มติชนออนไลน์ รายงานว่า วันที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๕๕ พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๕๓๘) พ.ศ. ๒๕๕๕ มีผลบังคับใช้เป็นกฎหมาย
เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ โดยที่เป็นการสมควรลดอัตราและยกเว้น ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ให้แก่ผู้มีเงินได้ซึ่งเป็นผู้อยู่ในประเทศไทย และได้รับเงินปันผลจากบริษัทหรือ ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศอันเนื่องมาจากหลักทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องนำเงินปันผลดังกล่าวมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ เมื่อมีการหักภาษี ณ ที่จ่าย ตามอัตราที่กฎหมายกำหนด ในทำนองเดียวกับเงินปันผลที่ได้รับจากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยอันเนื่องมาจากหลักทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเพื่อเป็นการสนับสนุนให้มีการนำหลักทรัพย์ต่างประเทศเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและสร้างแรงจูงใจในการลงทุนในตลาดทุนไทยอันจะมีผลเป็นการพัฒนาตลาดทุนไทยต่อไป
สาระสำคัญ ปรากฏอยู่ใน มาตรา ๓ ที่ระบุว่า ผู้มีเงินได้ซึ่งเป็นผู้อยู่ในประเทศไทยและได้รับเงินปันผลจากบริษัทหรือ ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศอันเนื่องมาจากหลักทรัพย์ที่จดทะเบียน ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และยอมให้ผู้จ่ายเงินได้นั้นหักภาษี ณ ที่จ่ายตามมาตรา ๕๐ (๒)แห่งประมวลรัษฎากร ในอัตราร้อยละสิบของเงินได้ เมื่อถึงกำ หนดยื่นรายการให้ได้รับยกเว้น ไม่ต้องนำเงินปันผลดังกล่าวมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ ทั้งนี้ เฉพาะกรณีที่ผู้มีเงินได้ไม่ขอรับ เงินภาษีที่ถูกหักไว้นั้นคืนหรือไม่ขอเครดิตเงินภาษีที่ถูกหักไว้นั้น ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน
www.matichon.co.th
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น