วันศุกร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2555

เรดาร์ขัดข้อง โยนวิทยุการบิน เป็นผู้รับผิดชอบ

"ผอ.สุวรรณภูมิ" โยนวิทยุการบินฯ รับผิดชอบจากเหตุระบบไฟฟ้าเรดาร์ขัดข้อง รวมถึงค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่กระทบต่อการบริการในสนามบิน จี้จัดเตรียมระบบไฟสำรองและอะไหล่ให้พร้อมไม่ให้ขัดข้องซ้ำ...

เมื่อวันที่ 22 มิ.ย.2555 นายสมชัย สวัสดีผล ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กล่าวถึง กรณีระบบไฟฟ้าเรดาร์ขัดข้องจนเกิดความล่าช้าต่อเที่ยวบินในการขึ้นลงเมื่อคืนวานนี้ว่า ได้ส่งผลกระทบต่อการบริการทำให้เที่ยวบินขึ้นลงล่าช้าประมาณ 40 นาที จำนวน 9 ลำ โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางบริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทยต้องรับผิดชอบ ในฐานะทำหน้าที่บริหารจัดการการจราจรทางอากาศ ซึ่งจะต้องเตรียมเรื่องระบบไฟสำรอง อะไหล่ต่างๆ เพื่อให้มีความพร้อม ไม่ให้เกิดเหตุขัดข้องซ้ำในอนาคตกระทบต่อการบริการในท่าอากาศยาน รวมถึงต้องจัดทำมาตรการความปลอดภัยให้มากกว่านี้ อย่างไรก็ตามในเวลา 11.00 น.วันนี้ ทางวิทยุการบินฯ จะแถลงข่าวถึงสาเหตุที่เกิดขึ้น ซึ่งหากมีความเสียหายหรือข้อร้องเรียนใดเกิดขึ้นในการให้บริการในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ทางวิทยุการบินฯ ต้องรับผิดชอบ รวมถึงค่าใช้จ่ายทั้งหมด ซึ่งจะต้องมีการหารือกันภายหลัง

นอกจากนี้ เพื่อไม่ให้กระทบต่อการบริการของท่าอากาศยานฯ ในอนาคต จะเรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาหารือ ไม่ใช่เฉพาะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับระบบเท่านั้น แต่จะเรียกศุลกากร ตรวจคนเข้าเมือง และกรมอุตุนิยมวิทยาเข้าหารือเพื่อเตรียมความพร้อม

ขณะที่นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ระบุว่า กรณีไฟฟ้าเรดาร์ขัดข้องเกิดจากกระแสไฟฟ้าขัดข้องกะทันหัน จนไม่สามารถจ่ายไฟฟ้าเข้าสู่เรดาร์รับส่งสัญญาณให้เครื่องบินขึ้นหรือลงจอดได้ เพราะอุปกรณ์ไฟฟ้าที่สั่งจ่ายไฟไปยังเรดาร์ระเบิด ระบบไฟฟ้าจะตัดไฟกะทันหัน ทำให้ต้องรีบูตเครื่องใหม่ ใช้เวลาประมาณ 40 นาที ทั้งนี้ ยืนยันว่าไม่มีผลต่อความปลอดภัย แต่มีผลต่อความสะดวกของผู้โดยสาร ทำให้เครื่องบินดีเลย์ประมาณ 40 นาที

อย่างไรก็ตาม จะต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียด และมีการสอบถามในเชิงลึกถึงสาเหตุที่เกิดขึ้น พร้อมกับเตรียมเแนวทางป้องกันปัญหาเพื่อไม่ให้เกิดเหตุซ้ำอีก ส่วนสาเหตุกระทบไปถึงเครื่องบินที่ไม่สามารถไปลงจอดสนามบินดอนเมืองได้นั้น เนื่องจากระบบการจราจรทางอากาศของสนามบินดอนเมือง และสนามบินสุวรรณภูมิเป็นระบบเดียวกัน

m.thairath.co.th

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม