสูจน์ได้ และพยายามต่อสู้กับสิ่งที่อยู่เหนือธรรมชาติจากมุมมองที่เป็นเหตุเป็นผลมากที่สุด ทั้งหมดถูกขังอยู่ในกล่องสี่เหลี่ยมที่ถูกเรียกว่าบ้าน เรื่องราวของพวกเขาถูกจับภาพเอาไว้ด้วยกล้องที่อยู่ทุกซอกทุกมุมของอพาร์ทเม้นท์ ที่จะมอบความสมจริง ความมีเลือดเนื้อ และความน่าสะพรึงกลัวให้กับเรื่องราว

กุญแจที่สำคัญของการสร้างก็คือ การทำให้ผู้ชมไม่รู้สึกสงสัยถึงสิ่งที่เกิดขึ้นภายในจอ ทุกองค์ประกอบ ตั้งแต่ปฏิกริยาของตัวละคร ไปจนถึงเหตุการณ์เหนือธรรมชาติที่เกิดขึ้นซึ่งก็มีเหตุผลมารองรับ มีจุดมุ่งหมายที่จะทำให้มันมีความเสมือนกับเหตุการณ์จริงที่ถูกบันทึกภาพเอาไว้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นแบบไม่รู้ตัว และทำให้ทุกอย่างมีความเป็นธรรมชาติมากที่สุด

บทภาพยนตร์ถูกเขียนขึ้นจากพัฒนาการในด้านอารมณ์และความรู้สึก ที่ถูกท้าทายตลอดเวลาระหว่างการดำเนินเรื่อง ซึ่งทำให้แต่ละตัวละครมีความขัดแย้งและความรู้สึกที่ชัดเจน ทุกอย่างถูกถ่ายทำตามลำดับการเล่าเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบ ทีมนักแสดงและทีมงานเบื้องหลังต้องมีความเข้าใจซึ่งกันและกัน และมีการวางแผนที่จริงจังก่อนการถ่ายทำ ตลอดจนรายละเอียดในทุกจุดเปลี่ยนของเรื่องราว

ทีมนักแสดงถูกแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม นั่นคือ "นักวิทยาศาสตร์" และ "ครอบครัว" โดยแต่ละกลุ่มต่างก็ถูกถ่ายทอดในแนวทางที่แตกต่างกัน เพื่อแสดงให้เห็นถึงความเชื่อที่แตกต่างกัน โดยกลุ่มแรกก็ต้องเรียนรู้พื้นฐานของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ถูกใช้ในเรื่อง เพื่อถ่ายทอดความรู้ให้กับคนดูกรณีที่เจอกับเรื่องราวเหนือธรรมชาติ ในขณะที่อีกกลุ่มหนึ่งก็เผชิญหน้ากับสิ่งเหล่านั้นในแนวทางที่เปี่ยมไปด้วยอารมณ์ เสมือนกับเป็นคนดูที่กำลังเจอกับความสยอง

ด้วยการที่เรามีกล้องที่มีความหลากหลาย ทั้งในเรื่องของรูปแบบ คุณภาพ มุมมอง และเลนส์ที่ใช้ ทำให้เราสามารถบังคับอารมณ์ในแต่ละฉากอย่างได้ผลมากที่สุด ยกตัวอย่างเช่น ภาพไนท์วิชั่นสีเขียวจะช่วยปลุกอารมณ์ของความตึงเครียดและความสะพรึงกลัวจนสูงสุด ในขณะที่กล้อง Mini DV ก็จะทำให้เรารู้สึกใกล้ชิดกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น เสมือนกับว่าคุณกำลังเป็นผู้ถือกล้องอยู่

แต่ท้ายที่สุดแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันก็ยังมีความเป็นหนังสยองขวัญอย่างเต็มเปี่ยม Apartment 143 คือหนังแนวทางใหม่ที่ซ่อนตัวอยู่ในหนังสยองขวัญ ทั้งในเรื่องของรูปแบบและสไตล์การเล่าเรื่อง และนั่นก็คือสิ่งที่ผู้ชมสามารถยึดถือและมั่นใจได้ พวกเราพยายามอย่างเต็มที่ที่สุด ในการทำให้ผู้ชมมีช่วงเวลาที่ดี และรู้สึกสนุกไปกับประสบการณ์ที่จะได้รับจากโรงภาพยนตร์

สิ่งที่ช่วยให้ Apartment 143 ประสบความสำเร็จก็คือ ความที่มันสามารถเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับคุณ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราเห็นอาจเป็นเรื่องจริง ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นมาจากเรื่องเล่าหรือหลักฐานที่มีอยู่จริง และปฏิกริยาตอบสนองของตัวละครกับสิ่งที่อยู่เหนือธรรมชาติ ก็ถูกถ่ายถอดอย่างเป็นธรรมชาติมากที่สุด

การรวบรวมนักแสดงที่ฝีมือมากมาย ก็ถือเป็นพื้นฐานที่สำคัญของการทำหนัง เพื่อที่จะทำให้บทสนทนามีความสมจริง และทำให้บรรยากาศในกองถ่ายตื่นตัวตลอดเวลา นักแสดงแต่ละคนก็จะได้รับคำแนะนำจากผู้กำกับ ไม่เพียงแต่แนวทางการของบทสนทนา แต่ยังรวมถึงแนวทางที่พวกเขาตอบสนองต่อสิ่งที่เกิดขึ้น หลายครั้งสิ่งที่พวกเขาได้รับการแนะนำจะเป็นตรงกันข้ามกับสิ่งที่เกิดขึ้น และหลายครั้งที่นักแสดงไม่แน่ใจว่านักแสดงร่วมจอจะมีปฏิกริยาตอบสนองแบบเดียวกันหรือไม่ พวกเขาเหมือนถูกจับโยนให้เข้ามาอยู่ร่วมกันเป็นครั้งแรก

สิ่งที่ผมต้องการทำตั้งแต่แรกก็คือ ทำให้สิ่งที่เหนือธรรมชาติบนจอ เกิดขึ้นโดยไม่มีการบอกนักแสดงทุกคนล่วงหน้า ไม่ว่าจะเป็นการทุบผนังอย่างบ้าคลั่ง เฟอร์นิเจอร์ที่ลอยขึ้นมาเหนือพื้น หลอดไฟที่จู่ๆก็ระเบิดและทำให้ทุกอย่างมืดสนิท มันทำให้ทีมนักแสดงตอบสนองกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นด้วยตัวเอง ในขณะที่พวกเราก็บันทึกภาพของพวกเขาไว้ทั้งหมด ผมคิดว่ามันจะทำให้หนังเรื่องนี้มีความสมจริงและสยองมากที่สุด

ไอเดียของการถ่ายทำก็มีการเตรียมการมาอย่างดี ตั้งแต่มุมมองของกล้องแต่ละตัว ตั้งแต่ทีมงานที่เข้ามาสอบสวนที่ใช้กล้องของตัวเอง จนกระทั่งกล้องที่ถูกติดตั้งเอาไว้ตามจุดต่างๆของอพาร์ทเม้นท์ ที่ประกอบด้วยไปกล้องอินฟราเรดหรือว่าไนท์วิชั่นที่จับภาพเอาไว้ทั้งบ้าน

ทุกภาพที่ทุกคนเห็น ทุกสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ทุกสิ่งทุกอย่างถูกบันทึกเอาไว้ ทุกสิ่งทุกอย่างมีจุดเริ่มต้นจากกล้อง ที่กลายเป็นส่วนหนึ่งของการเล่าเรื่องที่น่าสะพรึงกลัว เรื่องราวถูกผลักดันจากการให้สัมภาษณ์หน้ากล้องของทีมงาน ที่พยายามเก็บข้อมูลของครอบครัวนี้ และส่วนอื่นก็มาจากบทสนทนาระหว่างที่ทีมงานทำการสำรวจส่วนต่างๆของอพาร์ทเม้นท์ พวกเราจะได้เห็นความรุนแรง หลักฐานของความสยองที่น่าทึ่งและจับภาพไว้ได้

ท้ายที่สุดแล้วกุญแจสำคัญก็คือการถ่ายทอดเรื่องราวที่น่าทึ่งด้วยความรู้สึกที่สมจริงที่สุด เมื่อองค์ประกอบแต่ละอย่างถูกใช้เพื่อเสริมสร้างความสมจริงที่ไม่มีใครเคยทำมาก่อน ทำให้ Apartment 143 กลายเป็นประสบการณ์ที่ทั้งพิเศษและน่าสะพรึงกลัวมากที่สุด

ความฝันในการทำหนังของ คอร์เทส เริ่มต้นตั้งแต่ที่เขาจำความได้ เมื่ออายุ 16 เขาก็ได้ถ่ายทำหนังสั้นเรื่องแรกด้วยกล้อง Super 8 ก่อนที่ในปี 1998 เขาก็ถ่ายเอ็มวีเพลง Sick of Your โดยวง Onion สำหรับหนังเรื่อง Open Your Eyes ของผู้กำกับ อเลฮานโดร อเมนาบาร์ และในปี 2001 เขาก็ถ่ายทำเรื่อง 15 Dias ที่กลายเป็นหนังสั้นของสเปนที่กวาดรางวัลจากเกือบทุกสถาบันในปีนั้น

ในปี 2003 จนถึง 2005 คอร์เทส ก็ได้เป็นผู้กำกับมิวสิควิดีโอและโฆษณา ก่อนที่ในปี 2006 เขาก็ได้กำกับหนังยาวเรื่องแรกConcursante เกี่ยวกับผู้ชายที่ได้รางวัลที่ใหญ่ที่สุดในประวัตศาสตร์โทรทัศน์ แต่ก็ต้องเจอกับผลกระทบที่ตามมาที่น่าสะพรึงกลัว หนังเปิดฉายครั้งแรกใน Malaga Film Festival เดือนมีนาคม ปี 2007 ที่ได้รับเสียงชื่นชม และยังได้รับรางวัล International Critics Best Film

Buried ถือเป็นหนังเรื่องที่สองของเขา นำแสดงโดย ไรอัน เรย์โนลด์ ที่ต้องเล่นคนเดียวภายในโลงศพใต้ดินตลอดทั้งเรื่อง หนังเข้าฉายในเทศกาลหนังซันแด๊นซ์ ปี 2010 และก็ได้รับเสียงชื่นชมอย่างกึกก้อง โดยคนดูก็ได้ลุกขึ้นยืนปรบมือยาวนานหลังหนังจบ และก็กลายเป็นหนังที่ขายลิขสิทธิ์แพงที่สุดในเทศกาลในรอบสามปี นอกจากนั้นหนังยังได้รับถึง 3 รางวัลโกย่า (ออสการ์ของสเปน) จากการเข้าชิงถึง 10 สาขา



www.newswit.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม