วันศุกร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2555

อมตะ บี.กริม เพาเวอร์ เตรียมขยายโรงผลิตไฟฟ้ารายย่อย

อมตะ บี.กริม เพาเวอร์ บริษัทในกลุ่ม บี.กริม เป็นผู้ผลิตไฟฟ้าในโครงการ SPP (Small Power Producer) รายแรกๆ และเป็นหนึ่งในผู้ผลิตที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย บริษัทวางแผนขยายโรงไฟฟ้าเป็น 16 โรง ขายให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตโรงละ 90 เมกะวัตต์ และขายให้โรงงานกว่า 800 ราย ใน 6 นิคมอุตสาหกรรม

 

 

กลุ่ม อมตะ บี.กริม เพาเวอร์ แจ้งแผนการดำเนินการขยายกิจการโรงผลิตไฟฟ้า ในฐานะผู้ผลิตไฟฟ้ารายย่อย หรือ Small Power Producer (SPP) เพิ่มขึ้นเป็น 16 โรงจากเดิมในปัจจุบัน อมตะ บี.กริม เพาเวอร์ มีโรงผลิตไฟฟ้าที่เปิดดำเนินการอยู่ทั้งสิ้นจำนวน 3 โรง แบ่งเป็นจำนวน 2 โรงตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร จังหวัดชลบุรี และอีก 1 โรงตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้เบียนโฮ ประเทศเวียดนาม ปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 363 เมกะวัตต์ สำหรับจำหน่ายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และจำหน่ายไฟฟ้าและไอน้ำให้แก่ลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมต่าง ๆ มากกว่า 200 ราย

นางปรียนาถ สุนทรวาทะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (President) กล่าวว่า “เนื่องจากเศรษฐกิจของไทยเติบโตอย่างมาก ทำให้ความต้องการใช้ไฟฟ้าของประเทศในภาพรวมเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคอุตสาหกรรม โดยในปี 2555 อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน” ซึ่งจะเห็นได้ว่าในปีเดียวกันนี้ ความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 26,355เมกะวัตต์ เพิ่มขึ้น 7.27 เปอร์เซ็นต์ จากปี 2554 ซึ่งมีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดอยู่ที่ 24,568เมกะวัตต์ และคาดการณ์ว่าในปี 2556 ความต้องการใช้ไฟฟ้าจะเพิ่มสูงขึ้นถึง 27,443 เมกะวัตต์ หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 4.13 เปอร์เซ็นต์จากปัจจุบัน

ดังนั้น อมตะ บี.กริม เพาเวอร์ จึงวางแผนการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มมากขึ้นดังกล่าว โดยปัจจุบันบริษัทกำลังก่อสร้างโรงไฟฟ้าอยู่อีก 3 โรง และตั้งเป้าว่าจะสร้างโรงไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอีกจำนวน 10 โรง รวมกับโรงไฟฟ้าที่เปิดดำเนินการอยู่จะเป็นจำนวนทั้งสิ้น 16 โรงใน 6 นิคมอุตสาหกรรมให้แล้วเสร็จภายในปี 2562 โดยโรงไฟฟ้าทั้ง 16 โรง จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมกันประมาณ 2,000 เมกะวัตต์ ซึ่งจะสามารถผลิตไฟฟ้าเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของโรงงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ จำนวนมากกว่า 800 ราย นอกเหนือจากที่ส่งให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิต

“ความต้องการใช้ไฟฟ้าของประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของเรียลเซ็คเตอร์ ที่ต้องการไฟฟ้าเพื่อไปผลิตสินค้าส่งออก ซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมาก และครอบคลุมอุตสาหกรรมที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมยานยนต์, ไอที จนถึงระบบการคมนาคมขนส่ง และภาคอุตสาหกรรมอื่น ๆ อีกมากมายในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ” นางปรียนาถกล่าวปิดท้าย

สำหรับกระบวนการผลิตไฟฟ้าของอมตะ บี.กริม เพาเวอร์ ซึ่งใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงในการผลิต นั้นระบบ Co-Generation Combined Cycle จะช่วยในเรื่องของการใช้ก๊าซธรรมชาติให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เนื่องจากมีการใช้เชื้อเพลิงในปริมาณที่น้อยลง ทำให้ลดต้นทุนของประเทศในการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเพื่อนำมาใช้ในการผลิตไฟฟ้า รวมทั้งยังได้ผลผลิตไอน้ำที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในโรงงานอุตสาหกรรมอื่นๆต่อไปได้ ทำให้เกิดการใช้พลังงานที่คุ้มค่า นอกจากนี้บริษัทยังคำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนและชุมชนเป็นหลัก ตามแนวคิดในการดำเนินธุรกิจของกลุ่ม บี.กริม ที่ยึดหลัก “การดำเนินธุรกิจด้วยความโอบอ้อมอารี” ดังนั้น อมตะ บี.กริม เพาเวอร์ จึงส่งเสริมกิจกรรมเพื่อสังคมและเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยได้ริเริ่มและดำเนินโครงการส่งเสริมความสัมพันธ์ร่วมกับชุมชนมากมายอย่างต่อเนื่อง อาทิ โครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย โครงการปลูกป่าชายเลน และโครงการการเรียนการสอนร่วมกับกรมอาชีวศึกษา เป็นต้น”

www.newswit.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม