๖ เดือนผ่านไป อีก ๒ วันก็เข้า "เดือนกรกฎาคม" ซึ่งเป็นครึ่งหลังของปี ๒๕๕๕ เดือนกรกฎาคม มีความหมายผูกพันกับ "พรรคเพื่อไทย" อยู่มาก นอกจากเป็นเดือน "ชนะเลือกตั้ง" ๓ กรกฎา ปีที่แล้ว จนได้เป็นรัฐบาล ก็ยังเป็นวันที่ทักษิณก่อตั้ง "พรรคไทยรักไทย" เมื่อ ๑๔ ปีที่แล้ว คือวันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๔๑ ก็นับว่าบังเอิญ ๑๔-๑๔-๔๑ มาบรรจบปีนี้ คือวันที่ ๑๔ พ.ศ.๕๕ เป็นปีที่ครบ ๑๔ ปี ก็มาดูกันซิว่า วิญญาณ "ไทยรักไทย" ที่สลายเข้าสิงอยู่ในร่าง "เพื่อไทย" เลข ๑ กับ ๔ มันจะมีอาถรรพณ์อะไรมั้ย?
ก่อนจะอีโหลกโขลกเขลกไปตามประสาของผม ก็มาอ่านที่เป็นหลัก-เป็นฐานกันก่อน ซึ่งอาจารย์ "วิโรจน์ กรดนิยมชัย" ท่านคลี่ปริศนาแห่งเลข "๑๔ กรกฎาคม" ด้วยศาสตร์แห่งยูเรเนียน เสร็จแล้วม้วนเป็นปมให้เอาไปขบ-ไปคลายกัน
ท่านส่งให้ผมหลายวันแล้ว แต่เห็นยังไม่มีฤกษ์งามยามแต่งก็เลยเก็บไว้ วันนี้แหละ...จับยามสามตาแล้วได้ฤกษ์ "องค์ลง" พอดี เชิญอ่านเลยครับ
วันที่ 14 กรกฎาคม
-วิโรจน์ กรดนิยมชัย
ปรัชญา อดีต ปัจจุบัน และอนาคต ล้วนเป็นสิ่งเดียวกันนั้น เป็นปรัชญาว่าด้วยเรื่องของการเกิดซ้ำของเหตุการณ์ใดโดยมีวงรอบการโคจรของปัจจัยบนฟ้าเป็นตัวกำหนด หาใช่สิ่งที่ใครนึกอยากจะกำหนดได้ตามใจ ดังเช่น เหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองของประเทศฝรั่งเศส ที่มีผู้พยายามนำมาสร้างสถานการณ์จำลองให้เสมือนจริง ผู้เขียนจึงนำข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับวันที่ 14 กรกฎาคม จาก Wikipedia มาบันทึกไว้ ตามนี้
การโจมตีคุกบาสตีย์ (ฝรั่งเศส: Prise de la Bastille) ในปารีสเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2332 (ค.ศ.1789) แม้ป้อมปราการและคุกสมัยกลางในปารีสที่เป็นที่รู้จักในชื่อบาสตีย์นี้ จะมีนักโทษเพียงเจ็ดคน แต่การล่มสลายของมันได้กลายเป็นสถานการณ์ที่รุนแรงและควบคุมไม่ได้ที่นำไปสู่การปฏิวัติฝรั่งเศส
และต่อมามันก็ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของสาธารณรัฐฝรั่งเศส ในฝรั่งเศส วัน Le quatorze juillet (14 กรกฎาคม) เป็นวันหยุดราชการ ก่อนหน้านี้มันเป็นที่รู้จักในชื่อ Fete de la Federation (วันหยุดสหพันธรัฐ) วันนี้มักถูกเรียกว่า วันบาสตีย์ (Bastille Day) ในภาษาอังกฤษ ได้มีบันทึกต่อมาว่า ปืนใหญ่ที่ใช้ยิงทลายประตูคุกบาสตีย์นั้น มีปืนใหญ่สองกระบอกที่ผลิตในประเทศไทย ในสมัย "สมเด็จพระนารายณ์มหาราช" ปัจจุบันปืนคู่นี้ถูกตั้งแสดงในพิพิธภัณฑ์ทหารบกฝรั่งเศส
จอมพล จอมพลเรือ จอมพลอากาศแปลก พิบูลสงคราม (14 กรกฎาคม พ.ศ.2440-11 มิถุนายน พ.ศ.2507) หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า "จอมพล ป." เป็นนายกรัฐมนตรี ที่มีเวลาดำรงตำแหน่ง รวมกันมากที่สุดของไทย คือ 14 ปี 11 เดือน 18 วัน รวม 8 สมัย มีนโยบายที่สำคัญคือ การมุ่งมั่นพัฒนาประเทศไทยให้มีความเจริญรุ่งเรืองทัดเทียมนานาอารยประเทศ มีการปลุกระดมให้คนไทยรู้สึกรักชาติ โดยออกประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วย "รัฐนิยม" หลายอย่าง ซึ่งบางอย่างได้ประกาศเป็นกฎหมายในภายหลัง หลายอย่างกลายเป็นวัฒนธรรมของชาติ เช่น การรำวง ก๋วยเตี๋ยวผัดไทย
เป็นผู้เปลี่ยนชื่อ "ประเทศสยาม" เป็น "ประเทศไทย" และเป็นผู้เปลี่ยน "เพลงชาติไทย" มาเป็นเพลงที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน!
คำขวัญที่รู้จักกันดีของนายกรัฐมนตรีผู้นี้คือ "เชื่อผู้นำชาติพ้นภัย" หรือ "ท่านผู้นำไปไหนฉันไปด้วย" และ "ไทยอยู่คู่ฟ้า" ในสายตานักวิชาการประวัติศาสตร์การเมืองไทยส่วนหนึ่งเห็นว่า จอมพล ป.พิบูลสงคราม เป็นผู้เผด็จการทางทหารที่มีบทบาททางการเมืองสูง และให้ความสนใจกับความคิดที่ส่อไปในทางเชื้อชาตินิยมและการปลุกระดมความคลั่งชาติในบางครั้ง
พรรคไทยรักไทย จดทะเบียนก่อตั้งเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ.2541 เป็นพรรคการเมืองแรกที่ก่อตั้งขึ้นภายใต้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 โดยมีผู้ร่วมก่อตั้ง 23 คน นำโดย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ปัจจุบันพรรคไทยรักไทยถูกยุบตามคำวินิจฉัยใน "คดียุบพรรค" มีหัวหน้าพรรคคนสุดท้าย คือ นายจาตุรนต์ ฉายแสง
การเลือกวันที่ 14 กรกฎาคม เป็นวันก่อตั้งพรรคไทยรักไทย คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ๆ เพราะคนที่เลือกต้องใช้พิธีกรรมหลายอย่าง หลายศาสตร์ แต่ล้วนใช้ในทางที่ไม่สร้างสรรค์ และไม่ใช่การ “คิดใหม่ ทำใหม่” อย่างที่อวดอ้าง
ล้วนแล้วแต่ลอกเหตุการณ์ ลอกสถานการณ์ เพื่อจะนำมาสร้างเหตุการณ์เทียม “ปรุงแต่ง” ให้เหมือนกับเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในอดีต
มนุษย์เป็นเพียง “เศษธุลี” ของฟ้า ไม่อาจสร้างปรากฏการณ์เทียมเหมือนที่ “ฟ้า” กำหนดได้ ฉันใด ต่อให้มีเงินมากมายล้นฟ้า ก็ไม่อาจะสร้างเหตุการณ์ในอดีตให้กลับมาปรากฏขึ้นใหม่ได้ ฉันนั้น
ครับ...ท่านจบไว้แค่นี้ ก็ไปคลี่ปริศนาเอาละกัน มาลุยถั่วตามประสาผมมั่ง เลข ๑ นี่ ตามที่อาจารย์โหรท่านเขียนบอกว่าเป็นดาวอาทิตย์ "ศูนย์กลางจักรวาล" ถ้าสรุปเข้าการบ้าน-การเมือง ดาวอาทิตย์ก็คือ "นายกรัฐมนตรี" อันเป็นศูนย์กลางอำนาจบริหาร
ส่วนเลข ๔ ผมละจำแม่นที่อดีตนายกฯ ทักษิณมักยกมาอ้างเสมอตอน "ปากพาซวย" ว่า "ไม่พูด ดาวพุธเสีย" นั่นก็คือ ๔ เป็นตัวแทนดาวพุธ เป็นดาวสื่อสาร ดาวการพูด-การจา ดาวเอกสาร-สัญญา ดาวอารมณ์ซ่อนเร้นในซอกอับชื้นแห่งเล่ห์รัก-ลมลวง
ความจริงเลข ๑ กับ ๔ เป็นเลขดีทั้งคู่ แต่อย่างว่า เลขนั้นไม่มีอะไรเสีย แต่ที่เสียนั่นมันอยู่ที่คน นี่ก็ใกล้ที่นายกฯ ยิ่งลักษณ์จะได้เป็นนายกฯ ครบ ๑ ปีอยู่รอมร่อแล้ว คือได้รับโปรดเกล้าฯ ขึ้นเป็นนายกฯเมื่อวันที่ ๘ สิงหาคม ๒๕๕๔
เป็นเลข ๑ ได้ไม่กี่วัน ก็เกิดมหาอุทกธารา ระหว่างกันยา-ตุลา ไหลจากเหนือลงมาภาคกลาง ล้อมกรุงเทพฯ เป็นเกาะกลางทะเล แล้วก็ท่วมเกาะจนเลข ๔ คือ "ปากพาซวย" จนบัดนี้ ด้วยวลีเดียวจริงๆ แต่ดังสะท้านโลก...นั่นคือวลี
"เอาอยู่ค่ะ"!?
แล้วพอเวียนบรรจบจะครบปี ก็มีคำเป็น "ลาง" จากรัฐมนตรีของท่านเองออกมาพูดเหมือนนกแสกจับหลังคาบ้านแล้วร้อง..แซ้ก..แซ้ก..แซ้ก...กลางดึกเมื่อวานซืน คือท่านรัฐมนตรีกระทรวงแท็บเล็ต "ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช" ท่านบอก
"........คาดว่ารัฐบาลจะอยู่ไม่ครบปี!"
พ่อเจ้าประคู้น...แม่เจ้าประคู้น...เจ้าทุ่ง เจ้าท่า เจ้าป่า เจ้าเขา เจ้าเต่าตาเหลือก ทั้งหลายเอ๋ย ช่วยยิ่งลักษณ์ผู้เลิศล้ำของลูกช้างให้ได้อยู่เป็นรัฐมนตรีครบปีด้วยเทิ้ดดดด!!!!
ผมเอาใจช่วยครับ อีกเดือนกว่าๆ เท่านั้นเอง แต่ฟังที่รัฐมนตรีสุชาติพูด "จะไม่ครบปี พ.ศ." มากกว่าจะไม่ครบปีที่ได้เป็นรัฐบาล-เป็นนายกฯ เอาน่า....หายใจลึกๆ ฉีกยิ้มให้กว้างๆ เข้าไว้ อีกเดือนกว่าครบปีนายกฯ และอีก ๖ เดือนครบปี พ.ศ.
ทักษิณคิด ยิ่งลักษณ์ทำ สบายอยู่แล้ว!
จะไม่สบายก็อีตรงทักษิณจะคิดแบบ "สิ้นคิด" เท่านั้นแหละ ถ้าอย่างนั้น เอาปูนคาดเผื่อๆ ไว้ จากวันนี้ไปถึงปลายธันวา ยิ่งลักษณ์ต้องระวัง "ดาวพุธเสีย" เพิ่มเป็น ๑๐ เท่า
เอกสาร-สัญญา ทั้งลับ-ทั้งแจ้ง การพูดจา ทั้งการพูดในสภาฯ-นอกสภาฯ, ในศาล-นอกศาล รวมถึงในพรรค-นอกพรรค รวมความว่า "การสื่อสาร" จะพาพัง
พังไม่นิดหน่อยนะคุณเธอ...ขอบอก ถึงขั้น "พลัดพราก" เลยทีเดียวแหละ นี่ถ้าไม่รักก็จะไม่บอกนะเนี่ย!
แต่พิศดูแล้ว "ข้างนอก" ทำไม่พัง "ข้างใน" ด้วยกันเองนั่นแหละ จะพาข้างนอกมาร่วมข้างในทำให้พัง นี่...ถามนิดเถอะ โผ ครม.ชุดใหม่ มีใครทำรั่วออกไปหรือเปล่า เห็นไฮยีนารุมขย้ำกันเอง แถมลากไส้ออกมากองอึ้ดทึ่ด?
"โผ ครม." ก็อยู่ในความหมาย "เอกสาร-สื่อสาร" แถมแต่ละเรื่องที่รัฐมนตรีสุชาติยกมาเป็นเหตุผลประกอบคำทำนายว่ารัฐบาลจะอยู่ไม่ครบ ก็ล้วนแล้วแต่อยู่ในความหมายเอกสาร-สัญญา คำพูด-คำจาว่าด้วยการสื่อสารนาซา (เอ๊ย..ไม่ใช่ ขอโทษ) ทั้งสิ้น ลองฟังเพื่อพิเคราะห์อีกทีก็ได้
".......ส่วนตัวผมมองว่าการปรับเเปลี่ยน ครม.ในช่วงนี้คงทำได้ยาก และเป็นเรื่องเล็ก เพราะช่วงนี้รัฐบาลกำลังมีมรสุมเยอะมาก จนต้องคิดว่าจะดำเนินการทั้งระบบเพื่อให้อยู่ต่อได้อย่างไร ไม่ว่าจะเป็นกรณีของนายจตุพร พรหมพันธุ์ ที่โดนสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญยื่นถอนประกัน คดีก่อการร้ายปี ๒๕๕๓ ตลอดจนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่อาจทำให้ ส.ส.หลายคนถูกถอดถอน และเป็นเหตุให้พรรคการเมืองที่เกี่ยวข้องถูกยุบพรรค ปัญหาการแบ่งแยกสียังไม่จบสิ้นลง และดูเหมือนจะรุนแรงมากขึ้น อาจจะส่งผลให้รัฐบาลอยู่พ้นสิ้นปีนี้ได้ลำบาก"
อืมมมม...มองกันด้วยข้อเท็จจริง มันก็จริงอย่างที่คุณสุชาติว่า แต่สำหรับคนที่มองผ่านเขี้ยวหมานึกว่างาช้างแล้วเหิมเกริมในความเป็น "กองกำลังนอกระบบ" ของตน ถึงรู้ว่าจริงแต่ก็ไม่ยอมรับ เพราะกำซาบในอหังการ...พูดมาก...เดี๋ยวกูสั่งเผาซะเลยนี่ อะไรทำนองนั้น!
พูดถึงประเด็นยุบพรรคก็ขอบอกตรงนี้เลยว่า กรณีศาลรัฐธรรมนูญให้ยุติการโหวตวาระ ๓ ชั่วคราว เพื่อการวินิจฉัยตามมาตรา ๖๘ ก่อนนั้น ศาลมีตารางวันนัดไต่สวนพยานบุคคลแล้วดังนี้
ฝ่ายผู้ร้อง พลเอกสมเจตน์ บุญถนอม กับพวกผู้ยื่นคำร้องที่ ๑ นายวันชัย ชำนาญกิจ ผู้ยื่นคำร้องที่ ๒ นายวิรัช กัลยาศิริ ส.ส.ประชาธิปัตย์ ผู้ยื่นคำร้องที่ ๓ นายวรินทร์ เทียมจรัส ผู้ยื่นคำร้องที่ ๔ นายบวร ยสินทร และคณะผู้ร้องที่ ๕ ทั้งหมดนี้ศาลนัดไต่สวนวันที่ ๕ ก.ค. ๐๙.๓๐ น.
ส่วนผู้ถูกร้อง นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา ผู้ถูกร้องที่ ๑ คณะรัฐมนตรี ผู้ถูกร้องที่ ๒ พรรคเพื่อไทย ผู้ถูกร้องที่ ๓ พรรคชาติไทยพัฒนา ผู้ถูกร้องที่ ๔ นายสุนัย จุลพงศธร และคณะผู้ถูกร้องที่ ๕ และนายภราดร ปริศนานันทกุล และคณะผู้ถูกร้องที่ ๖ ศาลนัดวันที่ ๖ ก.ค. ๐๙.๓๐ น.
ถ้าศาลวินิจฉัยว่าการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญมาตรา ๒๙๑ ด้วยรูปแบบและวิธีดังที่ทำกันอยู่นั้นผิดตามร้องละก็ ไม่เพียงคว่ำเข่ง "ยุบพรรค-ยุบรัฐบาล" เท่านั้น ยังจะ "คว่ำเข่ง-เข้าคุก" กันทั้งหมดด้วย
ตานี้แหละ อาถรรพณ์ ๑๔ กรกฎาคม มีโอกาสเป็นวัน "คุกลาดยาว" เปิด แทนวัน "คุกบาสตีย์" แตก ก็เป็นได้. !?
www.thaipost.net
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น