ผบ.ตร.กำชับคดีคนร้ายฆ่าชิงทรัพย์นักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลีย-ฟันเพื่อนสาวเจ็บ ที่ภูเก็ต เป็นคดีพิเศษ ลั่นจับให้ได้โดยเร็ว หวั่นกระทบต่อความเชื่อมั่นด้านการท่องเที่ยว ตั้งชุดเฉพาะกิจ 3 ชุดไล่ล่า
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 21 มิ.ย.นี้. ห้องประชุมสิมิลัน โรงแรมกะตะธานี ภูเก็ต บีช รีสอร์ท ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต พ.ต.อ.ชำนาญ แป้นนาบอน รองผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พร้อมด้วย พ.ต.อ.ศิริศักดิ์ วาสะศิริ ผกก.สภ.ฉลอง นายสมบัติ อติเศรษฐ์ ประธานกรรมการบริหารโรงแรมกะตะธานี ภูเก็ต บีช รีสอร์ท ร่วมกันแถลงข่าวความคืบหน้ากรณีที่คนร้ายเป็นชายวัยรุ่น 2 คน ใช้อาวุธมีดแทง นางสาวสมิทธ มิเชล อลิชซาเบท อายุ 59 ปี สัญชาติออสเตรเลีย เสียชีวิต และใช้อาวุธมีดฟัน นางสาวลินนี่ แทมมี่ ลี อายุ 45 ปี สัญชาติออสเตรเลีย เพื่อนผู้ได้ตายได้รับบาดเจ็บเย็บ 24 เข็ม หลังผู้ตายขัดขืน ไม่ส่งกระเป๋าสะพายให้ ก่อนขี่ จยย.หลบหนีไป ตามรายงานข่าวก่อนหน้านี้
พ.ต.อ.ศิริศักดิ์ วาสะศิริ ผกก.สภ.ฉลอง กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นแหตุการณ์ที่สะเทือนขวัญอย่างยิ่ง เป็นการกระทำที่ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวของ จ.ภูเก็ต อย่างมาก และขอแสดงความเสียใจต่อชาวออสเตรเลียทุกคนที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ขณะนี้ทาง พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร. ได้สั่งการกำชับคดีมาเป็นพิเศษ และสั่งการให้จับคนร้ายให้ได้โดยด่วน และสั่งการให้ พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รองผบ.ตร. เข้ามาดูแลสำนวนในคดีดังกล่าวนี้ นอกจากนั้น ให้ พล.ต.ต.พิสัณห์ จุลดิลก รองผบช.ภาค 8 ให้เข้ามาดูแลควบคุมคดีอีกด้วย ซึ่งขณะนี้ได้มีชุดสืบสวน ภ.จว.ภูเก็ต เจ้าหน้าที่ตำรวจ นปพ. และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.ฉลอง ได้แบ่งงานทำจำนวน 3 ชุด คือ ชุดแกะเส้นทางที่คาดว่าคนร้ายจะหลบหนี ชุดที่ 2 ชุดการสืบประวัติหากลุ่มบุคคล หรือกลุ่มต้องสงสัยที่เคยก่อคดีในลักษณะดังกล่าวจากแฟ้มประวัติคนร้าย ชุดที่ 3 ชุดติดตามคนร้ายจากภาพและรถจักรยานยนต์ที่ได้จากกล้องวงจรปิด ซึ่งขณะนี่เราทราบเพียงว่าคนร้ายที่ก่อเหตุเป็นชายวัยรุ่น 2 คน อายุไม่เกิน 25 ปี และทราบรถจักรยานยนต์ที่ก่อเหตุแล้ว เป็นยี่ห้อฮ้อนด้า รุ่นดรีม ส่วนป้ายทะเบียน ขณะนี้กำลังให้ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคแกะตัวเลขจากป้ายทะเบียนรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวอยู่ ขณะนี้มีความคืบหน้าไปมากแล้ว แต่ยังไม่สามารถออกหมายจับ หรือออกภาพสเก็ตช์คนร้ายได้ แต่เชื่อว่าน่าจะสามารถจับกุมคนร้ายในคดีนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมายได้อย่างแน่นอน
ด้านนายสมบัติ อติเศรษฐ์ ประธานกรรมการบริหารโรงแรมกะตะธานี ภูเก็ต บีช รีสอร์ท กล่าวว่า ตนต้องแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต เพื่อนของนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาด้วยกัน และนักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลียทุกคน พร้อมทั้งชี้แจงว่า ทางโรงแรมมีมาตรการในการป้องกันภัยอย่างดีเยี่ยม โดยภายในโรงแรมมีกล้อง CCTV ทั้งหมด 110 จุด ด้านหน้าโรงแรมจากจุดลงเขา จนถึงบริเวณถนนด้านนอกโรงแรมมีทั้งหมด 8 ตัว แต่ละตัวห่างกัน 800 เมตร มีพนักงานรักษาความปลอดภัยจำนวน 23 คน ซึ่งดูแลความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง นอจากนั้น ยังได้ประสานไปยังเทศบาลตำบลกระรนเพื่อเพิ่มความสว่างตลอดเส้นทางดังกล่าว ซึ่งโรงแรมให้ความสำคัญกับความปลอดภัยในเรื่องชีวิตและทรัพย์สินของลูกค้าเป็นอย่างยิ่ง และเชื่อว่าคดีนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายได้แน่ ซึ่งหตุการณ์ครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวอย่างแน่นอน ที่สำคัญกลุ่มผู้ตายและผู้ได้รับบาดเจ็บนั้น เป็นเอเย่นต์ทัวร์ของประเทศออสเตรเลีย มาสำรวจตลาดการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ตเพื่อนำไปประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต และดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาในจังหวัดภูเก็ต และขณะนี้กลุ่มเพื่อนของผู้ตายทั้งหมด ก็ได้เช็กเอ้าท์ออกจากโรงแรม เพื่อเดินทางกลับประเทศก่อนกำหนด เพราะตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งหลังจากนี้ตนจะต้องติดตามความคืบหน้าของกรุ๊ปทัวร์กรุ๊ปนี้ตลอดเวลา หากมีอะไรที่ให้การช่วยเหลือจะให้การช่วยเหลือให้ถึงที่สุด นอกจากนั้น ในเรื่องของคดี ทางกงสุลออสเตรเลียพอใจกับการประสานงานของโรงแรมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และย้ำว่าหากจับผู้ร้ายได้ ผู้เสียหายจะต้องกลับมาชี้ตัว ทางโรงแรมจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด ถึงแม้ว่าจะเกิดเหตุบริเวณถนนนอกโรงแรม แต่เขาก็คือลูกค้าของโรงแรม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่ทางโรงแรมให้ความสำคัญ เพราะอาจจะทำให้สูญเสียความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ และหลังจากนี้ตนต้องหามาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มข้นกว่าเดิม.
www.thairath.co.th
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น