วันพฤหัสบดีที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2555

แนวโน้ว ใข้สารกำจัดศัตรูพืชของไทยลดลง

นายกสมาคมคนไทยธุรกิจเกษตรระบุปริมาณสารกำจัดศัตรูพืชของไทยมีโอกาสลดลง เผยยอดขายสารกำจัดวัชพืชในมาเลเซียลดวูบแล้ว หลังยางพารา-ปาล์มน้ำมันปลูกเต็มพื้นที่ และโตจนบดบังวัชพืช ชี้แม้กระทั่งสารกำจัดแมลงยังมีโอกาสใช้น้อยลง หากเกษตรกรเข้าถึงความรู้มากกว่านี้

ดร.วีรวุฒิ กตัญญูกุล นายกสมาคมคนไทยธุรกิจเกษตร เปิดเผยว่า สัดส่วนการใช้สารกำจัดวัชพืชในประเทศไทยน่าจะใกล้ถึงจุดสูงสุด ก่อนขยับลงมาเหมือนประเทศมาเลเซียที่เคยใช้ในสัดส่วนที่สูงมาก เนื่องจากพืชหลักของมาเลเซีย ได้แก่ ปาล์มน้ำมันและยางพาราปลูกจนเต็มพื้นที่ และเติบโตจนคลุมแปลงปลูก ทำให้หญ้าที่อยู่ข้างล่างไม่อาจเจริญเติบโตได้

“มาเลเซียเคยใช้มากกว่าไทย แต่ตอนนี้น้อยกว่ามากแล้วและขายไม่ค่อยได้ ไม่ว่าสารไกลโฟเสทหรือสารพาราคว็อตที่ใช้กำจัดวัชพืช”

สำหรับประเทศไทย สารกำจัดวัชพืชมีการใช้สูงถึง 70% ในสารกำจัดศัตรูพืชหลัก 3 ชนิด โดยสารกำจัดแมลงประมาณ 12-15% และสารกำจัดโรคพืช 7-11% ทั้งนี้การใช้สารกำจัดวัชพืชมาก เนื่องจากมีการขยายพื้นที่ปลูกยางพารา ปาล์มน้ำมัน อ้อย และมันสำปะหลังกันมาก ขณะเดียวกันขาดแคลนแรงงาน รวมทั้งค่าแรงที่แพง ทำให้เกษตรกรต้องหันมาใช้สารกำจัดวัชพืชที่สะดวกกว่า และถูกกว่าแทน

ดร.วีรวุฒิ กล่าวว่า สัดส่วนการใช้สารกำจัดศัตรูพืชในอนาคตจะปรับเปลี่ยน นอกจากสารกำจัดวัชพืชลดลง เพราะยางพาราและปาล์มน้ำมันที่ปลูกเติบโตบดบังวัชพืชด้านล่างแล้ว ในส่วนของสารกำจัดแมลงศัตรูพืชก็จะทรงๆ เหมือนเดิม ในขณะสารกำจัดโรคพืชมีโอกาสขยายตัวเพิ่มได้ในระดับหนึ่ง เนื่องจากเกษตรกรเองยังขาดข้อมูลเรื่องโรคพืช รวมทั้งเชื้อรา แบคทีเรีย ไวรัส หรือไส้เดือนฝอย ตัวการก่อโรคไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าได้

“อย่างสารกำจัดแมลงศัตรูพืช หากเกษตรกรมีความรู้เพียงพอยังสามารถลดการใช้โดยรวมลงได้อีกด้วย เพราะฉะนั้นโดยรวมแล้ว ตัวเลขการนำเข้าสารกำจัดศัตรูพืชในอนาคตมีโอกาสลดลงได้เช่นกัน”

ในระยะ 5 ปี (2550-2554) ที่ผ่านมา มีปริมาณนำเข้าสารกำจัดศัตรูพืชประมาณปีละ 68,000 ตัน ยกเว้นปี 2554 ที่นำเข้ามากถึง 87,775 ตัน เนื่องจาก พ.ร.บ.ควบคุมวัตถุอันตราย พ.ศ.2551 ที่กำหนดให้สารกำจัดศัตรูพืชต้องขึ้นทะเบียนใหม่ทั้งหมด ซึ่งมีผลบังคับใช้ในเดือนสิงหาคม 2554

www.banmuang.co.th

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม