วันเสาร์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2555

เลขาฯ กลต แนะรัฐเร่งลงทุนระบบโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะถนน ท่าเรือน้ำลึก สนามบิน ใน 6 เดือน

เลขาฯ กลต. แนะภาครัฐเร่งลงทุนระบบโครงสร้างพื้นฐานประเทศให้เสร็จภายใน 6 เดือนข้างหน้า โดยเฉพาะถนน ท่าเรือน้ำลึก สนามบิน และระบบสาธารณูปโภคต่างๆ หวั่นไทยเสียเปรียบหากเปิดเสรีปี 58 29 มิ.ย. นายวรพล โสคติยานุรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยในงานสัมมนาบรรยายพิเศษหัวข้อ Creative Investment in the age of AEC ว่า ขณะนี้ประเทศไทยจะต้องเตรียมความพร้อมที่จะรองรับการเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปี 2558 โดยยังพบว่าประเทศไทยยังคงลงทุนอยู่ในระดับที่ต่ำ ทั้งในภาครัฐและภาคเอกชน โดยรัฐบาลควรจะต้องเร่งดำเนินการลงทุนในระบบโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ โดยเฉพาะถนน ท่าเรือน้ำลึก สนามบิน และระบบสาธารณูปโภคต่างๆ เพื่อให้รองรับการเปิดการค้าเสรี ซึ่งไทยถือว่ามีความสำคัญและจุดเด่นในเรื่องของการเป็นศูนย์กลางการค้าของเศรษฐกิจอาเซียน โดยอยากเห็นรัฐบาลมีแผนที่มีความชัดเจนของการลงทุนภายใน 6 เดือนข้างหน้าทั้งนี้ไทยยังมีจุดอ่อนในแง่ขาดแคลนโครงการที่สร้างโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ แม้ว่าการบริโภคภายในประเทศจะสูงแต่ยังไม่ค่อยมีการลงทุน ซึ่งถือว่าระดับทุนสำรองของประเทศมีมาก ดังนั้น การลงทุนจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ เพื่อให้สามารถแข่งขันกับประเทศอื่นๆ ได้ อย่างไรก็ตาม ยังเห็นว่าเป็นโจทย์ยากและใช้ระยะเวลาแก้ไขที่นานพอสมควร โดยต้องมาพิจารณาว่ารัฐบาล และภาคธุรกิจจะลงทุนและหาผลตอบแทนได้อย่างไร ขณะเดียวกันจะต้องมีเครื่องมือทางการเงินที่เพียงพอ และในภาคของธนาคารจะต้องมีศักยภาพในแง่ของการแข่งขันกับประเทศอื่นๆ ได้ นอกจากนี้ จะต้องพิจารณาว่าจะทำอย่างไรให้ผู้ประกอบการภาคเอกชนเข้าถึงแหล่งระดมทุนที่สำคัญ โดยเฉพาะในตลาดทุน ซึ่งจะต้องปรับเปลี่ยนระบบให้มีความสากลมากขึ้นนายวรพล กล่าวต่อว่า การเปิดเสรี AEC ประเทศไทยจะต้องมีความพร้อมในเรื่องของการเคลื่อนย้ายภาคบริการและทุน ขณะเดียวกันในแง่ของตลาดทุนจะต้องมีการพัฒนาตราสารทุนให้มีความน่าสนใจ เพื่อให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในตราสารทุนของไทย แต่ปัจจุบันถือว่าอุปสรรคยังมีอยู่มากเพราะมีผลิตภัณฑ์ที่น้อย และถ้าหากจะออกตราสารทุนเพื่อขายให้นักลงทุนต่างชาติจะต้องพิจารณาถึงผลตอบแทนที่จะได้รับ ไม่ใช่เป็นการนำเงินของประเทศกลับไปให้นักลงทุนโดยที่ประเทศเสียประโยชน์พร้อมกันนี้จะต้องมีความพร้อมในแง่ของการเปิดเสรีเคลื่อนย้ายบุคลากร ซึ่งประเทศไทยควรจะต้องเร่งพัฒนาคนให้มากขึ้น เพราะมิเช่นนั้น หากเปิดเสรี AEC แล้วธุรกิจภาคบริการ อาทิ โรงแรม โรงพยาบาล อาจจะมีผู้บริหารเป็นชาวต่างชาติทั้งหมด ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องระมัดระวังเป็นอย่างยิ่งขณะเดียวกันยังต้องพัฒนาระบบการศึกษา และเทคโนโลยีให้สามารถแข่งขันกับประเทศในแถบอาเซียนได้ ทั้งนี้ คาดว่าในอนาคตจะมีการจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ โดยจะแบ่งเป็นกองทุนพัฒนาระบบราง ถนน โรงไฟฟ้า น้ำประปา ท่าเรือน้ำลึก สนามบิน ระบบโทรคมนาคมและพลังงานทางเลือก ซึ่งจะเป็นการจูงใจให้ประชาชนเข้ามาเป็นส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศและยังเป็นการลดงบประมาณของภาครัฐด้วย.

www.thairath.co.th

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม