“สนามม้านางเลิ้ง” หรือเรียกอย่างเป็นทางการว่า “ราชตฤณมัยสมาคมแห่งประเทศไทย” แหล่งบันเทิงยอดฮิตติดอันดับของคนสมัยรุ่นคุณทวด ที่มีจุดกำเนิดจากการที่รัชกาลที่ 5 ทรงเสด็จกลับจากประพาสยุโรปเมื่อปี 2440 “สโมสรน้ำเค็มศึกษา” ซึ่งมีสมาชิกเป็นข้าราชการหรือนักเรียนที่เคยผ่านยุโรป ได้ร่วมกันจัดการแข่งขันม้าที่ท้องสนามหลวง น้อมเกล้าถวายฯ แสดงความจงรักภักดี การแข่งขันนั้นทำโดยใช้ม้าเทียมรถของเจ้าของคอกม้าต่างๆ มาแข่งกัน อันเป็นที่มาของ “การแข่งม้าแบบฝรั่งครั้งแรกในประเทศไทย”
ครั้นถึงสมัยรัชกาลที่ 6 พระยาประดิพัทธภูบาล และพระยาอรรถการประสิทธิ์ ได้ทำหนังสือทูลเกล้าฯ ถวายที่ดินของกรมอัศวราชมี ขอตั้งสโมสรสนามม้าแข่งเพื่อบำรุงพันธุ์ม้า ทรงมีพระบรมราชานุญาตพร้อมกับพระราชทานนามว่า “ราชตฤณมัยสมาคม” และทรงรับไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อนำรายได้มาบำรุงพันธุ์ม้า แต่ต่อมาได้มีกีฬาประเภทอื่นๆ เพิ่มอยู่ในสนามม้าแห่งนี้ เช่น สนามเทนนิส ฟุตบอล โต๊ะบิลเลียด และกอล์ฟ
ภายในสนามม้านางเลิ้ง นอกจากจะมีการแข่งม้าและได้ชมสถาปัตยกรรมอันเก่าแก่หายากแล้ว ที่นี่ยังมีตำนานเรื่องความอร่อยของอาหาร ซึ่งหลายคนที่ยังไม่เคยไปสนามม้านางเลิ้ง อาจจะมองข้าม “ห้องอาหารราชตฤณมัย” ที่นักชิมระดับตำนานเจ้าของป้ายความอร่อยชื่อดังหลายท่านยังอดชมไม่ได้ เช่นเมนู เมี่ยงคะน้า, แกงเลียง, ต้มยำปลาแซลมอน, ข้าวตังหน้าตั้ง, ไส้กรอกวูมิค, ลูกชิดถั่วแดง, เป็ดย่าง, สเต็กปลาแซลมอน, หมู, เนื้อ, ไก่, เนื้อสันในย่าง, บุฟเฟ่ต์กลางวัน แต่จริงๆ แล้วก็อร่อยทุกอย่าง เพราะผ่านกาลเวลามาจนเป็นที่ยอมรับในหมู่ผู้ที่มายังสนามม้าแห่งนี้รุ่นแล้วรุ่นเล่า บอกกันปากต่อปากเรื่อยมาหลายยุคหลายสมัย สร้างตำนานเล่าขานถึงห้องอาหารแห่งนี้มาตลอด แต่ที่สำคัญยังมีร้านกาแฟชื่อ “HORSE COFFEE” ซึ่งกาแฟทุกแก้วผ่านการพิสูจน์จากหนึ่งในกูรูด้านความอร่อยโดย “อาจารย์จริยา เดชกุญชร” ไม่ว่าจะเป็น เอสเปรซโซ่, คาปูชิโน่, มอคค่า, อเมริกาโน่ และเครื่องดื่มหลากหลายชนิด พร้อมเสิร์ฟด้วยของหวาน เน้นรสชาติความเป็นไทยอย่าง วุ้นใบเตย, วุ้นมะตูม, เค้กมะตูม, ฟรุ๊ตเค้ก ฯลฯ หรือแซนวิชนานาชนิด และขนมปังหน้าต่างๆ ที่ใหม่สดทุกวัน ด้วยสนนราคาที่ไม่แพง บรรยากาศภายในร้านปลอดโปร่งโล่งสบายตา
ดังนั้นสนามม้านางเลิ้ง จึงไม่ใช่แค่สถานที่ของคนที่ชอบเล่นม้าเพียงอย่างเดียว แต่ที่นี่ยังมีดีที่เป็นแหล่งความอร่อย รวมไปถึงการได้มาศึกษาสถานที่อันเป็นประวัติศาสตร์ยาวนานของประเทศไทยอีกด้วย
หากย้อนอดีตไปดูเรื่องราวการแข่งขันกีฬาแบบฉบับชาวตะวันตกในครั้งสมัย “พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว” รัชกาลที่ 6 แล้วละก็…? บนถนนพิษณุโลก จะเห็นผู้คนเนืองแน่นเพื่อไปรอชมการแข่งขันกีฬา “ม้าแข่ง” ที่ใครๆ ก็รู้จักกันดีนั่นก็คือ “สนามม้านางเลิ้ง” แหล่งบันเทิงยอดฮิตติดอันดับของคนสมัยก่อนโน้น
ราชตฤณมัยสมาคมแห่งประเทศไทย หรือ สนามม้านางเลิ้ง มีจุดกำเนิดจากการที่รัชกาลที่ 5 ทรงเสด็จกลับจากเสด็จประพาสยุโรปเมื่อปี 2440 “สโมสรน้ำเค็มศึกษา” ซึ่งมีสมาชิกเป็นข้าราชการหรือนักเรียนที่เคยผ่านยุโรป ได้ร่วมกันจัดการแข่งขันม้าที่ท้องสนามหลวง น้อมเกล้าถวายฯ แสดงความจงรักภักดี การแข่งขันนั้นทำโดยใช้ม้าเทียมรถของเจ้าของคอกม้าต่างๆ มาแข่งกัน อันเป็นที่มาของ “การแข่งม้าแบบฝรั่งครั้งแรกในประเทศไทย”
เมื่อถึงสมัยรัชกาลที่ 6 พระยาประดิพัทธภูบาลและพระยาอรรถการประสิทธิ์ได้ทำหนังสือทูลเกล้าฯ ถวายที่ดินของกรมอัศวราชมีขอตั้งสโมสรสนามม้าแข่งเพื่อบำรุงพันธุ์ม้าทรงมีพระบรมราชานุญาตพร้อมกับพระราชทานนามว่า “ราชตฤณมัยสมาคม” และทรงรับไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อนำรายได้มาบำรุงพันธุ์ม้า ซึ่งในระยะแรกได้มีการสั่งพันธุ์ม้ามาจากประเทศออสเตรเลียและประเทศอังกฤษ เข้ามาผสมกันได้ลูกพันธุ์ม้าที่ดีมากขึ้น กิจการของราชตฤณมัยสมาคมนี้ ต่อมา ได้มีที่เล่นกีฬาประเภทอื่นๆ เพิ่มขึ้น เช่น สนามเทนนิสฟุตบอล โต๊ะบิลเลียด กอล์ฟ
ปัจจุบันสมาคมฯ ทำหน้าที่ในการดำเนินกิจการแข่งม้า จัดทำทะเบียนประวัติม้า เจ้าของและผู้ที่เกี่ยวข้อง เช่น ผู้แทนคอก ผู้ฝึกซ้อม ฯลฯ เป็นศูนย์ฝึกอบรมม้าแข่งและทดสอบม้า ส่วนการแข่งขันจะจัดในวันอาทิตย์เว้นอาทิตย์สลับกับสนามราชกรีฑาโมสร ซึ่งรวมการจัดแข่งม้าเที่ยวชิงถ้วยตามประเพณี 4 ถ้วยคือ ถ้วยพระราชทาน “ดาร์บี้” ถ้วยพระยาประดิพัทธภูบาล ถ้วยรามราฆพและถ้วยสภานายก
จะว่าไปแล้ว “สนามม้านางเลิ้ง” ถือเป็นสถาบันที่เป็นหนึ่งในมรดกของ รัชกาลที่ 5 พระมหากษัตริย์นักปฏิรูปสังคม ผู้ก่อตั้งและสถาปนา รัฐชาติสมัยใหม่ ให้กับสยามประเทศ พระองค์ทรงริเริ่มสร้าง สนามแข่งม้า ขึ้นเป็นครั้งแรกในสยามประเทศหลังเสด็จพระราชดำเนินกลับจาก ประพาสยุโรปปฐมเหตุมาจากราชการพร้อมใจกันจัดงานเฉลิมฉลองถวายการต้อนรับ นอกจากจะมีงานเลี้ยงและการแสดงการละเล่นต่างๆ แล้ว สโมสรน้ำเค็มศึกษา แหล่งรวมข้าราชการที่เป็นนักเรียนเก่ายุโรป ภายใต้การนำของท่านประธาน กรมขุนพิทยลาภพฤติธาดา ตกลงร่วมกันจัดให้มีการแข่งม้าถวาย โดยใช้ “สนามหลวง” เป็น สนามแข่งม้าชั่วคราว การแข่งม้าครั้งแรกในสยามประเทศครั้งนั้นยังไม่มี ม้าแข่งพันธุ์ดีราคาแพงจากต่างประเทศคงใช้ม้าเทียมรถ ส่วนจ๊อกกี้ก็ยังคงมาจากสารถีรถม้า อันเป็นที่มาของสนามแข่งม้าและสโมสรกีฬาแบบตะวันตกแห่งแรกในสยามประเทศ ภายใต้นาม ราชกรีฑาสโมสร หรือ สปอร์ตคลับ แหล่งประทับตราความเป็นชนชั้นนำของสยามประเทศ จวบจนทุกวันนี้
อย่างไรก็ตามปัจจุบันราชตฤณมัยสมาคม แม้จะเป็นสนามแข่งม้าและสโมสรกีฬาแบบตะวันตก ที่อีกความหมายหนึ่งเป็นตราประทับความเป็นชนชั้นนำเหมือนกันก็จริงแต่ที่ต่างกัน ก็คือแห่งแรกบริหารแบบฝรั่ง แห่งหลังบริหารแบบฝรั่งประยุกต์ ในที่สุดเมื่อเวลาผ่านไปโดยเฉพาะในช่วง 40 ปีหลัง ผลแห่งความแตกต่างก็เกิดขึ้นกับ สนามฝรั่ง และ สนามไทย พร้อมๆ กับ การเปลี่ยนแปลงยกระดับชนชั้นตามการเปลี่ยนแปลงของระบบการเมืองและระบบเศรษฐกิจไทย เห็นได้ชัดว่าที่ สนามฝรั่ง ป้อมปราการของผู้ดีเก่า ยังคงเหนียวแน่นไม่เปิดให้ ผู้ดีใหม่, เศรษฐีใหม่ เดินเข้ามาง่ายๆ แตกต่างกับ สนามไทย ที่ระยะหลัง กลุ่มอำนาจในชนชั้นปกครอง, ผู้ดีใหม่ เริ่มเข้ามาผสมผสานกับผู้ดีเก่ามากขึ้นๆ จนกลายเป็นแกนนำในที่สุด….และท้ายที่สุดจาก “สโมสรกีฬา” วัตถุประสงค์เดิมเพื่อการสมาคมสังสรรค์, ออกกำลังกาย, กีฬา และ เริงรมย์ เริ่มเพิ่มเป็นแหล่งการพนัน ทำให้ ผลประโยชน์หมุนเวียนมหาศาล ทั้งในระบบ และนอกระบบ กลายเป็นกึ่งเปิด-กึ่งปิด, กึ่งถูก-กึ่งผิด แน่นอนว่ากลายเป็นหนึ่งในแหล่งทุนทางการเมืองระดับใดระดับหนึ่ง….? อนิจจาของดี กทม.ที่ถูกกลืน
www.banmuang.co.th
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น