วันศุกร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

จารุพงศ์ เผย รันเวย์มีมาตราฐานแต่ใช้มานาน

นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ได้รับรายงานกรณีรันเวย์ด้านตะวันตก 19R ของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิยุบตัวเป็นหลุมขนาด 60 X 60 เซนติเมตร ลึก 5 เซนติเมตรเมื่อช่วง 20.30 น.ของวันที่ 5 กรกฎาคม โดยแม้จะใช้เวลาในการซ่อมแซมประมาณ 30 นาที แต่กว่าจะเปิดใช้รันเวย์ได้อีกครั้งหลังเวลา 21.00น. ซึ่งได้ส่งผลกระทบต่อเที่ยวบินต่างๆที่ต้องบินวนและเปลี่ยนไปลงที่ท่าอากาศยานอื่น ซึ่งได้รายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีให้รับทราบทันที ทั้งนี้ ได้สั่งการให้ว่าที่เรืออากาศโทอนิรุทธิ์ ถนอมกุลบุตร กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท. เร่งดำเนินการใน 3 เรื่อง คือ 1. ตรวจสอบสภาพของรันเวย์เพื่อเตรียมความพร้อมหากต้องมีการซ่อมแซมครั้งใหญ่ โดยในการซ่อมแซมจะต้องทำทีโออาร์ที่กำหนดให้ผู้รับเหมาทำงานตลอด 24 ชม.เพื่อให้งานเสร็จเร็วที่สุด โดยหากมีแผนการซ่อมแซมที่ชัดเจนให้ส่งเรื่องมาเพื่อรายงานต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้รับทราบด้วย 2. เร่งรัดการก่อสร้างรันเวย์ที่ 3 ของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับเที่ยวบิน ซึ่งทอท.รายงานว่าขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการขออนุมัติเรื่องผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) และการทำประชาพิจารณ์ จึงเห็นว่า ทอท.ควรเร่งจ่ายชดเชยผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงจากจากการเปิดดำเนินงานท่าอากาศยานสุวรรณภูมิให้ครบก่อน ไม่เช่นนั้นรันเวย์ที่ 3 เกิดยากเพราะจะมีการคัดค้านจากชาวบ้าน และ3. เร่งปรับปรุงและเตรียมความพร้อมท่าอากาศยานดอนเมืองเพื่อให้เปิดให้บริการเต็มรูปแบบเร็วขึ้นจากเดือนตุลาคม เป็นในสิงหาคม เพื่อลดความแออัดของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยหากมีสายการบินใดต้องการจะย้ายมาให้บริการที่ท่าอากาศยานดอนเมืองก็ให้เริ่มตั้งแต่เดือนสิงหาคมได้เลย “เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังถือว่าโชคดีที่เกิดขึ้นก่อนช่วงเวลา 22.00 น. เพราะหากเป็นช่วงหลังเวลาดังกล่าวจะมีเที่ยวบิน และผู้โดยสารเข้าใช้บริการเป็นจำนวนมาก ผมยืนยันว่ารันเวย์ของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิก่อสร้างได้มาตรฐาน แต่เนื่องจากมีการใช้งานอย่างหนักมาตลอด 6 ปี รองรับเที่ยวบินขึ้นลงกว่า 1.5 ล้านเที่ยว ถูกแรกกระแทกของเครื่องบินที่มีน้ำหนักมหาศาล ก็ชำรุดที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติ และการซ่อมแต่ละครั้งก็คงไม่มีใครอยากได้ของถูกและห่วยก็ต้องได้ของดีที่สุด เพราะต้องคำนึงถึงเรื่องความปลอดภัย ซึ่งที่ผ่านมามีการซ่อมแซมเป็นระยะ”นายจารุพงศ์กล่าว สำหรับทางวิ่งเส้นที่ 3 จากผลศึกษาพบว่าใช้เงินลงทุนกว่า 3,000 ล้านบาท และค่าชดเชยผลกระทบทางเสียงประมาณ 7,000 ล้านบาท โดยสามารถรองรับเที่ยวบินเพิ่มจาก 76 เที่ยวบิน/ชม. เป็น 88 เที่ยวบิน/ชม.หรือ จาก 375,000 เที่ยวบิน/ปี เป็น 439,804 เที่ยวบิน/ปี ส่วนกรณีที่นายต่อตระกูล ยมนาค อดีตนายกสมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) ออกมาให้ความเห็นว่า การซ่อมแซมรันเวย์ที่ทอท.ดำเนินการมีปัญหานั้น นายจารุพงศ์กล่าวว่า พร้อมรับฟังข้อเสนอ หากมีวิธีที่ดีกว่าให้แนะนำเข้ามา“อดีตนายกฯวสท.”ชี้ทอท.อย่าเสียดายเงิน ซ่อมรันเวย์แบบเดิมๆ พังบ่อย ด้านนายต่อตระกูล ยมนาค อดีตนายกฯ วสท.และอดีตคณะกรรมการ (บอร์ด) ทอท. กล่าวว่า สิ่งที่ทอท.ต้องทำตอนนี้คือ การเปิดเผยข้อมูลที่แท้จริงของเหตุการณ์รันเวย์ยุบตัว เพื่อระงับข่าวลือ ที่จะทำให้กระทบต่อเชื่อมั่น ทั้งนี้ การยุบตัวของรันเวย์เป็นปัญหาเดิมที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว โดยเฉพาะตรงจุดที่เครื่องบิน Take Off ซึ่งผิวรันเวย์สุวรรณภูมิด้านบนเป็นยางมะตอยเคลือบแข็งพิเศษ มีความหนา 5 เซนติเมตร การแตกร่อนหากเกิดขึ้น จะเป็นอันตรายต่อเครื่องบินเพราะเศษที่แตกร่อนจะเข้าเครื่องยนต์ได้ ซึ่งกฎของสนามบินจะต้องไม่มีเศษวัสดุใดๆ ในเขตรันเวย์ “รันเวย์แตกร่อนเกิดขึ้นบ่อยตลอด 6 ปี แต่หากใช้วิธีเหมือนเดิมจะเป็นปัญหาใหญ่ได้ ถึงเวลาที่ควรปรับปรุงหรือหาวิธีการซ่อมที่มีประสิทธิภาพมากกว่านี้ และไม่ควรเสียดายเงิน หรืออายเรื่องออกแบบผิด เพราะต้องคำนึงถึงมาตรฐานความปลอดภัย ทุกอย่างผิดพลาดแล้วสามารถแก้ไขได้ ซึ่งควรให้ผู้มีอำนาจมากกว่าสั่งนโยบายลงไปเพื่อแก้ไขและไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำซาก เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้น”นายต่อตระกูลกล่าว

paidoo.net

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม