วันอาทิตย์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ตำนาน บอลโลก สู่ บอลยูโร

หลังจากปี 1982 หรือ 2525 ที่สเปนเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก และไทยรัฐได้ริเริ่มให้มีการทายผลว่าทีมใดจะเป็นทีมชนะเลิศขึ้นแล้ว ความนิยมและคลั่งไคล้ฟุตบอลโลกในประเทศไทยก็เพิ่มกระฉูดขึ้นไปอีกอย่างชนิดหยุดไม่อยู่ทำให้อีก 4 ปีต่อมา หรือ พ.ศ.2529 ในการแข่งขันฟุตบอลโลกที่เม็กซิโกหวนกลับมาเป็นเจ้าภาพอีกครั้งนั้น สื่อมวลชนโดยเฉพาะหนังสือพิมพ์ทุกฉบับยังคงนำข่าวฟุตบอลโลกขึ้นหน้า 1 ต่อไปพร้อมกับมีการจัดทายผลว่าใครจะเป็นแชมป์แทบทุกฉบับเช่นเดียวกับที่ไทยรัฐได้ริเริ่มไว้ สร้างความคึกคักให้แก่เทศกาลบอลโลกมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมาผู้สื่อข่าวของไทยรัฐที่ไปทำหน้าที่รายงานขอบสนามเม็กซิโก ซิตี้ ได้แก่  วิโรจน์  กิจกุลอนันต์เอก หรือ โรจน์ อนันต์ ในขณะที่ฉบับอื่นๆ ก็ส่งนักข่าวไปพร้อมหน้าพร้อมตา และหนึ่งในจำนวนนั้น  ได้แก่  ธราวุธ  นพจินดา  จาก  สยามกีฬา ผู้ล่วงลับไปอย่างน่าเสียดายยิ่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้วสำหรับการเขียนรายงานข่าวโดยละเอียดโดยทีมข่าวของหนังสือพิมพ์ฉบับต่างๆ ที่ประจำการอยู่ในประเทศไทยนั้นยังคงอาศัยข่าวจากโทรพิมพ์ของสำนักข่าวเช่นเคยต่อมาก็มีเสียงเล่าลือว่าสถานีโทรทัศน์หลายช่องในบ้านเราเริ่มติดตั้งจานดาวเทียมดึงภาพการแข่งขันของแต่ละคู่มาดูได้ และมีการดูอย่างสนุกสนานตามสถานีต่างๆเพียงแต่มิได้นำไปออกอากาศเท่านั้นเพราะไม่ได้ซื้อลิขสิทธิ์ไว้เมื่อตรวจสอบว่าเป็นความจริงทางไทยรัฐจึงขอความร่วมมือไปยังสถานีโทรทัศน์ที่โด่งดังมากช่องหนึ่งว่า เราจะขอส่งผู้สื่อข่าวไปนั่งดูด้วยเพื่อขอจดรายละเอียดการเล่นนาทีต่อนาทีมาเขียนรายงานจะได้หรือไม่ได้รับคำตอบจากผู้ใหญ่ของช่องดังกล่าวว่ามาเลย ขออย่างเดียวอย่าบอกว่ามานั่งดูที่สถานีผมก็แล้วกัน ผมไม่อยากมีปัญหาทีมข่าวของเราจึงมีโอกาสไปนั่งดูการแข่งขันที่สอยมาจากดาวเทียมครบทุกคู่และเขียนรายงานนาทีต่อนาทีอย่างละเอียด (โดยไม่ต้องไปดูทีวี ที่หาดใหญ่) จนเพื่อนๆฉบับอื่นงงไปตามๆกัน4 ปีถัดมาเราก็ยังได้รับความกรุณาเช่นนี้อีกแต่เราก็ต้องรักษาคำพูดคือไม่เผยไม่แอะเด็ดขาดว่าไปนั่งดูที่ไหนมาถึงบัดนี้เวลาผ่านมาเนิ่นนานแล้ว สมควรจะเปิดเผยได้เสียที...แต่ก็นั่นแหละท่านผู้อำนวยการสถานี ซึ่งล่วงลับไปแล้วท่านอาจจะไม่อยากให้เปิดเผยก็ได้ เอาเป็นว่าขอเก็บไว้เป็นความลับต่อไปดีกว่าบอกใบ้หน่อยเดียวก็แล้วกันว่าสถานีโทรทัศน์ช่องที่ว่านี้อยู่ใกล้ๆกับโรงพิมพ์ไทยรัฐนี่แหละใกล้ชนิดเดินไปนั่งดูได้เลยโดยไม่ต้องขับรถไปแต่อย่างใดสำหรับการออกอากาศทางทีวีบ้านเราโดยทั่วไปคือเฉพาะที่ซื้อลิขสิทธิ์มาเผยแพร่นั้น ยังคงออกเฉพาะคู่เปิดกับคู่ชิงชนะเลิศเช่นเคย แต่ก็เริ่มมีเสียงเรียกร้องให้ถ่ายทอดสดเพิ่มเติมในรอบ 8 ทีม และรอบ 4 ทีม ดังกระหึ่มขึ้นเรื่อยๆซึ่งในบางปีผู้หลักผู้ใหญ่ของรัฐบาลและทางฝ่ายทหารก็ตัดสินใจให้มีการถ่ายทอดคู่พิเศษเพิ่มขึ้นคู่2 คู่ เป็นการเฉพาะสื่อมวลชนไทยและคนไทยยังคงสนุกสนานกับฟุตบอลโลกทุกๆ 4 ปี จนผ่านปี 1990 หรือ 2533 ที่อิตาลีเป็นเจ้าภาพไปแล้วนั่นแหละ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ โดย ผอ.กำพล วัชรพล ถึงได้ตัดสินใจว่าควรจะดันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือฟุตบอลยูโร มาขึ้นหน้า 1 ด้วยพร้อมกับให้มีการเล่นสนุกด้วยการเปิดทายผลเช่นเดียวกับฟุตบอลโลกที่ไทยรัฐจุดพลุขึ้น จนเป็นที่ฮือฮาและเป็นที่รอคอยของแฟนลูกหนังชาวไทยมาโดยตลอดเพื่อไม่ให้แฟนๆต้องรอถึง 4 ปี สำหรับฟุตบอลโลกอย่างเดียว จะเหลือเพียงรอแค่ 2 ปีเท่านั้น ถ้าสามารถทำให้ฟุตบอลยูโรเป็นที่น่าสนใจของคนไทยได้เมื่อตัดสินใจเช่นนี้แล้ว ไทยรัฐก็ผลักดันฟุตบอลยูโรขึ้นหน้า 1 เป็นข่าวหัวยักษ์ครั้งแรกใน ค.ศ.1992 หรือ 2535 ซึ่งเป็นการแข่งขันครั้งที่ 9 ของยุโรป โดยมีสวีเดนเป็นเจ้าภาพจากการโหมอย่างหนักหน่วงทั้งของไทยรัฐและสื่อมวลชนทุกแขนงที่ใจตรงกัน ทำให้ฟุตบอลยูโรเริ่มกระเตื้องขึ้น และโชคดีที่ในปีดังกล่าวแชมป์ได้แก่ นักเตะโคนม “เดนมาร์ก” ที่เล่นได้อย่างสุภาพ น่ารัก ประทับใจคนไทยไม่น้อยเลย จึงทำให้ฟุตบอลยูโรเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นไทยรัฐตั้งรางวัลที่ 1 สำหรับการทายผลศึกยูโรที่เราดันขึ้นหน้า 1 ครั้งแรกไว้ที่เงินสด 1 ล้านบาท...ผลตอบรับยังไม่มากนัก มีไปรษณียบัตรเข้ามาประมาณ 5 ล้านกว่าฉบับเท่านั้น น้อยกว่าฟุตบอลโลกครั้งล่าสุดเกือบเท่าตัวแต่ก็ถือว่าเป็นการเริ่มต้นขึ้นแล้ว...และอย่างน้อยฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปก็เป็นที่รู้จักแล้วของคนไทยบ้างแล้วจากนั้นมาแฟนๆลูกหนังชาวไทยก็มีโอกาสได้สนุกสนานกับฟุตบอลชั้นนำของโลก ทั้งฟุตบอลโลกและฟุตบอลยูโรในทุกๆ 2 ปีมาตลอดการถ่ายทอดทางทีวีก็เริ่มมากคู่และครบถ้วนขึ้น โดยผ่านทีวีพูล หรือโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจที่เรารู้จักดีต่อมาเมื่อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดของฟุตบอลทั้ง 2 รายการแพงขึ้น ทางทีวีพูลจึงเริ่มถอนตัวไป และเริ่มมีบริษัทเอกชนไปประมูลลิขสิทธิ์มาแทน แต่ก็ยังนำมาออกอากาศให้ดูผ่านฟรีทีวี ได้อย่างทั่วถึงเนื่องจากเหตุการณ์ในช่วงหลังๆคงเป็นที่ทราบกันดีแล้ว เพราะเพิ่งผ่านไปไม่นาน ทีมงานซอกแซกจึงขออนุญาตไม่กล่าวถึงในรายละเอียดที่เล่ามาทั้งหมดใน 3 สัปดาห์นี้ก็เพียงเพื่อจะชี้ให้เห็นว่าสื่อมวลชนไทยต้องใช้ความพยายามเพียงใดในการที่จะปลุกปั้นฟุตบอลทั้ง 2 รายการนี้ให้อยู่ในความนิยมของคนไทยกลับมามีปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์  ทำให้คนไทยจำนวนไม่น้อยต้องชวดดูศึกยูโรครั้งนี้อย่างน่าเสียดาย...และทีมงานซอกแซกต้องส่งต้นฉบับล่วงหน้าก็เลยไม่ทราบว่า ณ บัดนี้จะมีโอกาสได้ดูกันบ้างสักคู่หรือยัง? สำหรับยูโร 2012  ที่จะจบลง ในค่ำคืนวันนี้.ก็อย่างที่บอกไว้แล้ว...ไม่ได้บ่นไม่ได้ว่าอะไร เพียงแต่น้อยใจนิดๆก็เลยถือโอกาสนำมาเล่าสู่กันฟัง...เพื่อให้รู้ที่มาที่ไป และต่อไปใครได้ลิขสิทธิ์บอลโลก บอลยูโรมา จะได้นึกถึงคนไทยมากกว่าที่ทำกันอยู่ในขณะนี้.

www.thairath.co.th

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม