วันพุธที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ซ่อมรันเวย์สุวรรณภูมิ ย้ำเครื่องลงช้าเล็กน้อย

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ตามหน้าหนังสือพิมพ์และสื่อต่างๆ ให้ความสนใจกับข่าวการปิดซ่อมรันเวย์สุวรรณภูมิ ฝั่งตะวันออก เนื่องจากผู้ใช้บริการมีความกังวลในการไปใช้บริการ เกรงว่าจะขึ้นเครื่องไม่ทัน แต่ในขณะเดียวกัน ในส่วนของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องได้มีการแจ้งเตือนและประชาสัมพันธ์กันบ้างแล้ว แต่เมื่อมีการปิดซ่อมจริง ผลออกมาจะเป็นยังไง เราได้มีการเก็บข้อมูลเหล่านั้นมาดูกันว่าจริงเท็จแค่ไหนที่การปิดซ่อมครั้งนี้ กระทบใครบ้าง
บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ได้ออกมาระบุว่ามีเที่ยวบินล่าช้าหรือดีเลย์ในวันแรกของการปิดซ่อมรันเวย์ทั้งเที่ยวบินทั้งขาเข้าและขาออกรวมแล้วจำนวน 380 เที่ยวบิน โดยเที่ยวบินที่ได้รับผลกระทบจะเป็นเที่ยวบินช่วงกลางคืนตั้งแต่ 3 ทุ่มเป็นต้นไป เนื่องจากช่วงกลางคืนจะทำการบินได้เพียง 1 รันเวย์เท่านั้น ต่างจากในช่วงกลางวันที่ใช้งานรันเวย์ด้านฝั่งตะวันออกที่ปิดซ่อมได้บางส่วน และใช้งานรันเวย์ฝั่งตะวันตกได้
สายการบินที่ได้รับผลกระทบ เกิดการดีเลย์ คือ ยูไนเต็ด แอร์ไลน์ แต่ทางฝ่ายบริหาร ทอท. ออกมาเปิดเผยว่า การดีเลย์ที่เกิดขึ้น เกิดจาก 2 สาเหตุ คือ 1.ศักยภาพในการให้บริการของรันเวย์ที่ลดลงในช่วง 60 วันของการปิดซ่อมรันเวย์ฝั่งตะวันออก 2.เกิดจากปัญหาของสายการบินเองเช่น เครื่องบินมีปัญหา หรืออุปกรณ์มีปัญหา สำหรับสายการบินยูไนเต็ด แอร์ไลน์ส ถือว่าได้รับผลกระทบมากที่สุด และพบว่าเมื่อไม่สามารถทำการบินลงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้ เนื่องจากบินวนจนน้ำมันหมด ต้องนำเครื่องบินไปจอดที่ท่าอากาศยานดอนเมือง ซึ่งผู้โดยสารต้องรออยู่บนเครื่องเป็นเวลา 2 ชั่วโมงเพื่อเติมน้ำมันก่อนบินกลับมาลงที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ นางสาวมาริสา พงษ์พัฒนพันธุ์ ประธานคณะกรรมการดำเนินงานด้านธุรกิจการบิน หรือเอโอซี ได้กล่าวว่า การดีเลย์ที่เกิดขึ้นถือว่าค่อนข้างใกล้เคียงกับการคำนวณที่ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด หรือ บวท. ที่แจ้งแก่สายการบินกว่า 90 รายว่าจะมีเที่ยวบินจะดีเลย์มากน้อยต่างกันในแต่ละวัน มีตั้งแต่ที่ไม่ดีเลย์ ดีเลย์ 15 นาที 30 นาที 45 นาที และเฉลี่ยกรณีที่เลวร้ายที่สุดน่าจะเกิดการดีเลย์สูงสุดอยู่ที่ 75 นาทีสำหรับวันที่เที่ยวบินมากโดยเฉพาะวันศุกร์และเสาร์ ไม่รวมการดีเลย์จากสาเหตุอื่น
ในเวลาต่อมา ได้มีการประชุมในส่วนของแอร์ไลน์ เพื่อถกรับมือจากการที่สายการบินได้รับผลกระทบ จึงได้หารือถึงการลดผลกระทบที่เกิดขึ้น หลังจากมีการประชุมร่วมกันเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2555 ถึงกรณีที่สายการบินต่างๆ ได้วิตกกังวลถึงค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น จึงมีการตกลงร่วมกันว่าจะมีการยกเว้นค่าธรรมเนียมต่างๆ สำหรับการเปลี่ยนเที่ยวบินในกรณีที่เกิดปัญหาผู้โดยสารตกเครื่องจากเหตุการณ์ดังกล่าว รวมถึงร้องขอให้หน่วยงานต่างๆ เช่น ทอท. บวท. หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงท่าอากาศยานอู่ตะเภามีการประชุมร่วมกับสายการบินภายใน 7 วัน เพื่อประเมินผลกระทบและปรับแผนเพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้น
ทั้งนี้ ในส่วนของเอโอซีที่ได้ออกมาร้องขอให้ ทอท.ช่วยเหลือสายการบินในครั้งนี้ เนื่องจากการล่าช้า (ดีเลย์) ที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดจากสายการบิน แต่เป็นปัญหาจากศักยภาพในการให้บริการที่ลดลงจากการปิดซ่อมรันเวย์ นอกจากนี้ เอโอซียังต้องการเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำความเข้าใจกับผู้โดยสารและนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาประเทศไทยในช่วงเวลาดังกล่าวด้วย เพราะการดีเลย์ที่เกิดขึ้นหากไม่มีการชี้แจงผู้โดยสาร คนส่วนใหญ่ก็มักคิดว่าเกิดจากปัญหาของสายการบิน และปัญหาการดีเลย์ที่เกิดขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ด้านการให้บริการของสนามบินและการท่องเที่ยวของประเทศได้ การสื่อสารกับผู้โดยสารจึงเป็นเรื่องสำคัญ
และเมื่อเกิดเหตุดังกล่าวขึ้นมา ทอท.ได้ออกมาชี้แจงว่า สนามบินสุวรรณภูมิได้ให้ความสำคัญกับความล่าช้าของเที่ยวบินที่จะเกิดขึ้น จึงได้ประสานงานอย่างใกล้ชิดกับ บพ.และ บวท. เพื่อจัดเจ้าหน้าที่ที่มีความชำนาญด้านการจัดการจราจรทางอากาศให้มาปฏิบัติงานในช่วงนี้ให้มากขึ้น เพื่อช่วยให้สามารถจัดเที่ยวบินขึ้น-ลงได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น รวมทั้งประสานกับบริษัทที่ให้บริการภาคพื้นที่และการขนถ่ายสัมภาระให้การดำเนินการที่รวดเร็ว เตรียมพื้นที่สำรองไว้ให้สินค้าพักรอ เพื่อป้องกันสินค้าเน่าเสียหรือได้รับความเสียหาย กรณีที่มีเที่ยวบินล่าช้าเพื่อบรรเทาผลกระทบดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม จะว่าไปแล้วนับตั้งแต่เปิดให้บริการมาก็เกือบ 6 ปีถ้าจำไม่ผิด ปัญหาเกี่ยวกับการซ่อม ส่วนที่เสียหายนั้น ก็มีมาตั้งแต่วันแรกที่เปิดใช้สนามบินสุวรรณภูมิแล้ว โดยเฉพาะในส่วนของแท็กซี่เวย์และรันเวย์ ก็ปิดซ่อมกันมาอย่างต่อเนื่อง และไม่ใช่เพียงเท่านั้น ยังมีทั้งระบบสายพานลำเลียงและเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิด CTX ที่เป็นข่าวกระฉ่อนลือทั่วโลกถึงเรื่องการทุจริต ตามด้วยระบบสายไฟ และอื่นอีกมากมาย แถมท้ายด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกยังไม่มีความพร้อม ทั้งห้องน้ำและจุดตรวจคนเข้าเมือง จนทุกวันนี้ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่าสิ่งที่เป็นปัญหาในอดีตนั้นจะแก้ไขเรียบร้อยแล้ว ยังคงเป็นปัญหาคาราคาซังอยู่จนทุกวันนี้ เพราะที่ผ่านมานั้นผู้บริหารของ ทอท. ที่ปรับเปลี่ยนไปตามกระแสการเมืองก็ได้แต่สั่งให้ทำเท่านั้น พอหมดอำนาจลงก็ไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้น คราวนี้ก็เช่นกัน เห็นๆ กันอยู่มาดีเลย์ยังมีหน้าออกมาพูดว่าดีเลย์แค่เล็กน้อย เฮ้ย..วันเดียว 300 เที่ยวมันเป็นเรื่องเล็กน้อย.

www.thaipost.net

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม